ExpressVPN นั้นเป็นหนึ่งในบริการที่ได้รับความนิยมและความไว้วางใจมากที่สุดในอุตสาหกรรมนี้ มันขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งใน VPN ที่ปลอดภัยและเร็วที่สุด วันนี้เราอยากจะมาดูว่ามันจะดีจริงอย่างที่คนอื่น ๆ เขาพูดกันหรือไม่ มันไม่ใช่ VPN ที่มีราคาถูกที่สุด แต่มันก็มักจะมีส่วนลดอยู่เป็นประจำซึ่งทำให้มันมีความคุ้มค่ามาก VPN ดี ๆ รายอื่น ๆ นั้นก็จะมีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่คล้าย ๆ กันในราคาที่ถูกกว่ามาก เมื่อทราบเป็นเช่นนี้แล้ว คุณจำเป็นต้องจ่ายเงินมากกว่าเพื่อให้ได้ VPN ที่ดีในระดับ ExpressVPN เลยหรอ?
เพื่อค้นหาคำตอบ เราได้ทำการทดสอบมันอย่างครอบคลุมทั้งบนเดสก์ท็อปและอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ใช้ Windows, Mac, Linux, Android และ iO S เราและทีมงานได้ทำการทดสอบความเร็วของมันในขณะที่เล่นเกม, สตรีมมิ่ง และโหลดบิท พวกเรายังได้ดูในเรื่องของฟีเจอร์ความปลอดภัย, ความเข้ากันได้กับอุปกรณ์ และโปรโตคอล Lightway ของมันเองด้วย เพื่อที่จะดูว่ามันยังมีความน่าเชื่อถืออยู่หรือไม่ เราได้ไปไล่ดูนโยบายความเป็นส่วนตัว, การตรวจสอบโดยองค์กรอิสระ และประวัติของบริษัท
ข้อสรุปของเราคือ: ExpressVPN นั้นยากที่จะหาใครเปรียบได้ในทุก ๆ ด้าน มันคุ้มค่ากับทุกบาททุกสตางค์ที่จ่ายไป มันเป็นหนึ่งใน VPN ที่เร็วที่สุดที่เราได้ทำการทดสอบมา มันใช้งานง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ และมันก็มีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่แข็งแกร่งมาก แถมมันยังเป็นหนึ่งใน VPN ที่ดีที่สุดสำหรับใช้สตรีมมิ่งอย่างปลอดภัย และก็ยังมีแอป VPN สำหรับเราเตอร์ที่ดีที่สุดที่เราเคยทดลองมาอีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีการรับประกันคืนเงิน ดังนั้นคุณสามารถทดลองใช้งานฟีเจอร์ทั้งหมดของ ExpressVPN ได้อย่างไม่มีความเสี่ยงด้วย คุณมีเวลา 30 วัน ในการขอคืนเงินถ้าหากว่ามันไม่เหมาะสำหรับคุณ
ทดลองใช้ ExpressVPN อย่างไม่มีความเสี่ยง >>
ไม่ค่อยมีเวลาใช่ไหม? นี่คือเรื่องสำคัญที่เราค้นพบเกี่ยวกับมัน
ข้อดี
ข้อเสีย
ฟีเจอร์ ExpressVPN — อัปเดตเมื่อ 2024
10.0
💸
ราคา
4.99 USD/เดือน
📆
รับประกันคืนเงิน
30 วัน
📝
VPN มีการบันทึกข้อมูลการใช้งานหรือไม่ง
ไม่
🖥
จำนวนเซิร์ฟเวอร์
3000+
💻
จำนวนอุปกรณ์ที่อนุญาตให้เชื่อมต่อ
8
🛡
ปุ่มยกเลิกการเชื่อมต่อ
ใช่
🗺
ในประเทศ
Virgin Islands (British)
🛠
การสนับสนุน
24/7 Live Chat Support
📥
สนับสนุนการทอร์เรนต์
ใช่
สตรีมมิ่ง: ใช้งานได้เยี่ยมไม่มีการบัฟเฟอร์ ไม่มีการโหลดขั้นให้เสียอารมณ์10.0
ExpressVPN ใช้งานได้ดีมากกับบริการสตรีมมิ่งต่าง ๆ อย่าง Netflix, Disney+, Amazon Prime Video และ BBC iPlayer สำหรับการทดสอบเหล่านี้ เราได้ทำการทดสอบโดยใช้ทีมงานนานาชาติเพื่อให้แน่ใจว่า VPN นี้จะสามารถทำงานกับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งยอดนิยมทั้งหมดได้ ExpressVPN นั้นมีการอัปเดตเซิร์ฟเวอร์ของมันอยู่อย่างสม่ำเสมอ ดังนั้นพวกเราจึงไม่ค่อยเจอปัญหาใด ๆ
มันมีรายการแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่รองรับเขียนเอาไว้บนเว็บไซต์ด้วย เราและทีมงานได้ลองใช้งานแพลตฟอร์มทั้งหมดในรายการนั้น รวมถึงบางแพลตฟอร์มที่ไม่อยู่ในรายการนั้นด้วย และก็ไม่เจอปัญหาใด ๆ เลย ข้อเสียเล็กน้อยของมันคือ ExpressVPN นั้นใช้งานไม่ได้กับ Netflix ในบางภูมิภาค
ถึงแม้ว่าในทางทฤษฎี คุณจะสามารถใช้ ExpressVPN เพื่อเข้าถึงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่ไม่เปิดให้บริการในพื้นที่ของคุณได้ แต่โปรดทราบว่าการทำเช่นนี้อาจเป็นการทำผิดเงื่อนไขการให้บริการและกฎหมายเรื่องลิขสิทธิ์ ในการทดสอบด้านล่างนี้ เราและเพื่อนร่วมงานจะทำการเชื่อมต่อเฉพาะเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ภายในประเทศของเราเท่านั้น พวกเราสามารถเข้าดูแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้:
Netflix
Hulu
Disney+
BBC iPlayer
(HBO) Max
Crunchyroll
Amazon Prime Video
Peacock
ESPN+
Paramount+
Rai Play
Globoplay
DStv
ProSieben
6play
ORF
CBC Gem
Vudu
Pluto TV
Discovery+
Locast
Rakuten Viki
IPTV
AT&T TV
NOW TV
ITV
Hotstar
Crackle
Zattoo
Channel 4
Sky TV
beIN Sports
DAZN
fuboTV
Sling TV
Kodi
Showtime
Apple TV
YouTube
Spotify
UKTV
Crave
เคล็ดลับมือโปร: หากคุณไม่สามารถเข้าถึงหนึ่งในบริการที่คุณใช้งานได้ ให้ลองเปลี่ยนเบราว์เซอร์ดู ผู้ทดสอบบางรายของเรานั้นมีปัญหาในการเข้าดู Max และ Hulu ในประเทศของพวกเขา แต่หลังจากที่พวกเขาเปลี่ยนจาก Chrome ไปใช้ Microsoft Edge แล้ว พวกเขาก็เข้าดูได้เป็นปกติ การล้างแคชและคุกกี้ก็อาจจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้เช่นกัน หรือไม่คุณก็สามารถลองเปลี่ยนไปใช้เซิร์ฟเวอร์อื่นในประเทศของคุณดูก็ได้
สำคัญ เราและทีมงานไม่สนับสนุนการทำผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ใด ๆ ทั้งสิ้น เนื่องจาก ExpressVPN สัญญาว่าจะไม่บันทึกกิจกรรมออนไลน์ใด ๆ ของคุณทั้งสิ้น ดังนั้นมันจึงขึ้นกับคุณฌองที่จะต้องใช้งาน VPN อย่างมีความรับผิดชอบ พวกเราแนะนำให้คุณทำตามเงื่อนไขการให้บริการของเว็บไซต์, แอป หรือบริการที่คุณใช้งานในทุก ๆ ครั้ง
ใช้งานได้กับ: Netflix 20+ ประเทศซึ่งรวมถึง สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร และอีกมากมาย
เราและทีมงานนานาชาติของเราสามารถเข้าดู Netflix ได้อย่างปลอดภัยจากในประเทศของพวกเรา และก็สามารถสตรีมดูเนื้อหาได้อย่างไม่ถูกขัดจังหวะ ในการทดสอบเหล่านี้ ทุกคนต่างก็สามารถเข้ารหัสการเชื่อมต่อของตัวเอง ตอนที่ดู Netflix ในประเทศของตัวเองได้
ผู้ทดสอบชาวอังกฤษได้เริ่มการทดสอบของเธอด้วยเซิร์ฟเวอร์ที่ลอนดอนและก็สามารถเข้าถึงบัญชี Netflix ของเธอได้อย่างไม่มีปัญหา
เธอไม่เจอปัญหาใด ๆ เกี่ยวกับการโหลดหรือคุณภาพความชัดตอนที่ดูใน Netflix ในประเทศของเธอเลย
เพื่อนร่วมทีมของเราใน 20 ประเทศต่างก็สามารถเข้าดู Netflix ผ่านบัญชีของพวกเขาได้ ในประเทศใหญ่ ๆ มันอาจจะมีเวลาการโหลดที่นานกว่าถ้าคุณใช้เซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่อีกฟากหนึ่งของประเทศ อย่างไรก็ตาม ผู้ทดสอบที่ต้องรอนานที่สุดก็รอเพียงแค่ 5 วินาทีก่อนที่วิดีโอของพวกเขาจะเริ่มเล่นเท่านั้น (ซึ่งก็ยังถือว่าเร็วมากอยู่ดี)
นอกจากสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา ผู้ทดสอบราย ๆ อื่นก็สามารถดู Netflix ด้วย ExpressVPN ได้จากตำแหน่งต่อไปนี้:
สหราชอาณาจักร
แคนาดา
สหรัฐอเมริกา
ออสเตรเลีย
ฝรั่งเศส
ชิลี
ญี่ปุ่น
เยอรมนี
อิตาลี
บราซิล
สวีเดน
นิวซีแลนด์
ฮ่องกง
เนเธอร์แลนด์
สวิตเซอร์แลนด์
โคลอมเบีย
มาเลเซีย
โรมาเนีย
สเปน
กรีซ
น่าเสียดายที่ถ้า ExpressVPN มีเพียงเซิร์ฟเวอร์เสมือนในประเทศของคุณ เนื้อหาที่คุณดูได้ก็อาจจะถูกจำกัดไว้เฉพาะ Netflix Originals เท่านั้น นี่เป็นเวอร์ชันของเว็บไซต์ที่แสดงเฉพาะภาพยนตร์และรายการที่ Netflix เป็นเจ้าของเอง ดังนั้นคุณจะไม่สามารถดูเนื้อหาที่มีเฉพาะในประเทศได้ ExpressVPN นั้นจะมีตำแหน่งเสมือนในบางประเทศอย่างเช่นอาเจนติน่า, ไต้หวัน, อียิปต์ และปากีสถาน
ใช้งานได้กับ: Disney+
ทีมงานของเราสามารถดูรายการอย่าง Not Dead Yet บน Disney+ ได้โดยไม่มีการบัฟเฟอร์ ได้ในหลายประเทศที่ Disney+ มีเปิดให้บริการ
คุณภาพความชัดไม่เคยตกลงเลยถึงแม้ว่าผู้ใช้งานที่สหรัฐอเมริกาจะใช้เซิร์ฟเวอร์ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของประเทศก็ตาม
ผู้ทดสอบของเราสามารถดู Disney+ ได้ในสหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, แคนาดา, อิตาลี และสหราชอาณาจักรโดยไม่มีการบัฟเฟอร์ ปัญหาเล็กน้อยก็คือมันใช้เวลาโหลดวิดีโอมากกว่า 3 วินาทีสำหรับเพื่อนร่วมงานที่ออสเตรเลียของเรา
ใช้งานได้กับ: Amazon Prime Video
หนึ่งในผู้ทดสอบของเราพบปัญหาเล็กน้อยตอนที่ดู Amazon Prime Video แต่โดยรวมแล้วมันก็ถือว่าทำงานได้ดี ทีมงานของเราสามารถดู Prime Video ได้ในสหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา และแคนาดา
ทุกวิดีโอต่างก็เปิดเล่นได้ในทันทีในความชัดระดับ HD และเราก็ไม่เจอการบัฟเฟอร์ใด ๆ เลย
ผู้ทดสอบที่สหรัฐอเมริกาของพวกเราเจอปัญหาหนึ่งในเซิร์ฟเวอร์ที่สหรัฐอเมริกา ตอนแรกมันไม่สามารถใช้งานได้เลย ถึงแม้ว่าจะลองแก้ไขปัญหาเบื้องต้นแล้ว (เปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์/เบราว์เซอร์/โปรโตคอล) ดังนั้นเขาก็เลยลองติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าดู
ทางตัวแทนฝ่ายบริการลูกค้าของ ExpressVPN บอกว่ามันอาจจะดีกว่าถ้าเขาใช้งานเบราว์เซอร์แทนที่จะใช้แอปตอนที่เชื่อมต่อกับ VPN ในสหรัฐอเมริกา วิธีนี้ทำให้เพื่อนร่วมงานที่สหรัฐอเมริกาสามารถใช้งานได้ และจากนั้นมาก็ไม่พบปัญหาอะไรอีก
ใช้งานได้กับ: Hulu
Hulu นั้นเปิดให้บริการในสหรัฐอเมริกาเป็นหลักและ เพื่อนร่วมงานที่สหรัฐอเมริกาก็สามารถดูรายการและภาพยนตร์บนแพลตฟอร์มนั้นได้ในความชัดระดับ HD โดยที่มีเวลาโหลดสั้นมาก ๆ ตอนที่เขาเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกาของ ExpressVPN
รายการที่เขาเปิดดูนั้นเริ่มสตรีมภายใน 3 วินาทีหลังจากที่เขากดเล่น และก็สามารถดูได้ในความชัดระดับ HD
เขาสามารถดูเนื้อหาต่าง ๆ ได้ด้วยตำแหน่งของ ExpressVPN ที่ต่างกันถึง 7 แห่งภายในสหรัฐอเมริกา
ใช้งานได้กับ: Max
เพื่อนร่วมทีมของเราที่สหรัฐอเมริกาสามารถดู HBO Max ได้อย่างไม่มีปัญหา Succession สามารถเล่นได้อย่างไม่มีปัญหา
ในการทดสอบทั้งหมดของพวกเขา พวกเขาก็ไม่เจอปัญหาการโหลดนานหรือปัญหาด้านคุณภาพเลย
Max นั้นทำงานได้เป็นอย่างดี พวกเขาสามารถเริ่มวิดีโอทั้งหมดได้ในทันทีในความชัดระดับ HD และก็ไม่มีการบัฟเฟอร์ใด ๆ เลย
และก็ยังใช้งานได้กับ: BBC iPlayer, Kodi, เว็บไซต์โซเชียลมีเดีย และอีกมากมาย
ExpressVPN ใช้งานได้กับทุกแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่พวกเราได้ทดลอง ซึ่งรวมถึง BBC iPlayer, Peacock, Crunchyroll, ESPN+ และอีกมากมาย เพื่อนร่วมทีมของเราสามารถสตรีมดูหนังที่ไม่มีลิขสิทธิ์เรื่อง The Wasp Woman บน Kodi ได้ด้วย
ตอนที่เพื่อนร่วมทีมชาวอังกฤษของเรา ได้ทำการทดสอบ ExpressVPN กับ BBC iPlayer เธอก็สัมผัสได้ถึงการสตรีมอย่างไร้รอยต่อด้วยตำแหน่งทั้งหมดในสหราชอาณาจักรถึง 5 แห่ง ผู้ทดสอบที่สหรัฐอเมริกาของเราได้รายงานว่ามันใช้เวลาประมาณ 10 วินาทีก่อนที่วิดีโอจะโหลดเสร็จบน Peacock การสตรีมนั้นเริ่มต้นแบบไม่ชัด แต่หลังจากที่ผ่านไป 2 วินาทีมันก็เริ่มกลายเป็นความชัดระดับ HD ทีมงานที่สหรัฐอเมริกาของเรายังได้ทดสอบ ESPN+ และเกมฟุตบอลสดก็โหลดเสร็จในทันที พร้อมดูได้อย่างไม่มีปัญหาใด ๆ และสุดท้ายพวกเขาก็ยังสามารถสตรีมดู Crunchyroll ได้อย่างลื่นไหลอีกด้วยตอนที่เขาทดสอบเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกาของ ExpressVPN
โดยรวมแล้วนั้น ExpressVPN เป็น VPN ที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับการสตรีมมิ่ง นอกจากนี้มันยังใช้งานได้กับเว็บและแอปโซเชียลมีเดียยอดนิยมต่าง ๆ อีกด้วย เช่นเดียวกันกับตอนที่พวกเราทดสอบแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง อันนี้พวกเราก็ใช้ทีมงานนานาชาติในการเข้าถึงแอปต่าง ๆ เหมือนกัน ประกอบไปด้วย Facebook, Instagram, Google (และบริการของ Google อย่าง Gmail), Twitter, YouTube, Whatsapp, Snapchat, Tinder และอื่น ๆ
ส่วนลด 82%
รับส่วน 82% จาก ExpressVPN เลยตอนนี้ + ใช้ฟรี 6 เดือน!
