นี่คือปี 2024 Google รู้อะไรเกี่ยวกับคุณบ้าง
ในช่วงสี่ปีที่ฉันทำงานกับ Google ฉันรู้สึกทึ่งกับข้อมูลของผู้ใช้ที่บริษัทมี
ในการสร้างบทความนี้ฉันได้พูดคุยกับวิศวกร 14 คนที่ทำงานกับ Google เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจสิ่งที่ Google รู้เกี่ยวกับเพศ อายุและที่อยู่อาศัยและที่ทำงานของคุณ – ยังไม่รวมสถานะทางการเงิน สุขภาพของคุณและแนวโน้มทางเพศของคุณ
สิ่งสำคัญที่สุดคือฉันจะแสดงวิธีลบข้อมูลที่ผ่านมาทั้งหมดของคุณจาก Google (และรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่งสามารถเข้าถึงได้) และวิธีซ่อนข้อมูลในอนาคตจาก Google
สารบัญ:
6 สิ่งที่ Google รู้เกี่ยวกับคุณ
Google เก็บข้อมูลอย่างไร
ทำไม Google ถึงต้องการข้อมูลของคุณ
มันส่งผลกระทบต่อคุณอย่างไร
คุณจะปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณอย่างไร
- วิธีดาวน์โหลดสำเนาสำรองข้อมูลของคุณจาก Google
- วิธีล้าง Cookie จาก Google Chrome
- วิธีปิดการใช้งาน Google Analytics
- วิธีการปรับการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวบน Google
- วิธีการลบประวัติการค้นหาข้อมูลบน Google
ข้อสรุป
6 สิ่งที่ Google รู้เกี่ยวกับคุณ
1. คุณคือใคร
นอกจากข้อมูลพื้นฐานที่ Google รู้เกี่ยวกับคุณ (ชื่อ, เพศ, วันเกิด, ภาษา ฯลฯ) พวกเขามีเทคโนโลยีที่ช่วยให้พวกเขามั่นใจว่าพวกเขารู้ทุกอย่างที่ทำให้คุณเป็น...คุณ
พวกเขารู้ว่าคุณมีหน้าตาแบบไหน - ต้องขอขอบคุณเทคโนโลยีการจดจำใบหน้าแลกการแท็กใน Google Photos
พวกเขารู้จักเสียงของคุณ ต้องขอขอบคุณเทคโนโลยีการจดจำเสียงในผลิตภัณฑ์ของพวกเขาหรือบุคคลที่สามที่คุณอนุญาต หากคุณเข้าไปที่ กิจกรรมของฉัน บนเว็บไซต์ของพวกเขา คุณสามารถดูและฟังบันทึกเสียงของคุณได้
พวกเขารู้ว่าคุณนับถือและเชื่อมั่นในสิ่งใด โดยการติดตามการค้นหาของคุณ Google สามารถสร้างโปรไฟล์เกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนา การเมืองและแม้แต่คุณวางแผนที่จะไปอออกเสียงหรือไม่
พวกเขารู้ว่าคุณมีสุขภาพแข็งแรงหรือเปล่า คุณพยายามจะค้นหาอาการต่าง ๆ บน Google หรือเปล่า คุณค้นหาโรงพยาบาล/ร้านขายยาหรือเปล่าหรือพยายามจะรักษาอาการต่าง ๆ ด้วยตัวเองหากคุณคิดว่าคุณกำลังจะป่วย Google ก็คงคิดแบบเดียวกันกับคุณ อย่างไรก็ตามหากคุณใช้ Google Fit งั้น Google ก็คงไม่คิดแล้วล่ะ แต่พวกเขารู้เลยต่างหาก คุณเป็นคนบันทึกมันลงไปเองนินา พวกเขารู้
2. สถานที่ สถานที่ สถานที่
