วิธีป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์: คู่มือสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและกลาง
ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางอาจไม่คิดถึงความปลอดภัยทางไซเบอร์ และถ้าหากคิด ก็คงไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง จากการศึกษาของ KPMG ที่สำรวจบริษัทขนาดเล็ก 1,000 แห่งใน UK, 51% ได้บอกว่าพวกเขาไม่เชื่อว่าการโจมตีทางไซเบอร์จะไม่เกิดขึ้นกับพวกเขา แต่ 60% ของบริษัทที่ถูกสำรวจได้เคยเผชิญกับการโจมตีแล้ว
การโจมตีทางไซเบอร์ที่ส่งผลให้เกิดมากกว่าการสูญเสียเอกสารบางตัวคือการสูญหายของข้อมูล ซึ่งสามารถส่งผลกระทบที่ยิ่งใหญ่กับบริษัทได้ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ก็ตาม ด้านล่างนี้เราได้แบ่งขั้นตอนของการโจมตีทางไซเบอร์ และวิธีการป้องกันไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้นกับตัวคุณเอง โดยที่คุณไม่ต้องเสียเวลาและเสียเงินมากมายใด ๆ
ในขณะที่เศรษฐกิจกำลังเติบโต มีบริษัทที่ไม่สามารถปกป้องข้อมูลของตัวเองได้จำนวนที่มากยิ่งขึ้น ในขณะที่มีบริษัทจำนวนมากที่อ้างว่า พวกเขาไม่จำเป็นต้องปกป้องตัวเองเนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าพวกเขามีขนาดเล็กจนเกินกว่าที่จะถูกโจมตี ดังนั้นพวกเขาเกือบทั้งหมดจึงไม่ต้องการใช้เวลาหรือเงินไปกับบางสิ่งที่พวกเขาไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม การป้องกันการโจมตีไม่ให้เกิดขึ้นตั้งแต่แรกมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่ถูกโจมตี
การโจมตีทางไซเบอร์คืออะไร?
การโจมตีทางไซเบอร์คือการที่แฮคเกอร์พยายามที่จะสร้างความเสียหายหรือทำลายเครือข่ายคอมพิวเตอร์หรือระบบ ซึ่งการโจมตีนี้จะเกี่ยวข้องกับการละเมิดทางด้านข้อมูล ซึ่งก็คือการที่ข้อมูลที่มีความบอบบางหรือเป็นความลับได้ถูกเปิดเผย, นำมาใช้งาน, หรือถูกขโมยโดยผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต การโจมตีทางไซเบอร์สามารถเป็นได้ในรูปแบบของการขโมย, ไวรัส, มัลแวร์, การหลอกลวง หรือการบีบบังคับ
การโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นบ่อยมากยิ่งขึ้นคือการโจมตีด้วย ransomware ซึ่งจะเป็นการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อให้ผู้ที่ต้องการใช้ข้อมูลนั้นยอมจ่ายเงินก่อนที่จะสามารถถอดรหัสได้ WannaCry และ Petya เป็นตัวอย่างล่าสุดที่เกิดขึ้นในรูปแบบของ ransomware
การโจมตีทางไซเบอร์อีกรูปแบบหนึ่งคือ sniffer ซึ่งเป็นการดักจับทราฟฟิกที่ถูกส่งเข้าและออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์ ถึงแม้ว่ามันจะดูไม่เป็นอันตรายใ ด ๆ แต่การโจมตีทางไซเบอร์นี้จะสามารถเปิดเผยข้อมูลบางอย่างของบริษัทได้
การโจมตีทางไซเบอร์เกิดขึ้นได้อย่างไร?