การันตีการคืนเงิน: 30 วัน
ประหยัดเงินได้เลยวันนี้!
ความเร็ว: ความเร็วสูงปานสายฟ้าแลบทั้งบนเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้และไกล10.0
ExpressVPN นั้นเป็น VPN ที่มีความเร็วสูงที่สุดจากที่เราได้ทดสอบมา เราประทับใจมากที่พวกเราสามารถได้ความเร็วสูงอย่างมีความเสถียรตอนที่ใช้ ExpressVPN ทั้งเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้และไกล นี่คือ 3 ปัจจัยที่เราให้ความสำคัญเวลาวิเคราะห์ผลลัพธ์จากการทดสอบของพวกเรา:
ปิง นี่คือระยะเวลาที่ข้อมูลใช้ในการเดินทาง นี่เป็นเรื่องสำคัญมากเวลาที่คุณเล่นเกม ยิ่งค่าปิงต่ำ ความเร็วในการป้อนค่าของคุณก็จะเร็วยิ่งขึ้น มันจะถูกวัดในหน่วยมิลลิวินาที (ms)
ความเร็วดาวน์โหลด นี่จะเป็นความเร็วในการรับข้อมูลของคุณ นี่จะส่งผลต่อประสิทธิภาพการสตรีมมิ่งวิดีโอ, การโหลดเว็บเพจ, การดาวน์โหลด และอื่น ๆ มันจะถูกวัดในหน่วยเมกะบิตต่อวินาที (Mbps)
ความเร็วอัปโหลด นี่จะเป็นความเร็วในการส่งข้อมูลของคุณ มันจะบอกคุณว่าคุณสามารถอัปโหลดวิดีโอ, โพสต์ไปยังโซเชียลมีเดีย, แชร์ไฟล์ และอื่น ๆ ได้เร็วแค่ไหน วัดในหน่วย Mbps เช่นกัน
พวกเรามีผู้วัดความเร็วสำหรับ VPN โดยเฉพาะอยู่ และเขาก็ได้ทำการทดสอบเซิร์ฟเวอร์ของ ExpressVPN ในทุกสัปดาห์จากตำแหน่งเดิมทุกครั้งที่สหราชอาณาจักร แผนภูมินี้จะแสดงค่าความเร็วเฉลี่ยของการทดสอบ 10 ครั้งสำหรับแต่ละเซิร์ฟเวอร์ การทดสอบเหล่านี้นั้นจะใช้โปรโตคอล Lightway UDP เนื่องจากมันมีความเร็วดีที่สุด
เซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้ความเร็วตกไปเล็กน้อยแค่ 5% และตกลงไป 25% สำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกล
ExpressVPN นั้นเร็วมาก ๆ และ ความเร็วของพวกเราก็ไม่เคยตกลงไปเกินกว่า 75 Mbps เลย หรือก็คือความเร็วไม่เคยตกลงไปมากกว่า 38% เพื่อที่จะให้คุณเห็นภาพ มันเป็นธรรมดามากที่ถึงแม้จะใช้ VPN ที่ดีที่สุดแล้ว แต่ความเร็วของคุณก็จะสามารถตกลงไปได้มากกว่านี้ ยกตัวอย่างเช่นการที่ความเร็วจะตกลงไปถึง 30% บนเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียง หรือตกลงไปถึง 85% บนเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลนั้นเป็นเรื่องธรรมดา แม้ว่าจะใช้ VPN ที่เร็วมาก ๆ อยู่แล้วอย่าง CyberGhost และ Private Internet Access
ในเดือนมิถุนายนปี 2022 ทาง ExpressVPN ได้เริ่มทำการอัปเกรดเซิร์ฟเวอร์ของมันเพื่อลดปัญหาความ แออัดของผู้ใช้งาน แบนด์วิดท์ของเซิร์ฟเวอร์ยอดนิยมทั้งหลายต่างก็ได้รับการอัปเกรดจาก 1Gbps เป็น 10Gbps มากกว่า 20 แห่งที่ได้รับการอัปเกรด ซึ่งก็รวมถึงตำแหน่งในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรทั้งหมด
ตอนนี้ เครื่องมือทดสอบความเร็วของ ExpressVPN นั้นมีให้ใช้งานได้เฉพาะในแอปของ macOS นั่นเป็นเรื่องน่าเสียดายเพราะว่าก่อนหน้านี้ในแอปของ Windows ก็มีให้ใช้ได้เหมือนกัน มันจะช่วยทำให้คุณเห็นความแตกต่างของค่าปิง (ภายใต้ชื่อของเวลาแฝง), ความเร็วในการดาวน์โหลดและอัปโหลดระหว่างเซิร์ฟเวอร์เพื่อช่วยให้คุณเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่ดีที่สุดสำหรับความต้องการของคุณได้
ความเร็วระยะใกล้
เซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียงของ ExpressVPN นั้นมีความเร็วมากที่สุดจากทุก VPN ที่เราได้ลองใช้มา ความเร็วไม่เคยตกลงไปมากกว่า 7% เลย ด้านล่างนี้ คุณจะเห็นความเร็วฐานของผู้ทดสอบของเราตอนที่ไม่ได้เชื่อมต่อ VPN เพื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์
ไม่มี VPN (ลอนดอน สหราชอาณาจักร)
ปิง (ms)
6
ดาวน์โหลด (Mbps)
121.26
อัปโหลด (Mbps)
17.03
การทดสอบเหล่านี้ถูกทดสอบด้วยแล็ปท็อป Windows 11
การทดสอบครั้งแรกจะใช้ฟีเจอร์ "สถานที่อัจฉริยะ" ซึ่งจะค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่ดีที่สุดโดยอัตโนมัติโดยอ้างอิงจากเวลาแฝง, ความเร็ว และระยะทาง มันเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ในลอนดอน สหราชอาณาจักร และความเร็วก็แทบจะไม่ตกลงไปเลย
ลอนดอน สหราชอาณาจักร:
ปิง (ms)
8
ดาวน์โหลด (Mbps)
115.78 (ตกลง 5%)
อัปโหลด (Mbps)
16.37 (ตกลง 7%)
การเชื่อมต่อไปยังปารีส ฝรั่งเศสที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อยก็ได้ผลลัพธ์ที่คล้ายกันมาก
ปิง (ms)
22
ดาวน์โหลด (Mbps)
113.43 (ตกลง 6%)
อัปโหลด (Mbps)
16.27 (ตกลง 7%)
ที่เยอรมนีและยูเครนนั้นก็ไม่ทำให้ความเร็วตกลงไปมากเช่นกัน ความเร็วตกลงไปเพียง 5% เท่านั้นตอนที่เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ยูเครน ซึ่งก็ถือว่าน่าประทับใจมากเนื่องจากมันอยู่ห่างไปถึง 2,500 กม. จากตำแหน่งของผู้ทดสอบในสหราชอาณาจักร
ความเร็วของผู้ทดสอบของพวกเราไม่เคยตกลงไปมากกว่า 7% เลยตอนที่ใช้เซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้
ผู้ทดสอบอีกคนได้ทำการทดสอบบนเซิร์ฟเวอร์เดียวกัน และก็ไม่เห็นความแตกต่างในการทำงานของมัน เขาทำการท่องเว็บและสตรีมมิ่งได้บนทุกเซิร์ฟเวอร์ในยุโรปจากตำแหน่งของเขาในสหราชอาณาจักร เขาสามารถสตรีมดูเนื้อหาในความชัดระดับ Ultra HD ได้ตลอดเนื่องจากมันต้องใช้ความเร็วเพียงแค่ 25 Mbps
ความเร็วระยะไกล
ความเร็วจะตกลงไปมากถ้าระยะทางอยู่ห่างไกล แต่มันก็ยังถือว่าน่าประทับใจมากอยู่ ความเร็วตกลงไปมากที่สุดบนเซิร์ฟเวอร์ โตเกียว 2 ซึ่งตกลงไป 38% แต่เนื่องจากมันอยู่ห่างออกไปถึง 9,294 กม. จากตำแหน่งที่ทำการทดสอบ นี่จึงถือเป็นผลลัพธ์ที่ดีมาก ส่วนตัวเราได้เคยทดสอบ VPN ที่อยู่ห่างไกลและทำให้ความเร็วตกลงไปถึง 90% มาแล้ว
การทดสอบเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกาทั้งจากสองชายฝั่งให้ผลลัพธ์ดังต่อไปนี้:
นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา:
ปิง (ms)
94
ดาวน์โหลด (Mbps)
95.21 (ตกลง 21%)
อัปโหลด (Mbps)
16.21 (ตกลง 6%)
ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา:
ปิง (ms)
160
ดาวน์โหลด (Mbps)
84.96 (ตกลง 30%)
อัปโหลด (Mbps)
14.54 (ตกลง 25%)
สุดท้ายก็เป็นการทดสอบเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกลมาก ๆ ในออสเตรเลีย, อินเดีย, บราซิล และญี่ปุ่น
ตอนที่ใช้เซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกล ความเร็วก็ไม่เคยตกลงไปมากกว่า 38% เลย
ระหว่างการทดสอบของเราเองนั้น ความเร็วบนเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกลนั้นก็ยังถือว่าเร็วพอสำหรับกิจกรรมที่ต้องใช้แบนด์วิดท์เยอะ โดยรวมแล้วความเร็วของ ExpressVPN ตอนที่ใช้งานระยะไกลนั้นก็ถือว่าดีมาก และคุณก็จะสามารถค้นหาการเชื่อมต่อที่มีความเร็วสูงได้ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
โปรโตคอลการทดสอบความเร็ว
Lightway UDP นั้นเป็นโปรโตคอลที่เร็วที่สุดระหว่างการทดสอบของพวกเรา แต่มันไม่มีความแตกต่างมากนักเมื่อเทียบกับ IKEv2 พวกเราได้ทำการวัดความเร็วของทั้งระยะใกล้ (สีเขียว) และระยะไกล (สีเหลือง) ด้วยโปรโตคอลทั้งหมด
คุณไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องความเร็วตกเลย ถ้าคุณตัดสินใจเปลี่ยนโปรโตคอล
ถึงแม้ว่า OpenVPN จะช้าที่สุด แต่ความเร็วของเราก็ไม่เคยตกลงไปมากกว่า 70 Mbps เลย
เล่นเกม: ไร้รอยต่อ, เล่นเกมได้ไม่มีแลค บนเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียง9.5
ExpressVPN นั้นเป็น VPN ที่ดีเยี่ยมสำหรับการเล่นเกมตราบใดก็ตามที่คุณใช้เซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียง บนเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกล เราเข้าเกมแล้วไม่แมตช์กับใครเลยเพราะว่าค่าปิงมันสูงเกินไป แต่ว่าก็เป็นธรรมดาอยู่แล้วเนื่องจากเราก็ไม่เคยเจอ VPN ที่ช่วยให้เราเล่นเกมบนเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกลได้เลยเหมือนกัน
เวลาที่คุณเล่นเกมออนไลน์ที่ต้องแข่งขันกับคนอื่น การป้อนค่านั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะแบบนี้ค่าปิงของคุณจึงไม่ควรจะสูงเกินกว่า 85 ms ถ้ามันใช้เวลานานเกินไปกว่าที่เกมจะรับค่าคำสั่งของคุณ แบบนั้นก็หมดสนุกกันพอดี ถึงแม้ว่าจะแลคแค่เสี้ยววินาที แต่มันก็ทำให้คุณเสียเปรียบได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมที่ต้องตอบสนองในทันที
ผู้ทดสอบที่อังกฤษของพวกเราได้ทำการทดสอบด้วยเกมยิงปืนที่มีความรวดเร็วอย่าง Team Fortress 2 เธอได้เริ่มต้นด้วยตำแหน่งในลอนดอนโดยมีค่าปิงต่ำมากแค่ 8 ms เธอสามารถแมตช์กับคนอื่นได้ในทันที ระหว่างที่เล่นอยู่ เธอลืมไปเลยด้วยว่าเธอเปิดใช้ VPN อยู่
เธอสามารถวิ่ง, กระโดด, ก้ม และยิงได้อย่างไม่มีการดีเลย์
อย่างไรก็ตาม การเล่น FPS บนเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกลนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เธอได้ความเร็วการดาวน์โหลดที่ดีที่สุดจากตำแหน่งชิคาโก้ที่อยู่ห่างออกไป 6,349 กม. ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจทดลองใช้มันเล่นเกมดู ความเร็วในการดาวน์โหลดที่สูงนั้นไม่สำคัญมากเท่าที่ควร เนื่องจากค่าปิงของเธอนั้นสูงขึ้นมาถึง 13 เท่าเทียบกับลอนดอน อยู่ที่ 110 ms เธอต้องรอ 5 นาทีกว่าที่เกมจะโหลด หลังจากนั้นเธอก็ตัดสินใจออกและเชื่อมต่อใหม่อีกครั้ง แต่ก็เป็นเหมือนเดิม ดังนั้นเธอจึงไม่ได้เห็นว่าถ้าเข้าเล่นได้แล้วมันจะเป็นยังไง
น่าเสียดายที่เธอต้องเจอปัญหาแบบเดียวกันตอนที่เธอลองใช้เซิร์ฟเวอร์นิวยอร์ก มันอยู่ห่างไปแค่ 5,567 กม. จากตำแหน่งของเธอแต่เธอก็ยังไม่สามารถค้นหาแมตช์ได้ถึงแม้ว่าจะลองแล้วหลายครั้งก็ตาม ด้วยเหตุผลนี้ทำให้พวกเราแนะนำ ExpressVPN เฉพาะสำหรับเกมเมอร์ที่รู้ว่ามีเซิร์ฟเวอร์อยู่ใกล้คุณเท่านั้น
เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์: เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์มากมายที่กระจายตัวอยู่ทั่วโลก9.6