หากคุณเป็นเหมือนฉันคุณก็คงพกโทรศัพท์มือถือไปด้วยกับคุณทุกที่ คุณเชื่อมต่อมันเข้ากับอุปกรณ์อื่น ๆ อย่างน้อยที่สุดมันคงไม่ใช่อุปกรณ์เดียวที่คุณเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต
ปัญหาก็คือเมื่อคุณเชื่อมต่อมันผ่าน wi-fi, GPS หรือเครือข่ายมือถือ Google สามารถติดตามตำแหน่งของคุณได้ - และติดตามว่าคุณเชื่อมต่อมันในแต่ละตำแหน่งนานเท่าไหร่ พวกเขารู้ว่าคุณไปที่ไหนมาบ้างและคุณอยู่ที่นั่นนานเท่าไหร่
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือ Google รู้ถึงการเคลื่อนไหวของคุณ พวกเขาสามารถรู้ได้ว่าคุณอยู่ที่ไหนและทำงานที่ไหน
หากคุณคิดว่าการหลีกเลี่ยงการใช้งาน Google Maps ไปใช้คู่แข่งอย่าง Waze คิดให้ดี ๆ Google ได้ซื้อบริษัท Waze และเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ของทั้งสองบริการ - สองช่องทางที่เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของคุณ
3. เก็บมิตรเอาไว้ใกล้ตัว…
หากคุณคิดว่าคุณกำลังสู้กับเครื่องยนต์อยู่ล่ะก็ คิดใหม่อีกที การสร้างโปรไฟล์เป็นเกมประเภททีม คุณกำลังถูกจับตามองอยู่ เพื่อนของคุณกำลังถูกจับตามองอยู่ เพื่อนของคุณกำลังถูกใช้เพื่อจับตามองคุณอยู่
ถ้าพวกเขารู้ว่าคุณพูดคุยกับใครบ้าง พวกเขารู้ข้อมูลผู้ติดต่อของคุณใน Gmail, Google Hangouts และโทรศัพท์ Android รวมถึงชื่อ อีเมล์และหมายเลขโทรศัพท์ พวกเขารู้แม้กระทั่งว่าคุณคุยกับใครบ่อยที่สุด
หากพวกเขาต้องการดูว่าคุณกำลังจะไปเจอเพื่อนของคุณที่ไหนและเมื่อไหร่ พวกเขาสามารถเข้าไปหาคำตอบได้ที่ Google Calendar หรือหากคุณต้องการทำให้มันง่ายขึ้นสำหรับพวกเขา คุณก็แค่ถ่ายภาพและแท็กคุณและเพื่อนของคุณพร้อมตำแหน่งที่อยู่
พวกเขารู้ว่าคุณพูดอะไร จนถึงปี 2017 Google ได้สแกนอีเมล์ส่วนบุคคลของผู้ใช้เพื่อทำข้อเสนอแนะของเว็บไซต์โดยอัตโนมัติและอนุญาตให้โฆษณากำหนดเป้าหมายไปยังผู้ใช้ และหลังจากนั้นพวกเขาก็ประกาศว่าจะหยุดอ่านอีเมล์ของคุณเพื่อสร้างกลุ่มเป้าหมายสำหรับการโฆษณา
ยังไม่ถึงส่วนที่แย่ที่สุดนะ Google ยังแสกนอีเมล์ของผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกที่ส่งอีเมล์หาผู้ใช้ที่มีบัญชี Gmail คนเหล่านี้ยังไม่ได้มีบัญชี Gmail ยังไม่มีการยืนยันจาก Google ว่าข้อมูลเหล่านี้จะถูกเก็บเอาไว้นานเท่าไหร่หรือใช้กับแอพพลิเคชั่นบุคคลที่สามที่ไม่เกี่ยวกับการโฆษณาอย่างไร
มันไม่ได้จำกัดแค่เพียงอีเมล์ที่เป็นข้อความเท่านั้น พวกเขายังสามารถดูวิดีโอและรูปภาพที่คุณส่งได้อีกด้วย