มีหลายวิธีที่แฮคเกอร์จะสามารถเข้าถึงเครือข่ายเน็ตเวิร์คของคุณได้ แต่การโจมตีหลาย ๆ ครั้งในปัจจุบันนั้นสามารถตรวจสอบได้ยาก
การโจมตีทางไซเบอร์โดยส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นผ่านทางอีเมลหลอกลวง, การโจมตีทางโทรศัพท์, หรือการดักจับทราฟฟิก Petya attack ล่าสุดได้หลุดออกมาผ่านทางอัพเดทสำหรับระบบทางบัญชี ที่บริษัททุกบริษัทซึ่งทำงานให้กับรัฐบาลยูเครนจะต้องใช้ นอกจากนี้ยังมีวิธีการโจมตีในแบบอื่น ๆ อีกด้วย ที่เรียกว่า Distributed Denial of Service (DDoS) ซึ่งเป็นการส่งข้อมูลทราฟฟิกจำนวนมากเพื่อที่จะทำให้ระบบล่ม ซึ่งการทำให้ระบบล่มนี้ถือเป็นการกันไม่ให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเว็บไซต์หรือบริการของคุณได้ (เคยเกิดขึ้นกับ Twitter, Spotify, และ Reddit ในเดือนตุลาคม 2016) แต่สำหรับบริษัทขนาดเล็กที่ไม่มีฐานผู้ใช้ขนาดใหญ่ อีเมลหลอกหลวงจะทำให้เกิดปัญหา
อีเมลหลอกลวงเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการปล่อยไวรัส
เนื่องจากอีเมลหลอกลวงได้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ดูเหมือนเป็นอีเมลที่มีความปลอดภัย ดังนั้นมันจึงยากที่จะตรวจพบได้ จากข้อมูลของ Tim Bandos ซึ่งเป็นผู้อำนวยการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ Digital Guardian วิธีการที่ดีที่สุดที่จะป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ไม่ให้สามารถทำการเข้ารหัสและสร้างความเสียหายกับข้อมูลของคุณได้คือการให้ความรู้กับพนักงานและอบรวมให้พวกเขาทราบว่าอีเมลหลอกลวงมีลักษณะเป็นเช่นใด อีเมลหลอกลวงส่วนใหญ่จะแสดงถึงความเร่งด่วนและมีนามสกุลเป็นไฟล์ แฮคเกอร์บางคนจะใช้เวลาหลายเดือนในการวิเคราะห์ตัวธุรกิจก่อนที่จะส่งอีเมลหลอกลวงนี้ไปเพื่อให้ดูเหมือนอีเมลจากภายใน ถึงแม้ว่ามันอาจดูยากที่จะแยกแยะ แต่ด้วยการให้ความรู้กับพนักงานของคุณ พวกเขาจะสามารถทราบได้ว่ามันมีลักษณะเป็นเช่นใด
ผลเสียที่เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง?
ในขณะที่มีบริษัทจำนวนมากเชื่อว่าพวกเขาจะไม่ถูกโจมตี แต่มันก็คุ้มค่าสำหรับการลงทุน CSO ได้รายงานไว้ในปี 2017 ว่า ได้มีการคาดการณ์ไว้ว่าอาชญากรรมทางไซเบอร์จะสร้างความเสียหายกว่า $6 ล้านล้าน ภายในปี 2021 ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ากลัวและไม่ควรละเลย
จากบทความใน Digital Guardian ที่ได้มีการให้สัมภาษณ์แก่ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบความปลอดภัยกว่า 44 คน “การป้องกันการโจมตี ransomware ก่อนที่มันจะเกิดขึ้นสามารถช่วยบริษัทของคุณประหยัดเงินไปได้หลายพันดอลลาร์ – หรืออาจเป็นหลายล้านดอลลาร์ – ซึ่งเกิดจากความเสียหายในการถูกรบกวนการดำเนินงาน หรือการสูญหายของข้อมูล และสิ่งอื่น ๆ ที่ตามมา” การสูญหายของข้อมูลจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงกับตัวบริษัท ทั้งในมุมมองด้านการเงินและด้านลูกค้า ถึงแม้ว่าการโจมตี ransomware อาจเรียกร้องเงินแค่เพียง $300 แต่มันก็ไม่คุ้มที่บริษัทจะสูญเสียชื่อเสียง ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการโจมตีทางไซเบอร์ จากกลุ่มของบริษัทที่ถูกโจมตีทางไซเบอร์ที่ได้มีการสำรวจโดย KPMG 89% ได้กล่าวไว้ว่าการโจมตีนี้ได้ส่งผลต่อชื่อเสียงของพวกเขา ลูกค้าของคุณได้ไว้วางใจให้คุณเก็บรักษาข้อมูลของพวกเขาให้ปลอดภัย แต่ถ้าข้อมูลเหล่านี้ถูกแฮค พวกเขาอาจสูญเสียความเชื่อมั่นในการใช้บริการนี้ไปได้
มีวิธีการอย่างไรบ้างที่จะป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์นี้ได้ ?