ExpressVPN นั้นมีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่ครอบคลุมมากถึง 3,000 เซิร์ฟเวอร์ กระจายอยู่ใน 105 ประเทศ รวมถึงเซิร์ฟเวอร์เสมือนในประเทศไทย การครอบคลุมที่กว้างขวางแบบนี้ทำให้มันกลายเป็นเรื่องง่ายมากที่จะช่วยทำให้การเชื่อมต่อของคุณทั้งเร็ว, เสถียร และปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม มันสำคัญมากที่จะต้องจำไว้ว่าการใช้เซิร์ฟเวอร์ที่คนใช้เยอะหรืออยู่ห่างไกลนั้นจะส่งผลให้ความเร็วตกลงไป ในขณะที่ผู้ให้บริการบางรายอย่างเช่น Private Internet Access นั้นจะมีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่ใหญ่กว่า (29,650 เซิร์ฟเวอร์) แต่ตัวเลือกของ ExpressVPN นั้นก็เพียงพอที่จะช่วยให้คุณสามารถค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่เร็วซึ่งอยู่ใกล้เคียงได้ในทุก ๆ ครั้ง
สหรัฐอเมริกาและยุโรปมีเซิร์ฟเวอร์มากที่สุด ในขณะที่แอฟริกามีน้อยที่สุด
ExpressVPN นั้นยังมีการครอบคลุมภายในประเทศที่ดีอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น มันดีมากที่มีเซิร์ฟเวอร์อยู่ทั้งสองชายฝั่งของออสเตรเลีย นอกจากนี้ยังมีเซิร์ฟเวอร์อยู่ในหลายประเทศที่ VPN อื่น ๆ ไม่มีด้วย ไม่ว่าจะเป็นฮ่องกง, เวเนซุเอลา และตุรกี โปรดทราบว่าตำแหน่งเหล่านี้จะเป็นตำแหน่งเสมือน และอาจจะส่งผลลัพธ์ต่อความเร็วได้
เซิร์ฟเวอร์ระดับเมืองทำให้คุณปรับแต่งความเร็วได้ง่ายยิ่งขึ้น นั่นก็เพราะว่ามันจะบอกให้คุณรู้ว่าเซิร์ฟเวอร์ตั้งอยู่ในเมืองไหน คุณจึงสามารถค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้คุณได้ง่ายยิ่งขึ้น
ExpressVPN นั้นไม่มีที่อยู่ IP เฉพาะ/ที่อยู่ IP คงที่ VPN บางรายจะมีให้คุณจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมเพื่อสามารถใช้งานมันได้ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ถ้าคุณเป็นเจ้าของเว็บไซต์ อย่างไรก็ตาม มันมีความปลอดภัยน้อยกว่ามาก ExpressVPN จะนำ IP ของคุณไปผสมรวมกับทราฟฟิคของผู้ใช้งานคนอื่น ทำให้มันกลายเป็นเรื่องยากกว่ามากที่จะมาติดตามข้อมูลและกิจกรรมของคุณ ในแต่ละครั้งที่คุณลงชื่อเข้าใช้ คุณก็จะเชื่อมต่อไปยัง IP หมุนเวียนที่แตกต่างออกไป
ในขณะที่ที่อยู่ IP ของมันนั้นเป็นของ ExpressVPN ทั้งหมด แต่พวกเขาก็มีการทำงานร่วมกับศูนย์ข้อมูลบุคคลที่สามเช่นกัน งานของพวกเขาคือการบำรุงรักษาเซิร์ฟเวอร์ แต่พวกเขาจะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลบนเซิร์ฟเวอร์ได้ หลังจากที่ติดต่อ ExpressVPN แล้ว พวกเขาก็แจ้งเราว่าคู่ค้าของพวกเขาสามารถดูทราฟฟิคที่เข้าและออกจากเซิร์ฟเวอร์ได้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่สามารถผูกกิจกรรมออนไลน์ต่าง ๆ เข้ากับผู้ใช้งานแต่ละคนได้
สถานที่อัจฉริยะ
สถานที่อัจฉริยะนั้นมีความสะดวกมาก แต่ผู้ทดสอบที่อังกฤษของพวกเราสามารถค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่เร็วกว่าได้ด้วยตัวของเธอเอง
จุด 3 จุดข้าง ๆ สถานที่อัจฉริยะจะแสดงให้คุณเห็นรายการเซิร์ฟเวอร์แบบเต็ม
ยกตัวอย่างเช่นสถานที่อัจฉริยะของเธอเชื่อมต่อเธอไปยังเซิร์ฟเวอร์มิดแลนด์แต่ตอนที่เธอลองใช้ที่ลอนดอนตะวันออกความเร็วของเธอก็เร็วขึ้นอีก 5 Mbps
เทคโนโลยี TrustedServer
ExpressVPN เพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของคุณขึ้นไปอีกขั้นด้วยการใช้เซิร์ฟเวอร์แบบ RAM-only (ไม่มีดิสก์) พวกเขาเรียกสิ่งนี้ว่าเทคโนโลยี TrustedServer RAM นั้นไม่สามารถเก็บข้อมูลเอาไว้ได้ ดังนั้นเมื่อมันรีสตาร์ท ข้อมูลทั้งหมดของคุณในเซสชั่นนั้นก็จะถูกลบในทันที ทุกอย่าง ซึ่งรวมไปถึงระบบปฏิบัติการนั้นก็จะถูกโหลดขึ้นมาใหม่ในการรีบูทแต่ละครั้งจากไฟล์แบบอ่านอย่างเดียวที่ถูกเก็บเอาไว้อย่างปลอดภัยอยู่บนฮาร์ดไดรฟ์ นี่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยของเทคโนโลยีในด้านต่าง ๆ ดังนี้:
จะไม่มีข้อมูลใด ๆ ของคุณเลยที่ถูกเก็บไว้ในฮาร์ดไดรฟ์
ข้อมูลจะถูกเก็บไว้ในช่วงเวลาสั้น ๆ
ซอฟต์แวร์จะมีการติดตั้งใหม่ทุกครั้งที่เซิร์ฟเวอร์มีการรีบูท ดังนั้นมันจึงได้รับการอัปเดตด้วยแพตช์ความปลอดภัยใหม่ล่าสุดเสมอ
มันจะช่วยให้แน่ใจได้ว่าทุกเซิร์ฟเวอร์ใช้ซอฟต์แวร์เดียวกันทั้งหมด บางบริการ VPN จะมีเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้งานซอฟต์แวร์ไม่เหมือนกัน ทำให้บางตัวจะเปราะบางกว่าตัวอื่น ๆ
VPN ส่วนใหญ่จะเก็บข้อมูลไว้บนฮาร์ดไดรฟ์ นี่มีความปลอดภัยน้อยกว่าเนื่องจากฮาร์ดไดรฟ์นั้นจะเก็บข้อมูลเอาไว้จนกว่าจะมีคนมาลบด้วยมือเอง เซิร์ฟเวอร์ของ ExpressVPN นั้นจะถูกรีบูททุก ๆ 1-2 สัปดาห์ เนื่องจากเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้จะไม่เก็บข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนของคุณ ดังนั้นคุณจึงปลอดภัยอยู่แล้วไม่ว่ามันจะรีบูทบ่อยแค่ไหนก็ตาม อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องดีที่พวกเขามีการรีสตาร์ทอยู่เป็นประจำเพื่อให้มั่นใจว่ามันใช้งานเทคโนโลยีล่าสุดอยู่เสมอ
ExpressVPN มีรางวัลสำหรับการล่าบัคเป็นเงิน $100,000 ให้กับคนที่สามารถค้นหาจุดบกพร่องของเซิร์ฟเวอร์ได้ นี่เป็นหนึ่งในเงินรางวัลที่สูงที่สุดที่บริษัทไหน ๆ เคยประกาศเอาไว้บน Bugcrowd (เว็บไซต์สำหรับการประกาศเงินรางวัลการตามล่าบัค) เลยทีเดียว ExpressVPN มั่นใจว่าจะไม่มีใครสามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ของพวกเขาได้โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือจะมีใครค้นพบการรั่วไหลใด ๆ ดังนั้น นี่ก็เป็นการแสดงให้เราเห็นได้ว่า พวกเขามีความมั่นใจในความปลอดภัยของเซิร์ฟเวอร์เป็นอย่างสูง
เซิร์ฟเวอร์ที่ผ่านการทำ obfuscation
เซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดของ ExpressVPN นั้นผ่านการทำ obfuscation อัตโนมัติทั้งหมด VPN บางรายทำให้คุณต้องใช้เซิร์ฟเวอร์อื่น ๆ หรือใช้โปรโตคอลพิเศษเพื่อให้ใช้ VPN บนเครือข่ายที่บล็อกพวกเขาได้ เราชอบที่ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องแบบนั้นเลยตอนที่ใช้ ExpressVPN เนื่องจากทุกเซิร์ฟเวอร์ต่างก็ได้ “obfuscates” (ซ่อน) การใช้ VPN ของคุณเอาไว้หมดแล้ว นี่ทำให้คุณสามารถเชื่อมต่อ ExpressVPN ที่ทำงานหรือโรงเรียน ได้ง่ายขึ้น
ExpressVPN ใช้ตำแหน่งเสมือนหรือไม่? ใช่
น้อยกว่า 5% ของเซิร์ฟเวอร์ที่ ExpressVPN มีนั้นจะเป็นตำแหน่งเสมือน ซึ่งแปลว่าเซิร์ฟเวอร์ที่จับต้องได้นั้นจะตั้งอยู่ที่อื่น ที่อยู่ IP ใหม่ของคุณนั้นจะอยู่ภายในประเทศเป้าหมาย แต่เซิร์ฟเวอร์ที่จับต้องได้จะตั้งอยู่ในประเทศอื่น
มันมีรายการตำแหน่งของเซิร์ฟเวอร์ที่จับต้องได้ ซึ่งจะช่วยให้คุณใช้ในการประเมินความเร็วได้
เซิร์ฟเวอร์เสมือนจะทำให้ ExpressVPN สามารถจัดสรร IP ในประเทศที่มีนโยบายจำกัดการใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ มันเป็นเรื่องยากที่จะหาตำแหน่งที่ปลอดภัยที่จะวางศูนย์ข้อมูลเอาไว้ในประเทศที่ห้ามหรือจำกัดการใช้งาน VPN การไม่มีเซิร์ฟเวอร์ที่จับต้องได้ในประเทศอย่างซาอุดีอาระเบีย, จีน และรัสเซียก็ทำให้ ExpressVPN อยู่นอกการควบคุมของพวกเขาด้วย
ExpressVPN ได้นำเซิร์ฟเวอร์ที่จับต้องได้ออกจากประเทศอินเดียเมื่อปี 2022 รัฐบาลในประเทศได้ผ่านกฎหมายใหม่ซึ่งทำให้ VPN จำเป็นต้องบันทึกข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า อย่างเช่นเบอร์โทร และที่อยู่ของพวกเขา การนำเซิร์ฟเวอร์ที่จับต้องได้ออกจากประเทศ แปลว่า ExpressVPN ไม่จำเป็นต้องทำตามกฎหมายพวกนั้น แต่ก็ยังมีตำแหน่งเสมือนในประเทศให้ใช้งานได้
เซิร์ฟเวอร์เสมือนนั้นสามารถให้ความเร็วที่ดีกว่าและเสถียรกว่าได้ด้วย บางประเทศมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ไม่เร็วและไม่เสถียร ดังนั้นประสิทธิภาพของ VPN ก็จะดีขึ้นถ้านำเซิร์ฟเวอร์ไปไว้ในประเทศที่มีโครงสร้างพื้นฐานดีกว่า
ข้อเสียก็คือบางครั้งมันอาจจะทำให้ความเร็วของคุณตกลงถ้าตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์จริงมันอยู่ห่างจากเซิร์ฟเวอร์เสมือนมาก โดยรวมแล้ว เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ทำให้ ExpressVPN สามารถครอบคลุมพื้นที่ทั่วโลกได้มากกว่า VPN ชั้นนำรายอื่น ๆ ยกตัวอย่างเช่น NordVPN นั้นจะมีเซิร์ฟเวอร์อยู่แค่ใน 105 ประเทศ
ความปลอดภัย: ตัวเลือกที่ยืดหยุ่นสำหรับการปรับแต่งฟีเจอร์ความปลอดภัยของคุณ10.0
ฟีเจอร์ความปลอดภัยที่มากมายของ ExpressVPN รวมถึงการเข้ารหัสระดับทหารจะช่วยปกป้องข้อมูลของคุณให้ปลอดภัย เราได้ทำการทดสอบ kill switch, split tunneling และความเข้ากันได้กับ Tor ของ ExpressVPN โดยละเอียด แถมเรายังได้เปรียบเทียบโปรโตคอลของมันและก็ทำการศึกษาโปรโตคอล Lightway แบบเชิงลึกอีกด้วย สุดท้ายเราก็ได้ดูผลลัพธ์การตรวจสอบจากบุคคลที่สาม เพื่อดูว่าโครงสร้างพื้นฐานและการปฏิบัติของพวกเขาดีจริงตามที่กล่าวอ้างหรือไม่
การเข้ารหัส: การปกป้องระดับทหาร
เทคโนโลยีการเข้ารหัสของ ExpressVPN จะช่วยปกป้องข้อมูลส่วนตัวของคุณ มันจะช่วยให้คุณปลอดภัยด้วยการเข้ารหัส 256-bit AES ซึ่งจะเป็นการผสมระหว่าง AES 256-bit cipher กับ 4096-bit RSA key และ SHA-512 HMAC authentication พูดให้เข้าใจง่าย ๆ ข้อมูลของคุณไม่มีใครเจาะเข้าไปดูได้อย่างแน่นอน นี่เป็นการเข้ารหัสระดับเดียวกันกับที่กองทัพ, ธนาคาร และรัฐบาลใช้
จำนวน bits ในคีย์จะบ่งบอกถึงจำนวนความเป็นไปได้ในการผสม ยกตัวอย่างเช่น 1 bits จะรวมได้ 2 แบบ ในขณะที่ 8 bits จะรวมได้ 256 แบบ แต่ด้วย 256 bits มันจะทำให้วิธีการรวมกันนั้นเป็นไปได้ถึงตัวเลข 78 หลัก ทำให้กลายเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ ที่จะถอดรหัสมาดูแม้ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนเล็ก ๆ ก็ตาม มันต้องใช้เวลานับพันล้านปี ถึงแม้ว่าจะเอาซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังที่สุดมาใช้ก็ตาม