Google กล่าวว่าพวกเขาไม่ได้ทำเช่นนั้นแล้ว แต่ก็ยังมีข้อยกเว้นเช่น อันตรายที่มาจากแอพพลิเคชั่นของบุคคลที่สามที่คุณอนุญาตให้มันเข้าถึงเข้ามูล
หากนั้นยังไม่แย่มากพอ หากคุณใช้งาน Google Drive Google รู้ทุกอย่างว่าคุณมีข้อมูลประเภทใดบ้างและพวกเขาสามารถเอาเนื้อหาของคุณที่อัพโหลดลงใน Google Drive ออกหากพวกเขาสงสัยว่ามันเป็น "เนื้อหาที่ไม่เหมาะสม"
4. ปุ่ม Like/Dislike ของคุณ
เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณค้นหาเนื้อหาใดก็ตามบน Google Search อัลกอริทึมของมันจะเรียนรู้
เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณดูวิดีโอใดก็ตามบน YouTube อัลกอริทึมของมันจะเรียนรู้
เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณคลิกเพื่อซ่อนโฆษณาใดก็ตามอัลกอริทึมของมันจะเรียนรู้
เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณซื้อผลิตภัณฑ์ใดก็ตามออนไลน์ หากมันเป็นส่วนหนึ่งของ Google อัลกอริทึมของมันจะเรียนรู้
มันจะเรียนรู้จนกว่ามันจะรู้แน่ชัดว่าคุณชอบ/ไม่ชอบอะไร...และมันจะเรียนรู้สิ่งอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้นไปอีก
5. อนาคตของคุณอยู่ในมือของพวกเขา
กำลังวางแผนจะไปปาร์ตี้หรือร้านอาหารอยู่หรือเปล่า กำลังวางแผนจะไปดูหนังหรือคอนเสิร์ตอยู่หรือเปล่า กำลังวางแผนจะไปเที่ยวหรือเยี่ยมชมที่ที่น่าสนใจอยู่หรือเปล่า กำลังวางแผนจะเรียนต่อหรือเรียนด้านภาษาอยู่หรือเปล่า กำลังวางแผนจะย้ายที่อยู่หรือไปเมืองใหม่ ๆ อยู่หรือเปล่า กำลังวางแผนจะซื้อรถหรือบ้านอยู่หรือเปล่า กำลังวางแผนจะทำศัลยกรรมอยู่หรือเปล่า กำลังวางแผนจะมีลูกหรือเปล่า กำลังวางแผนชีวิตอยู่หรือเปล่า
คุณค้นหาสิ่งเหล่านี้บน Google หรือ YouTube หรือเปล่า
หากคุณทำเช่นนั้น Google ก็ร่วมวางแผนไปกับคุณด้วย ขอโฆษณาที่สร้างมาเฉพาะคุณเท่านั้นที่นึง
6. เว็บไซต์ที่ติดหนึบ
หาก Google เป็นแมงมุม Google Chrome ก็คงเป็นไยแมงมุม
Google Chrome บันทึกทุกอย่างที่คุณค้นหาใน Google Search ทุกเว็บไซต์ที่คุณเข้าชมหรือตั้งบุ๊คมาร์คเอาไว้ ทุก ๆ คลิปวิดีโอบน YouTube ที่คุณรับชม ทุก ๆ โฆษณาที่คุณคลิกหรือแม้แต่รหัสผ่านที่คุณตั้งให้บันทึกอัตโนมัติบน Google Chrome
สิ่งที่ Google Chrome บันทึกได้แก่:
- ทุกอย่างที่คุณค้นหาโดยการใช้ Google Search หรือ YouTube
- ประวัติการค้นหาใน YouTube ของคุณ
- การค้นหาบน Google searches ที่คุณทำในเดือนนั้น ๆ
- ทุกเว็บไซต์ที่คุณเคยคลิก
- ทุกเว็บไซต์ที่คุณเคยเข้าถึงโดยแถบที่อยู่เว็บไซต์