ตามที่เราได้กล่าวไว้ข้างต้น การให้ความรู้และอัพเดทข่าวสารกับพนักงานของคุณเกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งในการป้องกัน อย่างไรก็ตามคุณควรระมัดระวังให้มากกว่านี้ด้วย
ติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส
ถึงแม้ว่าการโจมตีทางไซเบอร์จะส่งผลโดยตรงต่อบริษัท แต่ไวรัสจะโจมตีแบบสุ่มและมีจำนวนที่มากกว่า ซึ่งไวรัสอาจไม่ได้ทำการเข้ารหัสข้อมูลของคุณ แต่มันก็สามารถขโมยข้อมูลหรือทำให้เกิดความเสียหายกับเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณได้ ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสที่ดีที่สุดสามารถป้องกันไวรัสได้ 99% อีกทั้งมันยังสามารถปกป้องสปายแวร์ที่คอยสอดส่องและบันทึกข้อมูลของคุณได้ นอกจากนี้มันยังปกป้องคุณจากสแปมที่คุณไม่ต้องการ ลองหาซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสที่ดีที่มีการตรวจเช็คและอัพเดททุกวัน เพื่อปกป้องเครื่องคอมพิวเตอร์และข้อมูลของคุณ
ใช้ Firewall
firewall ปกป้องไวรหัสไม่ให้เข้ามายังเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณได้
ในขณะที่ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสจะสามารถตรวจหาไวรัสบนเครื่องได้ firewall จะช่วยป้องกันไวรัสไม่ให้เข้ามายังเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณได้ตั้งแต่แรก ซึ่ง firewall จะทำหน้าที่เป็นตัวปกป้องที่ยืนอยู่ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณและอินเตอร์เน็ต ในขณะที่คุณกำลังใช้งานเว็บไซต์ คุณกำลังส่งและรับแพ็คเกตข้อมูลอยู่ firewall จะกรองแพ็คเกตเหล่านี้และทำหน้าที่เป็นโล่ห์ป้องกันสิ่งที่เป็นอันตราย อย่างไรก็ตามถ้าหากไวรัสสามารถก้าวผ่านเข้ามาได้ firewall จะไม่สามารถกำจัดมันออกไปได้
ใช้ VPN
ถ้าหากคุณเป็นบริษัทขนาดเล็กหรือขนาดกลาง มันมีโอกาสที่พนักงานของคุณจะทำงานผ่านทางไกล สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตรุ่นใหม่ ๆ สามารถช่วยให้คุณทำงานจากนอกสำนักงานได้ แต่คุณต้องมั่นใจว่าระบบเน็ตเวิร์คของคุณมีความปลอดภัย ไม่เช่นนั้นบริษัทของคุณจะตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะโดนแฮค โดยเฉพาะถ้าหากคุณกำลังใช้เน็ตเวิร์ค WiFi สาธารณะ แฮคเกอร์จะสามารถเข้าถึงข้อมูลของคุณที่กำลังส่งได้ VPN ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ทุกที่และเกือบบนทุกอุปกรณ์จะเข้ารหัสข้อมูล และป้องกันไม่ให้แฮคเกอร์สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย
VPNs, หรือ Virtual Private Networks, ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อบริษัทขนาดใหญ่และรัฐบาลในช่วงแรก เพื่อให้พนักงานที่ทำงานผ่านทางไกลสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยบนเครือข่ายของบริษัท VPN จะสร้างอุโมงค์ระหว่างอุปกรณ์ของพนักงานกับเซิฟเวอร์ของบริษัท ซึ่งจะช่วยปกป้องมันจากแฮคเกอร์หรือผู้ที่อาจต้องการขโมยข้อมูล นอกจากนี้มันยังจะเข้ารหัสข้อมูลให้คุณ ซึ่งแม้จะมีใครที่สามารถขโมยข้อมูลนี้ไปได้ มันก็เป็นการยากที่จะถอดรหัสออกมา
ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมี VPN แบบฟรีให้เลือกใช้งาน แต่เราขอแนะนำให้คุณเลือกใช้ VPN แบบที่มีค่าใช้จ่าย ไม่ว่าบริการ VPN แบบฟรีจะมาพร้อมกับโฆษณา, ความเร็วที่ค่อนข้างช้า, หรือแม้แต่การติดตามข้อมูลของคุณก็ตาม VPN แบบฟรีนี้จะมีข้อด้อยบางอย่างเสมอ แต่สำหรับเวอร์ชั่นแบบมีค่าใช้จ่าย คุณจะสามารถมั่นใจได้ว่า คุณมีการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยและมีความเร็วสูง, การเข้ารหัสที่ยอดเยี่ยม, และพวกเขาจะไม่มีการเก็บข้อมูลใด ๆ ของคุณ VPN โดยส่วนใหญ่จะมีส่วนลดที่ราคาเหมาะสม สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่าง VPN แบบฟรีและมีค่าใช้จ่าย โปรดดูที่ บทความของเราเกี่ยวกับ VPN แบบฟรี
หมายเหตุจากบรรณาธิการ: เราให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ของเรากับผู้อ่าน และเรามุ่งมั่นที่จะได้รับความไว้วางใจจากคุณด้วยการทำงานด้วยความโปร่งใสและความซื่อสัตย์ เว็บของเราอยู่ในกลุ่มเจ้าของเดียวกันกับผลิตภัณฑ์ชั้นนำในอุตสาหกรรมบางส่วนที่ได้รับการตรวจสอบบนเว็บไซต์นี้: Intego, Cyberghost, ExpressVPN และ Private Internet Access อย่างไรก็ตามสิ่งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการตรวจสอบของเรา เนื่องจากเราปฏิบัติตามวิธีการทดสอบที่เข้มงวด
วิธีการเริ่มต้น
มันยังคงไม่สายเกินไปที่จะปกป้องตัวคุณเองจากการโจมตีทางไซเบอร์ ซึ่งจะดีกว่าที่คุณรอจนโดนโจมตีก่อน การโจมตีทางไซเบอร์นี้สามารถเกิดขึ้นได้กับธุรกิจทุกประเภท ไม่ว่าใหญ่หรือเล็กก็ตาม เริ่มมองหาซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส และลองดูที่ VPN ของเรา ซึ่งอาจตรงกับความต้องการของคุณ และสิ่งสำคัญที่สุดคือการติดตามและให้ความรู้เกี่ยวกับการโจมตีทางไซเบอร์กับพนักงานของคุณ (นี่คือบล็อกที่ดีที่สุดสำหรับติดตามข่าวสารด้านความปลอดภัยทางออนไลน์) การเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์จะช่วยให้ธุรกิจของคุณดำเนินไปได้อย่างราบรื่น
ข้อมูลของคุณจะถูกเปิดเผยต่อเว็บไซต์ที่คุณเข้าชม!
หมายเลข IP ของคุณ:
ตำแหน่งของคุณ:
ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณ:
ข้อมูลข้างต้นสามารถใช้เพื่อติดตาม กำหนดเป้าหมายโฆษณาและติดตามกิจกรรมที่คุณทำบนอินเตอร์เน็ตได้
VPN สามารถช่วยคุณซ่อนข้อมูลเหล่านี้จากเว็บไซต์ เพื่อให้คุณได้รับการปกป้องตลอดเวลา เราขอแนะนำ ExpressVPN - VPN อันดับ #1 จากผู้ให้บริการกว่า 350 รายที่เราได้ทดสอบ มีการเข้ารหัสระดับทหารและฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวมากมายที่จะช่วยให้คุณมั่นใจในความปลอดภัยเมื่อใช้งานอินเตอร์เน็ต - นอกจากนี้ยังมีส่วนลดจาก 82% อีกด้วย
กรุณาแสดงความคิดเห็นว่าพวกเราสามารถพัฒนาบทความนี้ได้อย่างไร ความคิดเห็นของคุณมีค่าสำหรับเรา!