ExpressVPN มีการโอนย้ายข้อมูลอย่างปลอดภัยสูง อย่างเช่นการแชร์ไฟล์ P2P ผ่านการใช้ SHA-512 HMAC authentication มันใช้คีย์ลับแบบแชร์ที่จะทำให้ทั้งผู้ส่งและผู้รับสามารถตรวจความถูกต้องของไฟล์ได้ หากมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงใด ๆ กับคีย์ลับ มันก็จะแสดงให้เห็นว่ามีการพยายามแทรกแซง ทำให้การเกิดการตรวจจับในทันที การละเมิดที่เกิดขึ้นในรูปแบบนี้จะถูกตรวจจับและจัดการอย่างรวดเร็ว
ExpressVPN นั้นมีการใช้ perfect forward secrecy ด้วย ฟีเจอร์นี้จะช่วยเปลี่ยนคีย์การเข้ารหัสของคุณในทุก ๆ เซสชั่นที่ใช้งาน เพื่อให้แน่ใจว่าถึงแม้จะมีคีย์หนึ่งรั่วไหลออกไป แต่เซสชั่นการใช้ VPN ในอดีตและในอนาคตก็จะไม่สามารถถูกเข้าถึงได้ เนื่องจากมันใช้คีย์ที่แตกต่างกันออกไป
โปรโตคอลความปลอดภัย: ตัวเลือกหลากหลายสำหรับทุกอุปกรณ์
ExpressVPN นั้นมีโปรโตคอลความปลอดภัยที่หลากหลาย ซึ่งทำให้คุณสามารถปรับแต่ง VPN ของคุณได้สำหรับทุกสถานการณ์ โปรโตคอลนั้นจะเป็นชุดของกฎที่ VPN ใช้เพื่อบอกว่ามันจะเข้ารหัสข้อมูลของคุณอย่างไร มันสามารถถูกเปลี่ยนได้ในแท็บโปรโตคอลสำหรับ Windows, Mac, Android และ iOS บน Linux คุณสามารถใช้คำสั่งใน terminal ได้
ตัวเลือกขั้นสูงสำหรับ Lightway ทำให้คุณสามารถเปลี่ยน encryption cipher ได้
แต่ละโปรโตคอลจะแตกต่างกันเล็กน้อย:
Lightway: โปรโตคอลถูกพัฒนาขึ้นเองโดย ExpressVPN และไม่มี VPN รายอื่นที่มีโปรโตคอลนี้ให้ใช้งานได้ มันจะกินแบตน้อยกว่า และเปลี่ยนผ่านระหว่างเครือข่ายได้อย่างไร้รอยต่อ ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับโทรศัพท์มือถือ และก็มีตัวเลือก UDP กับ TCP UDP นั้นจะเร็วกว่าในการทดสอบของพวกเรา แต่มันจะเกิดข้อผิดพลาดบ่อยกว่า TCP
OpenVPN: นี่เป็นหนึ่งในโปรโตคอลที่ปลอดภัยที่สุด มันเป็นโอเพนซอร์ซ และทุกคนที่อยู่กันทั่วโลกก็ได้คอยทำการตรวจสอบโค้ดของมันอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับมัน ตัวเลือกทั้ง UDP และ TCP ก็มีให้ใช้งานได้
IKEv2: โดยทั่วไปนั้นคนส่วนใหญ่จะคิดว่ามันเร็วกว่า OpenVPN แต่จากการทดสอบของพวกเรา มันก็เร็วกว่าแค่ 1% เท่านั้นเอง เราจะใช้โปรโตคอลนี้เฉพาะถ้าโปรโตคอลอื่น ๆ ไม่ทำงานเท่านั้น เนื่องจากมันปลอดภัยไม่เท่าตัวอื่น ไม่มีตัวเลือก TCP ดังนั้นมันอาจจะถูกไฟร์วอลล์บางแห่งบล็อก
คุณจะมีตัวเลือกที่แตกต่างกันไปสำหรับโปรโตคอล ขึ้นกับอุปกรณ์ที่ใช้งาน มีการตั้งค่าอัตโนมัติให้ใช้งานได้ด้วย นี่จะช่วยเลือกโปรโตคอลที่ดีที่สุดสำหรับคุณขึ้นกับการเชื่อมต่อปัจจุบัน
โดยรวมแล้ว เราแนะนำให้ใช้ Lightway UDP เนื่องจากมันจะมีความสมดุลดีที่สุดระหว่างความเร็วและความปลอดภัย
Lightway
Lightway เป็นโปรโตคอลที่ ExpressVPN พัฒนาขึ้นมาเองซึ่งใช้ทรัพยากรน้อยมาก ๆ และก็มีข้อดีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความเร็วที่สูงมาก ๆ (ความเร็วของพวกเรานั้นเร็วกว่า OpenVPN อยู่ 12%) สำหรับอุปกรณ์อย่างสมาร์ทโฟน การเปลี่ยนไปใช้การเข้ารหัส ChaCha20 นั้นจะยิ่งเพิ่มความเร็วขึ้นไปอีก มันใช้ wolfSSL ซึ่งเป็นวิทยาการรหัสลับทันสมัยซึ่งเป็นที่รู้จักเพราะการเข้ารหัส 256-bit ระดับทหาร และได้รับการรีวิวอย่างละเอียดโดยบุคคลที่สามมาแล้ว
Lightway นั้นยังสามารถเปลี่ยนเครือข่ายได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย แทนที่จะตัดการเชื่อมต่อ VPN มันจะหยุดนิ่งตอนที่สัญญาณตก ทำให้คุณสามารถเชื่อมต่อใหม่ได้อย่างรวดเร็วตอนที่เปลี่ยนระหว่างเครือข่าย WiFi และอุปกรณ์เคลื่อนที่ แถม Lightway ยังสามารถเชื่อมต่อได้ภายในไม่ถึงวินาทีอีกด้วย ด้วยโค้ดกว่า 2,000 บรรทัด Lightway นั้นจึงเป็นโปรโตคอล VPN ที่มีโค้ดขนาดเล็กที่สุด ทำให้มันตรวจสอบได้ง่ายและใช้แบตน้อยกว่า
ExpressVPN นั้นได้อัปเดต Lightway ไปเป็น ซึ่งช่วยพัฒนามันขึ้นในหลาย ๆ ด้านอีกด้วย มันเป็น VPN รายแรกที่ใช้งาน DTLS (Data Transport Layer Security) เวอร์ชัน 1.3 การอัปเกรดนี้ทำให้โปรโตคอลมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น, ช่วยปรับปรุงเรื่องเวลาแฝงสำหรับกิจกรรมอย่างเช่นการเล่นเกม และใช้ข้อมูลน้อยลง
ตอนนี้คุณจะได้รับการป้องกันแบบ post-quantum กับ Lightway แล้วด้วย ในขณะที่คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะไม่สามารถเจาะการเข้ารหัสแบบมาตรฐานได้ในเวลาที่สมเหตุสมผล แต่อาชญากรไซเบอร์นั้นจะมีเทคโนโลยี quantum ที่สามารถทำแบบนั้นได้ภายในไม่กี่วัน เพราะแบบนั้นเราจึงดีใจมากที่ ExpressVPN ได้อัปเดตโปรโตคอลเอ็กซ์คลูซีฟของพวกเขาให้มีการป้องกัน quantum เพื่อที่คุณจะสบายใจหายห่วงถ้าการโจมตีรูปแบบนี้กลายเป็นสิ่งที่แพร่หลายในอนาคต
ถึงแม้ว่ามันจะไม่มี WireGuard แต่ตัวเลือกแบบเอ็กซ์คลูซีฟนี้ก็เป็นตัวแทนที่เทียบเท่าได้ทั้งในด้านความเร็วและความปลอดภัย โปรโตคอล Lightway ของ ExpressVPN นั้นทำให้มันเป็นหนึ่งใน VPN ที่ดีที่สุดสำหรับใช้งานบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ โปรโตคอลนี้ยังผ่านการตรวจสอบอิสระโดย Cure53 มาแล้ว และ core library ของมันก็เป็นโอเพนซอร์ซ (ที่มีอยู่บน Github)
ผลการทดสอบการรั่วไหล: ผ่าน
ExpressVPN ผ่านการทดสอบการรั่วไหลทั้งหมดของเราบน Windows, Mac, Android และ iPhone ในชุดการทดสอบแรก ทีมของเรา ได้ใช้ 10 เซิร์ฟเวอร์ที่แตกต่างกันออกไปกับ ipleak.net
ถึงแม้ว่าผู้ทดสอบจะอยู่ในสหราชอาณาจักร แต่การตรวจสอบก็ตรวจเจอเฉพาะที่อยู่ของเซิร์ฟเวอร์ในมอนทรีออลของ VPN
รูปข้างบนนี้จะแสดงว่าการทดสอบแต่ละครั้งจะเห็นเฉพาะที่อยู่ IP และ DNS เซิร์ฟเวอร์ในมอนทรีออลที่เราเชื่อมต่อไปผ่านทางแอป การรั่วไหลของ IPv4, IPv6, WebRTC และ DNS นั้นจะเป็นวิธีการต่าง ๆ ที่ข้อมูลของคุณสามารถถูกเข้าถึงได้ ถึงแม้ว่า VPN จะปกป้องคุณในด้านอื่น ๆ แล้ว แต่การรั่วไหลแบบนี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้อยู่ เพราะแบบนั้น มันจึงเป็นเรื่องที่ดีมากที่ ExpressVPN นั้นมีการป้องกันการรั่วไหลมาภายในตัวเพื่อปิดบังข้อมูลของคุณจากทุกวิธีที่แฮ็กเกอร์สามารถใช้เพื่อเข้าถึงมันได้
DNS ส่วนตัวสำหรับทุกเซิร์ฟเวอร์
หนึ่งในเหตุผลที่ ExpressVPN ผ่านการทดสอบการรั่วไหลของเราก็เพราะว่ามันมีเซิร์ฟเวอร์ DNS ส่วนตัว คุณต้องเข้าถึงเครือข่ายที่ถูกเรียกว่า Domain Name Server เพื่อที่จะเคลื่อนย้ายระหว่างเว็บไซต์ เซิร์ฟเวอร์ DNS ส่วนตัวนั้นจะตัดตัวกลางนี้ออกไป เพื่อลดโอกาสที่ข้อมูลของคุณจะรั่วไหล
มันมีตัวเลือกให้ใช้งาน DNS ของคุณเองได้ด้วย แต่เราแนะนำให้เลือกใช้เซิร์ฟเวอร์ DNS ส่วนตัวของ ExpressVPN จะดีกว่า
ผ่านการตรวจสอบอย่างอิสระมาแล้ว
ผ่านการตรวจสอบอย่างเป็นอิสระจากองค์กรด้านความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือทั้งหลายมาแล้ว นี่ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ExpressVPN นั้นปลอดภัยอย่างที่กล่าวอ้างจริง รายงานการตรวจสอบทั้งหลายนี้ต่างก็ไม่พบปัญหาใหญ่ใด ๆ ในขณะที่ปัญหาเล็ก ๆ ก็ได้รับการแก้ไขในทันทีที่พบ
จาก VPN ทั้งหมดที่เราได้ทำการทดสอบมา ExpressVPN นั้นผ่านตรวจสอบจากหลายองค์กรมากที่สุดแล้ว มันได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องโดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลก และเราก็รู้สึกประทับใจเป็นพิเศษที่มันผ่านการตรวจสอบจากหลายบริษัทซึ่งได้ตรวจสอบนโยบายความเป็นส่วนตัวของพวกเขาแล้ว
Cure53
บริษัทนี้ได้ทำการตรวจสอบโปรโตคอล Lightway (2021), เทคโนโลยี TrustedServer (2022) และส่วนขยาย Chrome กับ Firefox (2018) ส่วนขยายนั้นเป็นแบบโอเพนซอร์ซ ดังนั้นคนที่มีความสามารถทางเทคนิคก็สามารถทำการตรวจสอบที่คล้ายกันได้ การตรวจสอบล่าสุดนั้นเป็นเรื่องของแอปบน Linux และ macOS ในปี 2022
PricewaterhouseCoopers (PwC)
PwC นั้นเป็นหนึ่งในองค์กรตรวจสอบชั้นนำของโลก พวกเขาได้ใช้เวลาทั้งเดือนไปกับการตรวจสอบนโยบายความเป็นส่วนตัวของ ExpressVPN และเทคโนโลยี TrustedServer ด้วยการตรวจดูโค้ดและสัมภาษณ์ทีมงาน (2019)
KPMG
KPMG ได้เป็นผู้ทำการตรวจสอบองค์กรมากมายหลายแห่งทั่วโลกในหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่เรื่องประกันไปจนกระทั่งองค์กรของรัฐบาล มันยังได้ทำการทดสอบเทคโนโลยี TrustedServer กับนโยบายความเป็นส่วนตัวของ ExpressVPN มาแล้วด้วยในปี 2022
F-secure
เป็นทีมงานที่ทดสอบเรื่องความปลอดภัยให้กับธนาคารชั้นนำหลายแห่งทั่วโลก ในปี 2022 พวกเขาได้ตรวจสอบถึงจุดอ่อนของแอป Windows v.12 และก็ไม่พบจุดอ่อนใด ๆ
ioXt Alliance
ExpressVPN เคยได้รับประกาศนียบัตรจาก ioXt Alliance สำหรับแอป Android มาแล้ว แอปนี้ได้ถูกตรวจสอบในปี 2021 เกี่ยวกับปัญหาด้านความปลอดภัยระดับล่าง เพื่อให้มั่นใจว่าการออกแบบของมันนั้นมีความปลอดภัยและเชื่อถือได้ ยกตัวอย่างเช่น ความปลอดภัยเครือข่าย, สถานที่จัดเก็บคีย์การเข้ารหัส และดีไซน์ของซอฟต์แวร์นั้นได้รับการอัปเดตและมีความปลอดภัย
Kill Switch
Kill switch ของ ExpressVPN นั้นจะบล็อกทราฟฟิคอินเทอร์เน็ตของคุณถ้า VPN เกิดขาดการเชื่อมต่อ ดังนั้นคุณจะได้รับการปกป้องอยู่ตลอดเวลา นี่เป็นฟีเจอร์ที่จำเป็นในทุก ๆ VPN และ ExpressVPN ก็เรียกชื่อเฉพาะของมันว่า "Network Lock"
ในแอป iOS และ Android มันจะถูกเรียกว่า Network Protection ในการตั้งค่า
ถ้าการเชื่อมต่อไม่สมบูรณ์ ExpressVPN จะบอกให้คุณรู้ว่าทราฟฟิคนั้นถูกบล็อก
บน Windows, Linux และ Mac นั้น ExpressVPN จะเปิดใช้งาน kill switch โดยอัตโนมัติ คุณยังสามารถอนุญาตการเข้าถึงให้กับอุปกรณ์บน LAN ได้ด้วย นี่เป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากถ้าคุณมีเครื่องพิมพ์ที่เชื่อมต่ออยู่กับ WiFi ดังนั้นเอกสารของคุณก็จะไม่ได้รับผลกระทบจากเซิร์ฟเวอร์ที่ทำงานไม่ถูกต้อง คุณสามารถเปิดปิดการใช้งาน kill switch ในแอปบนเดสก์ท็อป, Android, iOS ได้ แต่จะไม่สามารถทำแบบนั้นกับแอปบนเราเตอร์ได้ มันจะชื่อว่า Network Protection ในแอปบน Android และ iOS และมันจะมีขั้นตอนการเปิดใช้งานเพิ่มขึ้นอีกขั้นหนึ่ง: คุณต้องตั้งค่า VPN เป็น “Always On (เปิดตลอด)” ในการตั้งค่า Android
Split Tunneling