- ทุกเว็บไซต์ที่คุณเคยบุ๊คมาร์ก
- ทุกแท็บของ Google Chrome ที่คุณเคยเปิดบนทุกอุปกรณ์
- บทสนทนาผ่านบัญชี Gmail ที่คุณมี
- แอพพลิเคชั่นที่คุณดาวน์โหลดจาก Chrome Web Store และ Google Play store
- ส่วนเสริมของ Chrome ของคุณ
- การตั้งค่าการค้นหาเว็บไซต์ของคุณ
- ทุกที่อยู่อีเมล์ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ที่คุณตั้งค่าให้กรอกโดยอัตโนมัติใน Chrome
- ที่ผู้ใช้งานและรหัสผ่านที่คุณขอให้ Chrome บันทึก
- ทุกเว็บไซต์ที่คุณขอไม่ให้ Chrome บันทึก
Google เก็บข้อมูลอย่างไร
ข้อมูลทุกอย่างที่บันทึกผ่าน Google ทั้งเว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นที่ทำใช้งานอยู่ในทุก ๆ วัน
ทำไม Google ถึงต้องการข้อมูลของคุณ
คำตอบที่ไม่ใช่คำตอบที่แท้จริงของพวกเขาก็คือ ประสบการณ์การใช้งาน Google ที่ "รวดเร็วขึ้น ฉลาดมากขึ้นและเป็นประโยชน์มากขึ้น"
พวกเขาต้องการบันทึกข้อมูลของคุณให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพราะพวกเขาบอกว่า ยิ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับคุณมากเทท่าไหร่ พวกเขาก็สามารถตอบสนองความต้องการของคุณให้ได้มากขึ้นเท่านั้น และทำให้ประสบการณ์การใช้งานอินเทอร์เน็ตของคุณดียิ่งขึ้นและยังเพิ่มประสิทธิภาพความปลอดภัยให้มากขึ้นไปอีก
Google ใช้ข้อมูลของคุณเพื่อ:
- แนะนำวิดีโอ YouTube ให้กับคุณ
- นำเสนอการตอบสนองของ Google Maps ที่ดีกว่าเดิม
- การเข้าถึงเนื้อหาที่รวดเร็วและเหมาะสำหรับคุณที่มากกว่าเมื่อใช้งาน Google Search
- เพิ่มประสิทธิผลเมื่อใช้ Google Assistant
- ใช้ฟีเจอร์การเติมข้อความอัตโนมัติผ่านเครื่องมือค้นหาของพวกเขาเอง
- ให้ Chrome กรอกแบบฟอร์มให้กับคุณโดยอัตโนมัติ
มันส่งผลกระทบต่อคุณอย่างไร
แฮ็ค แฮ็ค แฮ็ค!
หากข้อมูลของคุณที่ Google เก็บเอาไว้ถูกแฮ็ค มันสามารถถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดหรือแย่กว่านั้น
(มีอะไรแย่ไปกว่าการโฆษณาอีกหรอ ฉันรู้)
ในขณะที่บริษัทขนาดใหญ่อย่าง Google และ Facebook นั้นพยายามที่จะก้าวนำเหนืออาชญากรอยู่เสมอ แต่ความปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ตนั้นก็ถูกลดหย่อนความสำคัญลงอยู่เสมอ ลองคิดดูสิว่าถ้าหากข้อมูลทั้งหมดที่ Google เก็บเอาไว้ตกไปอยู่ในมือของอาชญากรคุณนึกไม่ออกเลยว่าผู้คนเหล่านั้นจะใช้งานข้อมูลเหล่านั้นไปในทางที่แย่ขนาดไหน อาชญากรเหล่านั้นอาจใช้ข้อมูลที่พวกเขามีเพื่อทำร้ายคุณก็ได้
บ้านของคุณอยู่บนกลางหน้าจอมือถือ !