Split tunneling จะช่วยให้คุณสามารถเลือกได้ว่าทราฟฟิคไหนบ้างที่ไม่ต้องการให้ผ่านอุโมงค์ VPN นี่จะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์สำหรับกรณีที่คุณต้องการใช้การเชื่อมต่อปกติของคุณเช่นการเข้าถึงธนาคาร และก็ต้องการใช้เซิร์ฟเวอร์นานาชาติไปพร้อม ๆ กัน มันสามารถนำไปใช้สำหรับการพิมพ์และการประหยัดแบนด์วิดท์ได้ด้วยระหว่างที่ดาวน์โหลดไฟล์ (ด้วยการเข้ารหัสเฉพาะแอปพลิเคชันสำหรับการโหลดบิท)
การเพิ่มและนำแอปพลิเคชันออกนั้นเป็นเรื่องง่าย แต่คุณจำเป็นจะต้องตัดการเชื่อมต่อจาก VPN ชั่วคราวก่อนจึงจะทำเช่นนั้นได้
คุณจะต้องตัดการเชื่อมต่อจาก VPN ในขณะที่คุณเพิ่มหรือนำแอปและเว็บไซต์ออก
เราได้นำเอาแอปธนาคารออนไลน์ของเราออกจากอุโมงค์และก็ทำการทดสอบฟีเจอร์นี้ดู หลังจากที่เราเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ในไทย เราก็สามารถใช้งานแอปธนาคารในไทยได้อย่างไม่มีปัญหา ดังนั้นมันก็ทำงานได้ดีตามที่โฆษณา
ฟีเจอร์นี้จะมีให้ใช้งานได้สำหรับแอปบน Linux, Windows, Android และเราเตอร์ น่าเสียดายที่มันไม่มี split tunneling ให้ใช้งานได้ในแอป iOS หรืออุปกรณ์ macOS ที่ใช้งาน OS 11 ขึ้นไป
ExpressVPN นั้นเคยมีแอป Windows ที่ได้รับการอัปเดตอยู่ช่วงสั้น ๆ ซึ่งได้นำ split-tunneling ออก ตอนที่นักรีวิวจากเว็บเทคโนโลยียอดนิยมได้สังเกตเห็นปัญหาเกี่ยวกับคำร้องขอ DNS ในขณะที่ใช้ฟีเจอร์นี้ เราประทับใจมากที่ ExpressVPN จริงจังกับปัญหาเรื่องนี้ มันถูกเอาออกไปเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์กว่า ๆ เท่านั้นก่อนที่ทางวิศวกรของพวกเขาจะแก้ไขปัญหาเสร็จและก็นำฟีเจอร์กลับมาใช้งานใหม่อีกครั้ง
การใช้งานเข้ากันได้กับ Tor
คุณสามารถใช้ ExpressVPN กับ Tor (The Onion Router) ได้ด้วยการใช้วิธี Tor ก่อน VPN Tor นั้นเป็นเบราว์เซอร์พิเศษที่จะทำการเข้ารหัสทราฟฟิคทั้งหมดภายในเครือข่าย ทำให้ข้อมูลของคุณไม่ถูกเปิดเผยตัวตน เนื่องจากมันเป็นหนึ่งในฮับหลักของการเข้าถึงเว็บมืด มันจึงมีชื่อเสียงที่ไม่ดีนักเนื่องจากมันมีกิจกรรมบนเว็บมืดที่ผิดกฎหมายอยู่มากมาย อย่างไรก็ตาม Tor นั้นก็ยังเป็นสิ่งจำเป็น เพราะมันทำให้นักเคลื่อนไหวและผู้แจ้งเบาะแสจากทุกที่สามารถแชร์ข้อมูลสำคัญอย่างไม่เปิดเผยตัวตนได้
เพื่อที่จะทำให้ ExpressVPN สามารถใช้งานกับ Tor ได้ คุณจะต้องเชื่อมต่อไปยัง VPN ก่อน นี่จะช่วยให้คุณเข้าถึง Tor ได้ถึงแม้ว่ามันจะถูกบล็อกบนเครือข่ายของคุณก็ตาม คุณยังจะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการถูกปักธงจากการใช้ Tor ด้วย และคุณก็จะได้รับการป้องกันเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษจากบัคในเบราว์เซอร์
เนื่องจาก Tor นั้นมีการเข้ารหัสที่แน่นหนามาก มันจึงช้ากว่าเบราว์เซอร์ทั่วไป ตอนที่เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ลอสแอนเจลิส 1 เราก็สามารถเปิดเบราว์เซอร์ Tor ได้ภายใน 4 วินาที นี่ก็ถือว่าเทียบเท่ากับความเร็วตอนที่เราไม่ได้เชื่อมต่อ VPN ดังนั้นก็แปลว่าเราสามารถใช้ Tor ได้โดยที่ไม่มีการดีเลย์เพิ่มเติม
การป้องกันขั้นสูง
ExpressVPN นั้นจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษเมื่อพูดถึงเรื่องของความปลอดภัยด้วยฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูงของมัน ซึ่งประกอบไปด้วย Threat Manager (ตัวจัดการภัย), ตัวบล็อกโฆษณา และระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครอง
Threat Manager (ตัวจัดการภัย)
Threat Manager (ตัวจัดการภัย) จะหยุดเว็บไซต์และแอปไม่ให้ทำการสื่อสารไปยังบุคคลที่สามที่เป็นที่รู้จักว่าจะติดตามข้อมูลของคุณหรือมีพฤติกรรมที่มุ่งร้าย มันไม่มีอะไรน่ารำคาญไปกว่าตอนที่คุณต้องมาดูโฆษณาแบบระบุเป้าหมายหลังจากที่เปิดเว็บไซต์หรือแอปอีกแล้ว แต่คุณไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องนั้นเวลาที่ใช้ ExpressVPN
Threat Manager (ตัวจัดการภัย) นั้นมีให้ใช้งานได้สำหรับทุกแอปของ ExpressVPN ซึ่งรวมถึง Windows, Mac, Android, iOS และ Linux นอกจากนี้มันยังมีอยู่ในเราเตอร์ Aircove อีกด้วย
ตัวบล็อกโฆษณา
ExpressVPN นั้นมีฟีเจอร์ตัวบล็อกโฆษณามาในตัวด้วย ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่แข็งแกร่งใช้ได้จากการทดสอบของเราด้วยการบล็อกโฆษณาได้ถึง 72% ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ไร้ที่ติ แต่มันก็ดีกว่าตัวบล็อกโฆษณาส่วนใหญ่ (เรายังไม่เคยเจอตัวไหนเลยที่บล็อกได้ทุกอย่าง)
ฟีเจอร์นี้เปิดให้เข้าถึงได้สำหรับ Windows, Android, macOS, และ iOS โดยสำหรับ Linux จะมาในเร็ว ๆ นี้
ระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครอง
ExpressVPN มีระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครองที่ไม่เหมือนใคร อย่างเช่นตัวบล็อกเว็บไซต์สำหรับผู้ใหญ่ มันจะทำให้คุณสามารถจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนอุปกรณ์ของลูกคุณ มันจะคล้ายกับตัวบล็อกโฆษณา ตรงที่ฟีเจอร์นี้ถูกจำกัดให้ใช้งานได้เฉพาะบน Windows, Android, macOS และ iOS แต่เวอร์ชันสำหรับ Linux ยังอยู่ระหว่างพัฒนา
Auto-Update (อัปเดตอัตโนมัติ)
แอปเดสก์ท็อปของ ExpressVPN มาพร้อมกับฟีเจอร์การอัปเดตอัตโนมัติ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้การพัฒนาด้านความปลอดภัยและฟีเจอร์ล่าสุดได้เสมอ นี่หมายความว่าคุณจะไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการมาคอยอัปเดตเองเลยและมันก็จะคอยอัปเดตตัวเองโดยอัตโนมัติ
ฟีเจอร์นี้จะมีประโยชน์เป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ใช้งานในพื้นที่ที่มีการจำกัดทางอินเทอร์เน็ต อย่างเช่นจีนหรือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มันจะกำจัดความจำเป็นที่จะต้องมาคอยอัปเดตแอปเองจากเว็บไซต์ของ ExpressVPN ซึ่งคุณจะสามารถเข้าถึงจากที่นั่นได้ยาก
ความเป็นส่วนตัว: บริษัทที่เชื่อถือได้ซึ่งจะไม่เก็บข้อมูลของคุณ10.0
ExpressVPN นั้นมีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูล และมันก็ตั้งอยู่นอกพื้นที่ของพันธมิตร 14 Eyes มันเป็นของ Kape Technologies ซึ่งยังเป็นเจ้าของ VPN อีกหลายราย (เช่น CyberGhost และ Private Internet Access เป็นต้น)
ExpressVPN มีการบันทึกข้อมูลหรือไม่? ไม่
ExpressVPN มีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลอย่างเข้มงวด ดังนั้นมันจะไม่เก็บ, แบ่งปัน หรือขายข้อมูลส่วนตัวของคุณ
มันจะเก็บเอาไว้เฉพาะอีเมลและข้อมูลการชำระเงินพร้อมกับข้อมูลที่ไม่เปิดเผยตัวตนเพื่อใช้พัฒนาประสิทธิภาพเท่านั้น
ExpressVPN ระบุว่าพวกเขาจะเก็บเฉพาะ:
ข้อมูลที่คุณใช้ในการสมัครสมาชิก (รายละเอียดการชำระเงินและที่อยู่อีเมล)
คุณได้เปิดใช้กี่แอปและเวอร์ชันของแอป
วันที่ทำการเชื่อมต่อ (ไม่ระบุเวลา)
ตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ที่คุณเชื่อมต่อไป (แต่ไม่บันทึกที่อยู่ IP ที่จัดสรรให้คุณ)
ปริมาณข้อมูลที่มีการโอนย้ายในหนึ่งวัน
เราประทับใจมากที่มันเก็บข้อมูลน้อยขนาดนี้ เราไม่เคยเห็น VPN ที่เก็บข้อมูลน้อยกว่านี้มาก่อนเลย นี่เป็นปริมาณข้อมูลขั้นต่ำที่จำเป็นต้องเก็บเพื่อใช้ในการบำรุงรักษา VPN และเพื่อใช้ในการติดต่อกับลูกค้า มันจะแสดงเฉพาะแค่ว่าคุณเคยใช้ VPN เท่านั้น ไม่ได้บอกอะไรไปมากกว่านี้
เพื่อที่จะปกป้องคุณยิ่งขึ้นไปอีก คุณสามารถจ่ายเงินด้วยเงินสกุลดิจิทัลและสร้างอีเมลใหม่สำหรับบัญชีของคุณได้ด้วย เราติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของ ExpressVPN ผ่านไปทางไลฟ์แชทเพื่อดูว่าข้อมูลการชำระเงินและอีเมลสามารถขอลบออกได้ไหม มันสามารถทำได้ แต่คุณต้องขอยกเลิกการสมัครสมาชิกก่อน
จะสามารถทำแบบนี้ได้เฉพาะหลังจากที่คุณยกเลิกบัญชีของคุณไปแล้ว
ExpressVPN จะไม่เก็บ:
ที่อยู่ IP ส่วนตัวหรือที่อยู่ IP ของ VPN ที่คุณใช้ไป
ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการท่องเว็บของคุณ (เว็บไซต์ที่คุณเข้าถึง)
ข้อมูลอภิพันธุ์
DNS queries (เว็บไซต์ที่คุณพยายามเข้าถึง)
หรือก็คือ จะไม่มีการบันทึกว่าคุณใช้ ExpressVPN มาจากที่ไหนและจะไม่มีการบันทึกว่าคุณใช้มันทำอะไรด้วย
ข้อมูลการวินิจฉัยนั้นเป็นข้อมูลที่คุณสามารถอาสาแบ่งปันให้ ExpressVPN ได้ ตอนที่คุณดาวน์โหลดแอป เพียงแค่เลือก "No Thanks (ไม่ ขอบคุณ)" บนหน้า “Help Improve ExpressVPN (ช่วยปรับปรุง ExpressVPN)"
ถ้าคุณเลือกแบ่งปัน มันก็จะส่งไปเฉพาะข้อมูลที่ไม่เปิดเผยตัวตนที่ไม่สามารถเชื่อมโยงกลับมาหาคุณได้เท่านั้น
ExpressVPN เริ่มมีการเผยแพร่รายงานความโปร่งใสแบบปีละสองครั้งในปี 2024 นี่ก็เพื่อเป็นการเปิดเผยรายละเอียดตอนที่ฝ่ายกฎหมายของพวกเขาได้รับคำร้องขอข้อมูลผู้ใช้งาน เนื่องจากพวกเขาไม่ได้เก็บข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนได้เอาไว้ พวกเขาจึงไม่มีอะไรจะไปแชร์อยู่แล้ว นี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เราประทับใจเกี่ยวกับความโปร่งใสของพวกเขาในแง่ของความเป็นส่วนตัว
นอกจากเรื่องทั้งหมดที่พูดไปแล้ว นโยบายของ ExpressVPN ก็ยังเคยผ่านการท้าทายมาแล้วเมื่อปี 2017 อีกด้วย รัฐบาลตุรกีเคยริบเอาเซิร์ฟเวอร์ ExpressVPN ไปในขณะที่มีการสืบสวนเรื่องการลอบสังหาร อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่พบข้อมูลใด ๆ เนื่องจากไม่มีการเก็บข้อมูลเอาไว้ นี่เป็นการยืนยันนโยบายการไม่บันทึกข้อมูล
ExpressVPN International Limited (บริษัทแม่ผู้พัฒนาแอป) นั้นมี ExpressVPN เป็นแหล่งรายได้แหล่งเดียว บริษัทแห่งนี้ยังได้มีการทำงานร่วมกับ Center for Democracy and Technology เพื่อช่วยพัฒนาสิทธิด้านความเป็นส่วนตัวทั่วโลกอีกด้วย เรื่องนี้ รวมถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้น ได้แสดงให้เราเห็นว่า ExpressVPN นั้นให้ความสำคัญกับการไม่เปิดเผยตัวตนบนโลกออนไลน์จริง ๆ
มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่หมู่เกาะบริติชเวอร์จินที่เป็นมิตรต่อความเป็นส่วนตัว
สำนักงานใหญ่ของ ExpressVPN ตั้งอยู่ที่หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน ซึ่งเป็นประเทศที่ไม่มีกฎหมายเรื่องการเก็บข้อมูล ประเทศที่บริษัท VPN ใช้ในการเปิดบริษัทนั้นมีความสำคัญมาก ๆ เนื่องจากมันจะต้องทำตามกฎหมายและข้อบังคับในพื้นที่ นอกจากกฎหมายด้านความเป็นส่วนตัวจะแข็งแกร่งแล้ว การขอหมายศาลก็เป็นเรื่องยากมาก ๆ อีกด้วย พวกเขาไม่มีโปรแกรมการสอดแนมหมู่ และ BVI ก็ยังอยู่นอกพื้นที่ของ พันธมิตร 14 Eyes (หรือ SIGINT Seniors Europe) อีกด้วย นี่เป็นข้อตกลงระหว่างประเทศที่จะแบ่งปันข้อมูลของผู้อยู่อาศัยในประเทศให้กันและกัน
ถึงแม้ว่าจะอยู่ในอาณาเขตของบริติช แต่ BVI นั้นเป็นเอกราชจากการปกครองของมัน นี่เป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เนื่องจากบริเตนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตร 14 Eyes ถึงแม้ว่าประเทศอื่น ๆ จะมาขอศาลสูงสุดของ BVI ให้แบ่งปันข้อมูล แต่ทางรัฐบาล BVI ก็ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวกับผู้อยู่อาศัยหรือบริษัทใด ๆ ได้
ลองสมมติในกรณีที่มีประเทศอื่นมาทำแบบนั้นได้จริง ๆ แต่สุดท้าย ExpressVPN ก็ไม่มีข้อมูลใด ๆ ของลูกค้าจะไปแชร์ให้อยู่ดี ยังไงก็ตาม การที่พวกเขาตั้งอยู่ในประเทศที่เป็นมิตรต่อความเป็นส่วนตัวแบบนี้ก็เป็นการป้องกันข้อมูลของคุณขึ้นไปอีกขั้น ซึ่งเราชอบมาก ๆ
ExpressVPN ใช้งานในประเทศจีนได้หรือไม่? ได้
คุณสามารถใช้ ExpressVPN ในประเทศจีนได้ แต่มันจะดีที่สุดถ้าคุณดาวน์โหลดก่อนที่จะไปถึง ในขณะที่มีแต่ VPN ที่ได้รับการอนุมัติเท่านั้นที่ถูกกฎหมายในประเทศจีน แต่ที่ผ่านก็รัฐบาลก็ได้ต่อสู้กับ VPN ที่ไม่ได้รับการอนุมัติด้วยการบล็อกเพียงอย่างเดียว ยังไม่ค่อยเห็นเหตุการณ์ที่พวกเขาไล่ตามจับคนที่ใช้งานมัน อย่างไรก็ตาม พวกเราแนะนำให้คุณอ่านเกี่ยวกับการใช้ VPN ในจีนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อที่คุณจะเข้าใจถึงความเสี่ยงของมัน
รัฐบาลจีนได้ทำการเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตอย่างเข้มงวดในประเทศ การเซ็นเซอร์นี้เป็นที่รู้จักกันในนาม Great Firewall ของประเทศจีน อย่างไรก็ตาม ตอนที่รัฐบาลจีนเริ่มไล่จัดการ VPN ทั้งหลายเมื่อไม่กี่ปีก่อน ExpressVPN ก็เป็นหนึ่งใน VPN น้อยรายที่ยังสามารถใช้งานได้ (มาจนถึงปัจจุบัน)
ExpressVPN นั้นมีเซิร์ฟเวอร์อยู่ที่ฮ่องกง ถึงแม้ว่าค่าปิงของมันจะสูง (229ms) แต่เซิร์ฟเวอร์ ฮ่องกง 2 นั้นก็ลดความเร็วของผู้ทดสอบที่อังกฤษของพวกเราลงไปเพียง 14% เท่านั้น ในทางทฤษฎี คุณสามารถใช้เซิร์ฟเวอร์นี้เพื่อเข้าถึงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งของจีนจากนอกประเทศได้ อย่างไรก็ตาม เราขอเตือนว่านี่จะเป็นการทำผิดเงื่อนไขการให้บริการและกฎหมายลิขสิทธิ์ ดังนั้นเราจึงไม่แนะนำให้ทำเช่นนี้
มันสามารถทำงานในทางตรงกันข้ามได้เช่นกัน: คนที่อยู่ในจีนสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกเซ็นเซอร์ได้ด้วยตำแหน่งในต่างประเทศ (อันนี้คือในทางทฤษฎี) ขอแจ้งอีกครั้งว่าเราและทีมงานไม่สนับสนุนการละเมิดลิขสิทธิ์ใด ๆ ทั้งสิ้น
ในขณะที่ ExpressVPN นั้นจะมีการใช้เทคโนโลยี obfuscation อยู่แล้ว แต่มันก็จะมีรายการอัปเดตเซิร์ฟเวอร์ที่รับประกันว่าใช้งานในจีนได้ด้วย เพื่อที่จะปลอดภัยอยู่เสมอ เราแนะนำให้คุณทำการสืบค้นเกี่ยวกับกฎหมายและข้อบังคับก่อน เนื่องจากมันมีการเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา
คุณต้องตั้งค่าโปรโตคอลของคุณเป็นอัตโนมัติ และเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกแนะนำสำหรับประเทศจีน
ทางฝ่ายบริการลูกค้าบอกเราว่ามันสามารถใช้งานในประเทศที่ถูกจำกัดอย่างตุรกี, ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ สำหรับประเทศจีนโดยเฉพาะเลยนั้น ทางบริษัทจะมีเว็บไซต์คำแนะนำแก้ปัญหา พร้อมกับเว็บไซต์ที่แนะนำ สิ่งนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ดังนั้นตรวจสอบรายการให้แน่ ใจในแต่ละครั้งที่คุณจะเชื่อมต่อ
การโหลดบิท: รองรับ P2P สำหรับทุกเซิร์ฟเวอร์เพื่อการดาวน์โหลดที่รวดเร็ว10.0
ExpressVPN อนุญาตให้แชร์ไฟล์แบบ P2P ได้ด้วยแบนด์วิดท์ไม่จำกัดสำหรับทุกเซิร์ฟเวอร์ ดังนั้นมันจึงเหมาะสำหรับการโหลดบิทมาก ๆ
มี VPN หลายรายที่จำกัดการใช้งาน P2P ไว้ให้ใช้ได้แค่บางเซิร์ฟเวอร์ แต่ ExpressVPN เปิดกว้างให้คุณเลือกตำแหน่งที่ดีที่สุดเพื่อความเร็วที่สูงที่สุดได้เลย ExpressVPN ใช้งานได้กับ qBitTorrent, Transmission, Vuze, Deluge, uTorrent และแอป P2P ชั้นนำอื่น ๆ ทั้งหมด นอกจากนี้มันยังใช้งานกับ Kodi ได้ด้วย ทำให้คุณสามารถเข้าถึงเว็บไซต์สตรีมมิ่ง P2P ได้
เพื่อทำการทดสอบประสิทธิภาพในการโหลดบิทของ ExpressVPN เราได้ใช้ uTorrent เพื่อดาวน์โหลดหนังที่เป็นสาธารณสมบัติเรื่อง A Boy and His Dog ด้วยเซิร์ฟเวอร์นิวยอร์ก เราสามารถดาวน์โหลดได้ในความเร็ว 2.1 MB/s ด้วย 0.44 seeder นี่ทำให้เราสามารถดาวน์โหลดไฟล์ 700 MB เสร็จภายในเวลาแค่ 6 นาทีเท่านั้น
แม้ว่าจะมีแค่ 0.44 seeder แต่เราก็ได้ความเร็วในการดาวน์โหลดถึง 2.1 Mb/s
ExpressVPN นั้นเปิดให้ใช้งาน port forwarding ได้เฉพาะบนแอปพลิเคชันเราเตอร์ และมันก็ไม่มีพร็อกซี่ SOCKS5 ถึงแม้ว่าฟังก์ชันเหล่านี้จะถูกใช้เพื่อทำให้ seeding ได้เร็วขึ้นเป็นหลัก แต่ผลลัพธ์การทดสอบของเราก็แสดงให้เห็นว่าถึงแม้ไม่ต้องใช้พวกมัน ความเร็วก็สูงอยู่แล้ว
เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องย้ำว่าเราและทีมงานไม่สนับสนุนให้คุณทำการสตรีมมิ่งหรือโหลดบิทอย่างผิดกฎหมายใด ๆ ทั้งสิ้น เราแนะนำให้คุณดาวน์โหลดเฉพาะไฟล์ที่ไม่มีข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย
แอปและการติดตั้ง
10.0
แอปบนเดสก์ท็อปและอุปกรณ์เคลื่อนที่ของ ExpressVPN นั้นดูมีเสน่ห์, เสถียร และเป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน มันมีดีไซน์ที่ดูเนี้ยบ ดูทันสมัย พร้อมปุ่มเปิดปิดขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง
จุดสามจุดจะพาคุณไปยังรายการเซิร์ฟเวอร์ และสามขีดจะพาคุณไปยังตัวเลือกการเข้าถึง
อย่างหนึ่งที่เราชอบก็คือแอปมันจะแสดงตำแหน่งล่าสุดที่คุณเชื่อมต่อไปให้ดูด้วย นอกจากนี้ บนแอป Windows และ Mac นั้นก็ดูหน้าตาเหมือนกันเลย
การใช้งานแอปนี้ การเข้าการตั้งค่าต่าง ๆ นั้นง่ายมาก เพียงแค่คลิกที่เมนูรูปแฮมเบอร์เกอร์ จากตรงนี้ คุณจะสามารถเปลี่ยนโปรโตคอลความปลอดภัย, เข้าถึงฟีเจอร์ split-tunneling และใช้ปุ่มเปิดปิดฟีเจอร์อื่น ๆ อย่างเช่น Network Lock (หรือ Network Protection) ได้
แต่มันจะมีบางฟีเจอร์และการตั้งค่าที่คุณจะต้องเข้าผ่านแดชบอร์ดบนเว็บไซต์ของ ExpressVPN ตอนที่คุณเข้าไปที่ "บัญชีของฉัน" และทำการล็อกอิน คุณจะได้รับโค้ดเปิดใช้งานและรายละเอียดการสมัครสมาชิก และคุณก็สามารถเปลี่ยนรายละเอียดการชำระเงินหรือดูใบแจ้งหนี้ในอดีตได้ คุณจะสามารถเข้าถึงการตั้งค่า DNS และ MediaStreamer IP ของคุณได้ด้วย นอกจากนี้คุณจะพบหน้าการติดตั้ง ที่ซึ่งสามารถดาวน์โหลดแอปทั้งหมดของ ExpressVPN ได้ (พร้อมทั้งมีคู่มือให้ดูด้วย ซึ่งมันจะช่วยสอนวิธีการติดตั้งบนแต่ละอุปกรณ์ให้กับคุณ)
การตั้งค่าและติดตั้ง
ใช้เวลาเพียงไม่ถึง 3 นาที เราก็สามารถสมัครใช้งานและติดตั้ง ExpressVPN เสร็จแล้ว
เพียงแค่เลือกอุปกรณ์ของคุณและกดปุ่มดาวน์โหลดสีเขียวขนาดใหญ่
คู่มือการติดตั้ง ExpressVPN แบบทีละขั้นตอน:
Quick Guide: วิธีการติดตั้ง ExpressVPN ใน 3 ขั้นตอนง่าย ๆ
Pick a plan. ไปที่เว็บไซต์ของ ExpressVPN เพื่อดำเนินการสมัครใช้งาน เลือกแพลนและกรอกข้อมูลของคุณ มันมีการรับประกันคืนเงินที่ยาวนานถึง 30 วัน ดังนั้นคุณจะทดลองใช้งานมันได้อย่างไม่มีความเสี่ยง
ติดตั้งแอป ExpressVPN นั้นมีแอปเนทีฟที่ใช้งานง่ายสำหรับ Windows, macOS, Linux, Android และ iOS เพียงแค่ดาวน์โหลดแอปบนอุปกรณ์ที่คุณต้องการ จากนั้นก็กรอกโค้ดเปิดใช้งาน
เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ เริ่มสตรีมมิ่ง, ท่องเว็บ, เล่นเกม หรือโหลดบิทอย่างปลอดภัยด้วย ExpressVPN ได้เลย
วิธีนี้จะใช้งานได้สำหรับอุปกรณ์ Windows, Mac, iOS และ Android ถ้าคุณใช้ Linux คุณจะต้องใช้ command line มันเกือบจะเร็วพอ ๆ กันกับการติดตั้งแบบเวอร์ชันอื่น ๆ และ ExpressVPN ก็มีวิธีการตั้งค่าอย่างละเอียดไว้ให้บนเว็บไซต์แล้ว
ความเข้ากันได้กับอุปกรณ์: ใช้งานกับฮาร์ดแวร์ต่าง ๆ ได้มากมาย
ExpressVPN นั้นใช้งานเข้ากันได้กับระบบปฏิบัติการใหญ่ ๆ ทั้งหมด และรองรับอุปกรณ์ได้หลากหลายอีกด้วย มีแอปเนทีฟสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ Windows, Mac, Android, iOS และ Linux นี่หมายความว่าคุณสามารถตั้งค่าแอปเต็มของมันบน Android TV ได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีแอปเนทีฟตัวเต็มสำหรับ Apple TVs, Amazon Fire TVs, Fire Sticks และ Chromecast with Google TV ด้วย แต่ละแอปนั้นสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้อย่างง่ายดายบนร้านค้าของแต่ละอุปกรณ์
คุณยังสามารถเข้ารหัสการเชื่อมต่อของคุณได้บนทุกอุปกรณ์อีกด้วยผ่านการใช้แอปเนทีฟที่มีรองรับสำหรับเราเตอร์มากมาย
MediaStreamer ทำให้การเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่ไม่มีแอปเนทีฟนั้นกลายเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ๆ
ข้อดีหลักหนึ่งเลยของ ExpressVPN ก็คือแอปที่ใช้งานง่ายสำหรับทุกอุปกรณ์ แต่ละแอปนั้นทำงานเกือบจะเหมือน ๆ กันหมดเลย มีขอยกเว้นแค่แอป Linux มันไม่มีอินเทอร์เฟซแบบกราฟิก ดังนั้นเราจึงต้องใช้งานมันด้วยข้อความ แต่การเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์นั้นก็ไม่ยาก และเราก็สามารถเข้าถึงฟีเจอร์ทั้งหมดได้อย่างง่ายดายด้วย command line
ถึงแม้ว่าแต่ละแอปจะหน้าตาเหมือน ๆ กัน แต่มันก็มีฟีเจอร์เล็กน้อยที่จะแตกต่างกันออกไป
นอกจากระบบปฏิบัติการเหล่านี้แล้วนั้น MediaStreamer ยังช่วยให้คุณเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่ปกติจะไม่รองรับ VPN ได้ด้วย อย่างเช่นเครื่องเล่นเกมกับสมาร์ททีวี นอกจากนี้มันก็ยังมีส่วนขยายเบราว์เซอร์สำหรับ Chrome, Firefox และ Microsoft Edge
เดสก์ท็อปคอมพิวเตอร์: แอปสำหรับ Windows, Mac และ Linux
แอปสำหรับทั้ง Windows และ Mac ของ ExpressVPN นั้นดูเกือบจะเหมือนกันเลย และก็ยังรองรับภาษาไทยทั้งคู่อีกด้วย อย่างไรก็ตาม มันมีฟีเจอร์ที่แตกต่างกันเล็กน้อย ในขณะทีทั้งสองแอปจะใช้โปรโตคอล OpenVPN กับ Lightway ได้ แต่จะมีเฉพาะ macOS เท่านั้นที่ใช้ IKEv2 ได้ อีกข้อแตกต่างหนึ่งก็คือคุณจะไม่ได้รับฟีเจอร์ split-tunneling ถ้าคุณใช้ OS11 ขึ้นไปบน Mac
คุณจะต้องใช้ Windows 7 หรือใหม่กว่า และ macOS 10.11 หรือเก่ากว่า ExpressVPN นั้นยังมีแอปเนทีฟสำหรับอุปกรณ์ Silicon Mac ของ Apple ด้วย (บางครั้งจะถูกเรียกว่า M1 และ M2) หลาย ๆ แอปนั้นต้องถูก "translated (แปล)" เพื่อให้ใช้งานบนอุปกรณ์เหล่านี้ได้ ซึ่งก็มักจะทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับเจ้านี้ เพียงแค่คุณอัปเดตไปใช้งานแอปสำหรับ Mac เวอร์ชันล่าสุด และ ExpressVPN ก็จะสามารถทำงานกับอุปกรณ์ Apple Silicon ของคุณได้อย่างเต็มรูปแบบ
ข้อแตกต่างเดียวกับก็คือแอป Mac จะไม่มี split-tunneling
เราพบว่าแอปของมันนั้นใช้งานได้ง่ายทั้ง 3 เวอร์ชันบนเดสก์ท็อป ถึงแม้ว่าสำหรับ Linux จะต้องใช้เวลาเรียนรู้ command สักพักหนึ่งก็ตาม มันไม่มีส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้ (GUI) ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมี VPN ไหนที่มีอยู่แล้ว แต่ Private Internet Access นั้นจะมีให้คุณใช้ควบคุมได้แบบเดียวกับแอป PC หรือ Mac เลย
อย่างไรก็ตาม ส่วนขยายที่ไม่เหมือนใครของ ExpressVPN สำหรับ Firefox และ Chrome จะช่วยให้คุณสามารถใช้ VPN ที่มี GUI ได้ เนื่องจากส่วนขยายเหล่านี้เป็นเหมือนรีโมทควบคุมสำหรับแอปแทนที่จะเป็นพร็อกซี่ การใช้งานมันจึงสามารถช่วยปกป้องอุปกรณ์ทั้งเครื่องของคุณได้ (ไม่ใช่แค่เบราว์เซอร์) ข้อเสียเดียวก็คือ คุณไม่สามารถเปลี่ยนการตั้งค่าได้ คุณจะสามารถทำได้แค่เชื่อมต่อ, ตัดการเชื่อมต่อ และเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์
ในการที่จะติดตั้ง ExpressVPN และเข้าถึงการตั้งค่าบน Linux คุณจะต้องใช้ command ใน terminal ยกตัวอย่างเช่น “expressvpn connect” จะทำการเชื่อมต่อคุณกลับไปยังตำแหน่งที่คุณใช้งานล่าสุด command "expressvpn list all" จะแสดงเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดให้คุณเลือก เนื่องจากส่วนขยายเบราว์เซอร์นั้นใช้งานง่ายกว่า เราจึงจะเข้าถึง terminal เฉพาะตอนที่ต้องเปลี่ยน โปรโตคอลเท่านั้น
นอกจาก split-tunneling แล้ว ในเวอร์ชัน Linux นั้นก็มีแอปทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับเดสก์ท็อป อีกข้อแตกต่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดก็คือมันจะใช้งานได้เฉพาะ Lightway กับ OpenVPN และคุณจะไม่สามารถทางลัดแอปได้เหมือนกับใน Windows และ Mac ฟีเจอร์นี้จะทำให้คุณสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้ในคลิกเดียวจากในแอป ซึ่งปกติเราก็ไม่ค่อยได้ใช้อยู่แล้ว แอปนั้นจะมีสำหรับผู้ใช้งาน Linux ด้วยระบบ Ubuntu, Fedora, Arch และ Raspbian
ฟีเจอร์ที่มันไม่มีนั้นมีเพียงแค่ทางลัดแอปและ split-tunneling
ไม่ว่าคุณจะใช้ระบบปฏิบัติการใดก็ตาม คุณจะได้รับ ExpressVPN เวอร์ชันที่อัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์อย่างแน่นอนบนเดสก์ท็อป
iOS และ Android
โดยทั่วไปนั้น แอปสำหรับ Android และ iOS ก็จะดูเหมือน ๆ กับบนเดสก์ท็อป และมันยังสามารถแสดงค่าเป็นภาษาไทยได้อีกด้วย
แอป Android นั้นมีฟีเจอร์เหมือนกันกับแอปบนเดสก์ท็อป (split tunneling, kill switch, auto-connect) และฟีเจอร์เสริมอีกเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมีเคล็ดลับอยู่ด้านล่างหน้าโฮมซึ่งจะลิงก์คุณไปยังบล็อกของ ExpressVPN อีกด้วย
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ไม่เหมือนใครบนแอป Android ก็คือมันสามารถปิดการถ่ายภาพหน้าจอได้ นี่จะช่วยป้องกันไม่ให้แอปหรือคนสอดแนมมาดูข้อมูลละเอียดอ่อนบนหน้าจอแอป ExpressVPN ของคุณได้
คุณควรจะสมัครใช้งานบนเว็บไซต์ของ ExpressVPN ก่อนที่จะทำการดาวน์โหลดแอป Android ผ่านทาง Google Play Store และคุณจะต้องใช้ Android เวอร์ชัน 5.0 หรือใหม่กว่า
ข้อแตกต่างเดียวระหว่างแอปสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ก็คือของ iOS จะไม่มีฟีเจอร์ split-tunneling
ExpressVPN Keys นั้นเป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่พวกเขาพัฒนาขึ้นเอง มีให้ใช้งานได้บนแอป Android และ iOS มันมีพื้นที่จัดเก็บไม่จำกัดพร้อมการเข้ารหัสสำหรับรหัสผ่านออนไลน์ทั้งหมด ทำให้การเข้าถึงบัญชีกลายเป็นเรื่องง่าย นอกจากนี้ก็ยังมีเครื่องมือสร้างรหัสผ่านสำหรับการสร้างรหัสผ่านที่มีความปลอดภัยและไม่ซ้ำกันสำหรับแต่ละบริการอีกด้วย Keys นั้นสามารถใช้งานบน Windows, macOS และ Linux ได้ผ่านทางส่วนขยายเบราว์เซอร์ของมัน
เราดีใจมากที่เห็น ExpressVPN อัปเดตฟีเจอร์นี้บน Android หลังจากที่มีการรายงานจาก IIIT-H ว่าเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน Android หลายตัวนั้นมีช่องโหว่อยู่ ExpressVPN Keys นั้นไม่ได้อยู่ในรายงานนั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาใส่ใจเรื่องความปลอดภัยมากแค่ไหน
นอกจาก Keys แล้ว ก็ยังมีฟีเจอร์ Protection Summary (สรุปการปกป้อง) บนแอปอุปกรณ์เคลื่อนที่ด้วย สิ่งนี้จะแสดงให้คุณเห็นช่วงเวลาเป็นเปอร์เซ็นต์ของตอนที่คุณได้เชื่อมต่อไปยัง VPN ตั้งแต่ที่เริ่มติดตั้ง
แอป Android จะเปิดให้คุณเลือกได้ระหว่างโปรโตคอล Lightway UDP หรือ OpenVPN UDP เวอร์ชัน Android นั้นยังมีทางลัดสำหรับแอปและเว็บไซต์ (สูงสุด 5 ทางลัด) ไว้ให้คุณเพิ่มได้ด้วย โดยรวมแล้วนั้น แอป Android ใช้งานได้ดีเทียบเท่ากับของบนเดสก์ท็อปเลยทีเดียว เราสามารถสตรีมดูรายการในความชัดแบบ HD ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และการเปลี่ยนระหว่างการใช้เน็ตมือถือกับ WiFi นั้นก็ทำได้ทันทีตอนที่ใช้ Lightway
น่าเสียดายที่เวอร์ชันของ iPhone จะไม่มีฟีเจอร์ split-tunneling อย่างไรก็ตาม คุณจะได้รับฟีเจอร์เสริมพิเศษสองอย่างที่ผู้ใช้งานบนระบบ Android ไม่มี หากคุณเลือกใช้บน iPhone
Threat Manager และ Parallel Connections นั้นจะมีเฉพาะบน iOS ดังนั้นคุณจะปลอดภัยจากมัลแวร์และสามารถเชื่อมต่อกับ VPN ได้รวดเร็วกว่าบนเครือข่ายที่ถูกจำกัด
Parallel Connections จะทำให้คุณเชื่อมต่อเข้าหาเซิร์ฟเวอร์ได้เร็วขึ้น (โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนเครือข่ายที่ถูกจำกัด) เพราะว่า VPN จะพยายามเชื่อมต่อโดยใช้หลายวิธีไปพร้อม ๆ กัน ยกตัวอย่างเช่น โรงเรียนบางแห่งอาจจะบล็อกการเชื่อมต่อแบบ UDP แต่ VPN ก็จะสามารถลองเชื่อมต่อด้วย TCP ไปในเวลาเดียวกันได้ นั่นหมายความว่าคุณจะไม่ต้องเสียเวลาลองโปรโตคอลหลายรูปแบบเพื่อที่จะค้นหาวิธีเชื่อมต่อที่ได้ผล ยิ่งไปกว่านั้น แอป ExpressVPN บน iOS ก็ยังเก็บ ทางลัดสำหรับแอปและเว็บไซต์ที่มีในแอปเวอร์ชันอื่น ๆ ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ก็ยังมีโปรโตคอล Lightway (TCP และ UDP) , IKEv2 ก็สามารถใช้ได้สำหรับ iOS
สำหรับ iPhone คุณจะต้องติดตั้งมันผ่าน App Store และคุณจะต้องใช้ iOS 12 หรือใหม่กว่า
ส่วนขยายเบราว์เซอร์สำหรับ Chrome, Firefox, Edge, Brave และ Vivaldi
ส่วนขยายเบราว์เซอร์ของ ExpressVPN นั้นจะเพิ่มตัวเลือกความปลอดภัยให้คุณยิ่งขึ้นไปอีก แต่คุณจะสามารถใช้งานมันได้เฉพาะบนเดสก์ท็อป มันมีส่วนขยายสำหรับเบราว์เซอร์โดยเฉพาะบน Chrome และ Firefox คุณสามารถเพิ่มมันบน Microsoft Edge ได้เช่นกัน แต่คุณจะต้องดาวน์โหลดมันผ่าน Chrome Web Store และอนุญาตให้ส่วนขยายจาก store อื่นใช้งานได้ในการตั้งค่าของ Edge เช่นเดียวกันกับ Brave และ Vivaldi
แทนที่จะทำตัวเป็นพร็อกซี่ ส่วนขยายเหล่านี้จะทำตัวเป็นเหมือนรีโมทควบคุมสำหรับแอปของคุณแทน นี่เป็นสิ่งที่ดีมากเพราะมันจะทำให้คุณเข้าถึงฟีเจอร์ทั้งหมดของแอปได้เลย คุณจะต้องดาวน์โหลด ExpressVPN ไว้บนเดสก์ท็อปของคุณก่อน การเชื่อมต่อในเบราว์เซอร์จะเป็นการเชื่อมต่อในแอปของคุณด้วย
การปลอมตำแหน่งของคุณนั้นจะช่วยได้ เวลาที่แพลตฟอร์มต้องการทราบตำแหน่งที่อยู่ของคุณในเบราว์เซอร์
การใช้ส่วนขยายเบราว์เซอร์ช่วยให้เราเข้าถึงแพลตฟอร์มอย่าง Hulu ที่ต้องใช้ตำแหน่งที่อยู่ของเราในเบราว์เซอร์ได้ Hulu นั้นจะใช้เทคโนโลยีเพื่อตรวจดูที่อยู่ของอุปกรณ์ของคุณ แต่ด้วยการเปิด "Spoof your location (ปลอมตำแหน่งของคุณ)" มันจะช่วยทำให้ดูเหมือนว่าคุณอยู่ในตำแหน่งเดียวกับเซิร์ฟเวอร์ VPN เป็นการปลดบล็อกแพลตฟอร์มนั้นได้เลย
ส่วนขยายนี้ยังช่วยให้คุณบล็อกการรั่วไหลของ WebRTC ได้ด้วย WebRTC นั้นเป็นซอฟต์แวร์สื่อสารที่ใช้งานอยู่ในหลาย ๆ เบราว์เซอร์ซึ่งจะเปิดเผยที่อยู่ IP ของคุณ เราได้ทำการทดสอบสิ่งนี้ดูระหว่างการทดสอบการรั่วไหล และเราก็ไม่พบการรั่วไหลของ WebRTC เลย
คุณสามารถทำให้การท่องเว็บของคุณปลอดภัยได้ขึ้นไปอีกด้วยการใช้ “HTTPS Everywhere” เวลาที่เว็บไซต์มี HTTPS ให้ใช้งาน (เว็บไซต์เวอร์ชันที่ปลอดภัยกว่าและมีการเข้ารหัส) ExpressVPN ก็จะทำการเข้าถึงมันโดยอัตโนมัติ เราได้ทำการเข้าถึง 6 เว็บไซต์ที่แตกต่างกันออกไปซึ่งเราใช้เป็นประจำอยู่แล้ว และสิ่งนี้ก็ทำให้เราเข้าไปยังเว็บแบบ HTTPS ในทุก ๆ ครั้ง
ส่วนขยายเบราว์เซอร์นี้มีประโยชน์มาก ๆ แต่น่าเสียดายที่มันไม่มีให้ใช้งานบนมือถือกับแท็บเล็ต การเปลี่ยนการใช้งานระหว่างแอปกับเบราว์เซอร์นั้นง่ายมากบนเดสก์ท็อป แต่สำหรับหน้าจอสัมผัสนั้นจะยุ่งยากกว่า ส่วนขยายเบราว์เซอร์นั้นมีให้ใช้ได้กับ Chromebooks (ซึ่งใช้ ChromeOS) ด้วย แต่เรามีปัญหาเรื่องการซิงค์ตอนที่เราลองทดสอบดู ดังนั้นเราจึงไม่แนะนำให้ใช้มัน นอกจากนี้ก็น่าเสียดายที่ไม่มีส่วนขยายสำหรับ Safari
แอปเพล็ตเฉพาะสำหรับเราเตอร์
ExpressVPN นั้นมีแอปแบบเบราว์เซอร์สำหรับเราเตอร์พร้อมการตั้งค่าที่กำหนดเองบนบางอุปกรณ์ นี่เป็นฟีเจอร์ที่ดีมากที่ทำให้ ExpressVPN มีความแตกต่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความง่ายในการใช้งาน มันมี VPN อยู่ไม่มากนักที่มีแอปที่ดูเนี้ยบแบบนี้สำหรับเราเตอร์
การติดตั้งแอปด้วยวิธีนี้จะมีความได้เปรียบหลายอย่าง คุณจะสามารถใช้งานเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ ทั้งหมดของ ExpressVPN, ป้องกันอุปกรณ์ทั้งหมดที่ลิงก์เข้ากับเครือข่ายที่บ้าน, แม้แต่อุปกรณ์ที่ไม่รองรับเซิร์ฟเวอร์ VPN นี่จะยิ่งมีประโยชน์เป็นพิเศษถ้าคุณต้องการใช้ ExpressVPN กับ Roku
นอกจากนี้มันยังทำการเข้ารหัสการเชื่อมต่อของคุณและหลบหลีกการจำกัดความเร็วบนเครื่องเล่นเกม, สมาร์ททีวี และอุปกรณ์สตรีมมิ่งอีกมากมายซึ่งรวมถึง Chromecast รุ่นเก่าด้วย แต่ที่เราชอบที่สุดเกี่ยวกับการติดตั้งบนเราเตอร์ก็คือมันจะทำให้คุณสามารถปกป้องอุปกรณ์ได้อย่างไม่จำกัดจำนวนเลย
แอปบนเราเตอร์นั้นจะมีฟีเจอร์มาในตัวด้วยอย่างเช่น kill switch และ split tunneling แถมคู่มือการติดตั้งนั้นก็เข้าใจง่าย และเราก็สามารถใช้งานมันได้ภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที แอป ExpressVPN นั้นสามารถใช้งานได้กับเราเตอร์หลายรุ่นของ Asus, Linksys และ Netgear
เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทราบว่าการติดตั้งเฟิร์มแวร์ของ ExpressVPN บนเราเตอร์จะไปแทนที่เฟิร์มแวร์เดิม นี่อาจทำให้มีผลกับเรื่องการรับประกัน และอาจจะทำให้อุปรกณ์ของคุณเสียหายได้ถ้าทำไม่ถูกต้อง ขอให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ทำตามขั้นตอนบนเว็บไซต์ของ ExpressVPN อย่างระมัดระวัง และก็อย่าลืมว่าคุณสามารถขอความช่วยเหลือจากฝ่ายบริการลูกค้าได้ 24/7
นี่คือวิธีการติดตั้ง ExpressVPN บนเราเตอร์ของคุณ:
ทำการตั้งค่าอินเทอร์เน็ตเริ่มต้นสำหรับเราเตอร์ของคุณ จากนั้นค้นหารุ่นเราเตอร์ของคุณจากหน้าดาวน์โหลดของเว็บไซต์ ExpressVPN และดาวน์โหลดเฟิร์มแวร์
ล็อกอินไปยังหน้าแอดมินบนเราเตอร์ของคุณผ่านทางเบราว์เซอร์ ที่อยู่เริ่มต้นนั้นจะเป็น 192.168.1.1
ไปที่ส่วนของ “Administration” ในแท็บ “Advanced” จากนั้นเลือก “Browse”
ไปที่โฟลเดอร์ที่คุณดาวน์โหลดเฟิร์มแวร์มาในตอนแรก เลือกไฟล์และคลิก "Update" หลังจากที่ติดตั้งแล้ว คุณอาจจะต้องเชื่อมต่อกับเราเตอร์ใหม่อีกครั้งด้วยการใช้การตั้งค่าจากโรงงาน
ไปที่ https://www.expressvpnrouter.com ทำตามขั้นตอนจนเสร็จการติดตั้ง
เลือกเซิร์ฟเวอร์ VPN เท่านี้คุณก็สามารถใช้งานและจัดการแอปของ ExpressVPN บนเราเตอร์ผ่านทางแดชบอร์ดได้แล้ว
หมายเหตุ: คู่มือการติดตั้งจะบอกขั้นตอนอย่างละเอียดขึ้นกับรุ่นของเราเตอร์ที่คุณใช้งาน ขั้นตอนที่พูดถึงด้านบนนี้เป็นขั้นตอนสำหรับ Netgear Nighthawk R6400v2 ดังนั้นขั้นตอนสำหรับเราเตอร์ของคุณอาจจะต่างออกไปเล็กน้อย
ExpressVPN นั้นพึ่งจะอัปเดตซอฟต์แวร์เราเตอร์ไปเมื่อไม่นานนี้เองด้วย มันได้เพิ่มฟีเจอร์อัปเดตอัตโนมัติ (สำหรับเวอร์ชัน v2.7.0 หรือใหม่กว่า) ดังนั้นคุณจะไม่ต้องคอยมาทำการติดตั้งใหม่เวลาที่มีการอัปเกรดหรืออัปเดตใด ๆ สำหรับโครงสร้างพื้นฐานของมันนั้น ตอนนี้มันใช้งาน OpenSSL เวอร์ชัน 1.1.1k เพื่อความปลอดภัยที่ดียิ่งขึ้น ไดรเวอร์ Linksys WiFi ล่าสุดก็ถูกนำมาใช้งานด้วยเพื่อเพิ่มความเสถียร
คุณสามารถสร้างกลุ่มสำหรับการเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่แตกต่างกันออกไปได้ ฟีเจอร์นี้เรียกว่า Device Groups (กลุ่มอุปกรณ์) และเราก็เห็นว่ามันดูตรงไปตรงมาดี คุณสามารถเปลี่ยนตำแหน่งอุปกรณ์ของคุณได้อย่างง่ายดายด้วยการลากและวางมันในหน้าอินเทอร์เฟซ
นี่ทำให้ ExpressVPN นั้นไม่เหมือนใครเนื่องจากเกือบจะทุกการตั้งค่าเราเตอร์ที่เราเจอมานั้นจะทำการเชื่อมต่อทุกอย่างไปยังเซิร์ฟเวอร์ได้แค่ที่เดียวเท่านั้น
คุณสามารถซื้อเราเตอร์ที่ติดตั้งเสร็จมาตั้งแต่แรกแล้ว, ติดตั้งมันบนเราเตอร์ที่ใช้งานร่วมกันได้ หรือจะทำการกำหนดค่าเองก็ได้
คุณยังสามารถทำการติดตั้ง ExpressVPN เองบนเราเตอร์จาก Asus, D-Link, DD-WRT, Netduma, Sabai, Tomato, TP-Link และ Xiaomi ได้ด้วย อย่างไรก็ตาม การติดตั้งเองนี้จะใช้เวลานานกว่ามาก และคุณก็อาจจะทำได้แค่เปลี่ยน IP เท่านั้น
วิธีการที่ง่ายที่สุดถ้าต้องการจะใช้งานเลย ก็คือการซื้อเราเตอร์ที่ติดตั้ง ExpressVPN มาแต่แรกแล้ว อย่างไรก็ตาม นี่จะเป็นวิธีที่แพงที่สุด คุณสามารถค้นหาเราเตอร์ที่มีเฟิร์มแวร์ที่กำหนดค่าไว้ให้คุณแล้วได้มากมายบนเว็บไซต์ของ ExpressVPN
ExpressVPN นั้นได้พัฒนาเราเตอร์ WiFi ของตัวเองด้วยชื่อว่า Aircove 6 มันมีเทคโนโลยี WiFi 6 ที่เร็วและทำให้คุณสามารถลากวางทุกอุปกรณ์ WiFi ในบ้านของคุณไปไว้ได้ถึง 5 กลุ่มซึ่งจะเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่แตกต่างกันออกไป Aircove นั้นยังผ่านการตรวจสอบอย่างอิสระโดย Cure53 มาแล้วด้วย นี่ช่วยเป็นเครื่องพิสูจน์ความปลอดภัยของมัน
MediaStreamer: ใช้งานได้ Xbox, PlayStation, Nintendo, Apple TV, สมาร์ททีวีและอื่น ๆ
MediaStreamer (พร็อกซี่ SmartDNS) จะทำให้คุณสามารถเชื่อมต่อ ExpressVPN เข้ากับอุปกรณ์ที่ปกติจะไม่สามารถใช้ VPN ได้ อย่างเช่นเครื่องเล่นเกมและสมาร์ททีวี อุปกรณ์เหล่านี้ปกติจะไม่รองรับการใช้งาน VPN แต่คุณสามารถปรับค่าเซิร์ฟเวอร์ DNS ตั้งต้นได้ นี่เป็นการเปลี่ยนที่อยู่ของเซิร์ฟเวอร์ DNS ในการตั้งค่าอินเทอร์เน็ตบนอุปกรณ์ของคุณไปใช้ที่อยู่ IP ของ MediaStreamer แทน
โปรดทราบว่า MediaStreamer นั้นมีไว้ใช้ในการสตรีมมิ่งเท่านั้น และมันจะไม่เหมือนกับ VPN ตัวเต็ม เนื่องจากคุณจะไม่สามารถเปลี่ยนไปเลือกตำแหน่งต่าง ๆ ได้ หลังจากที่คุณเชื่อมต่อเข้าหา MediaStreamer DNS แล้ว มันก็จะจัดสรรตำแหน่งในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรให้กับคุณ นั่นหมายความว่าทางทฤษฎี คุณจะสามารถเข้าถึงเนื้อหาสตรีมมิ่งนอกประเทศไทยได้ แต่โปรดจำเอาไว้ว่านี่อาจจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์และเป็นการทำผิดข้อตกลงการให้บริการด้วย
การใช้งาน MediaStreamer จะเป็นการใช้งานสิทธิ์ของหนึ่งใน 8 การเชื่อมต่อพร้อมกัน มันจะไม่เข้ารหัสทราฟฟิคของคุณ และก็จะไม่ได้ซ่อนที่อยู่ IP ของคุณ ดังนั้นคุณจะไม่ได้รับการป้องกันในรูปแบบเหมือนกับการที่ใช้แอป VPN อย่างเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุผลนี้เองทำให้เราสังเกตเห็นว่าความเร็วของเราไม่ตกลงไปเลยตอนที่ใช้งาน
เนื่องจากเราอาศัยอยู่ในประเทศไทย เราจึงขอให้เพื่อนร่วมงานของเราที่อังกฤษเป็นผู้ทำการทดสอบ MediaStreamer ในสหราชอาณาจักร เธอใช้เวลาเพียงไม่ถึง 5 นาทีในการตั้งค่า MediaStreamer บนสมาร์ททีวี LG ของเธอ เธอแค่ต้องลงทะเบียนที่อยู่ IP ของเธอ ในบัญชี ExpressVPN ของเธอเท่านั้น เธอได้รับที่อยู่ IP ของ MediaStreamer มา และมันก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีในการกรอกที่อยู่ใหม่เข้าไปในการตั้งค่าเครือข่ายในทีวีของเธอ ระหว่างการทดสอบของเธอ เธอก็สามารถดูเนื้อหาในประเทศอย่าง Channel 4 และ BBC iPlayer ด้วย IP สหราชอาณาจักรของ MediaStreamer ได้
ลงทะเบียนที่อยู่ IP ของคุณ จากนั้นก็คลิก "Configure DNS on this device (กำหนดค่า DNS บนอุปกรณ์นี้)" เพื่อรับ IP MediaStreamer ของคุณ
จากนั้นเราก็ได้ขอให้เพื่อนร่วมงานที่สหรัฐอเมริกาลองทำการสตรีมด้วยที่อยู่ IP MediaStreamer ของสหรัฐอเมริกาดูด้วย พวกเขาพึงพอใจที่สามารถสตรีมดูแพลตฟอร์มที่ปกติไม่ต้องใช้ VPN ก็ดูได้ นี่รวมไปถึง Hulu, Max, Amazon Prime Video และ US Netflix
สำหรับแอปที่มีเนื้อหาแตกต่างกันออกไปในแต่ละประเทศ (เช่น Netflix และ Amazon Prime Video) MediaStreamer จะใช้งานสหรัฐอเมริกาเป็นค่าเริ่มต้น ดังนั้นให้คุณทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ด้วยถ้าคุณอาศัยอยู่ในประเทศอื่น เนื่องจากพวกเราไม่สนับสนุนการละเมิดลิขสิทธิ์ทุกรูปแบบ พวกเราจึงขอแนะนำไม่ให้คุณเข้าถึงเว็บไซต์เหล่านี้ด้วยการใช้ MediaStreamer เว้นแต่ว่าคุณจะอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา
MediaStreamer นั้นเป็นวิธีการเข้าถึงแพลตฟอร์มที่คุณชื่นชอบได้อย่างง่ายดายบนอุปกรณ์ที่ปกติจะไม่รองรับ VPN แต่ถ้าคุณต้องการใช้งานฟังก์ชันและการป้องกันอย่างเต็มรูปแบบของ VPN มันก็จะดีที่สุดถ้าคุณใช้แอปสำหรับเราเตอร์ของ ExpressVPN
การเชื่อมต่อพร้อมกัน: เชื่อมต่อ 8 อุปกรณ์
คุณสามารถใช้ ExpressVPN ได้บน 8 อุปกรณ์ที่แตกต่างกันออกไปในเวลาเดียวกันสำหรับแพลนทั้งหมด เรารู้สึกประทับใจมากที่พวกเขาเพิ่มจำนวนให้ โดยไม่เพิ่มราคา จากที่ก่อนหน้านี้ให้แค่ 5 อุปกรณ์ นี่เป็นจำนวนที่มากกว่าที่ VPN ส่วนใหญ่เปิดให้ใช้งานได้ แต่ก็มีบางรายที่ให้ใช้ได้ไม่จำกัดเลยเช่นกัน (ตัวหลัก ๆ เลยคือ Surfshark, Private Internet Access และ IPVanish)
แต่คุณก็สามารถใช้งานบนอุปกรณ์ไม่จำกัดได้เหมือนกันถ้าคุณติดตั้ง ExpressVPN ไว้บนเราเตอร์ของคุณ มันสามารถติดตั้งใช้งานได้ง่ายกว่า VPN รายอื่น ๆ เพราะว่ามันมีแอปและเฟิร์มแวร์เนทีฟที่รองรับสำหรับเราเตอร์โดยเฉพาะ หลังจากที่ติดตั้งบนเราเตอร์แล้ว คุณก็จะสามารถเชื่อมต่อได้ไม่จำกัดจำนวนอุปกรณ์เช่นกัน
เพื่อเป็นการทดสอบฟีเจอร์นี้ ผู้ทดสอบชาวบริติชของเราได้ตั้งค่า ExpressVPN บนแล็ปท็อป, PC, iPhone, แท็บเล็ต Android ของเธอ และก็ MediaStreamer บนสมาร์ททีวี LG ของเธอ เธอสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่ต่างกันได้ถึง 4 แห่ง ในขณะที่เล่น Doom Eternal ออนไลน์ไปพร้อม ๆ กัน วิดีโอต่างก็ชัดคงที่ตลอด ไม่มีการบัฟเฟอร์เลย และเกมที่เล่นก็ไม่แลคด้วย ดังนั้น คุณไม่ต้องเป็นห่วงเกี่ยวกับเรื่องการเชื่อมต่อพร้อมกันที่จะส่งผลต่อประสิทธิภาพของ ExpressVPN