Google Street View ใส่รายละเอียดตำแหน่งบ้านของคุณเอาไว้ให้ทุกคนได้เห็น นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องที่พวกเขาละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวของคนอื่นโดยที่พวกเขาเหล่านั้นไม่รู้หรือไม่ได้ให้การอนุญาตใด ๆ พวกเขายังเก็บข้อมูลของคนที่ใช้เครือข่าย WiFi ที่ไม่ได้มีการป้องกัน แต่เมื่อ Google ทราบปัญหานี้พวกเขาก็ได้แก้ไขมันแล้ว
ความน่ากลัวยังคงดำเนินต่อไปด้วย Google Home ผู้จัดการส่วนบุคคล เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยให้ Google รู้ว่าเมื่อไหร่คุณจะเปิด/ปิดไฟในบ้านของคุณ ปรับอุณหภูมิในบ้าน เช็คตารางและรายการช้อปปิ้ง ตั้งค่านาฬิกาปลุก ตรวจสอบตารางงานของคุณ ข้อมูลทุกอย่างเหล่านี้มีการบันทึกเอาไว้พร้อมให้ Google และผู้ลงโฆษณาของพวกเขาใช้
ลบได้แต่มันจะไม่หายไปไหน
ลบ คำกริยา หมายความว่าลบหรือล้างออก
Google เก็บอีเมล์ของคุณไว้เป็นเวลา 60 วัน และอีเมล์บางฉบับอาจยังคงอยู่ในระบบสำรองข้อมูลของพวกเขาหลังจากนั้น
ดูสีมีโฆษณาเต็มไปหมดเลย!
เคยสงสัยไหมว่าทำไมผู้ลงโฆษณาเหล่านั้นถึงจะกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำนัก แน่นอนมันเป็นผลประโยชน์มาจากการสร้างโปรไฟล์ พวกเขารู้ทุกสิ่งมากพอเกี่ยวกับคุณ พวกเขาสามารถสร้างประสบการณ์การใช้งานอินเตอร์เน็ตที่ทำให้คุณรู้สึกเหมือนว่าคุณกำลังเดินอยู่ในร้านขายของที่เต็มไปด้วยชั้นที่เต็มไปด้วยของที่คุณอยากจะซื้อ มันมีประสิทธิภาพอย่างมากต่อเด็กที่ไม่เข้าใจว่าโฆษณาเหล่านั้นเจาะกลุ่มเป้าหมายพวกเขา
นอกจากนี้ยังมี
บุคคลที่ 3
ในขณะที่ Google อาจจะไม่ได้ขายข้อมูลส่วนตัวของคุณให้กับผู้ลงโฆษณา แอพพลิเคชั่นของบุคคลที่สามที่คุณอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลอาจจะเป็นคนขายข้อมูลเหล่านั้นก็ได้
หากแอพพลิเคชั่นนั้นใช้ได้ฟรี โอกาสที่พวกเขาจะขายข้อมูลของคุณให้กับบริษัทโฆษณานั้นก็มากขึ้นตามไปด้วย นอกเหนือจากการซื้อในแอพลิเคชั่น (เช่น "ใช้งานแบบไร้โฆษณา") การสร้างรายได้จากการขายข้อมูลและการโฆษณาในแอพพลิเคชั่นเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำกำไรได้มากที่สุดสำหรับแอพพลิเคชั่นฟรี
ภายใต้ชื่อของอะไร
ผลิตภัณฑ์ของ Google อาจไม่ได้มาพร้อมกับชื่อ Google ทุกตัว คุณอาจจะคิดว่าคุณได้หลีกเลี่ยงการใช้งาน Google ที่ชอบขโมยข้อมูลส่วนตัวของคุณโดยใช้ผลิตภัณฑ์อื่นแต่คุณจะต้องตระหนักถึงการเข้าซื้อบริษัทอื่น ๆ ของ Google มีบริษัท YouTube, Blogger และ Waze และยังมีบริษัทอื่น ๆ อีกมากมาย
ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ บางบริษัทนั้นพยายามปกปิดว่าพวกเขาไม่ได้ถูกติดตามโดย Google ดังนั้นคุณอาจจะลงท้ายด้วยการนำเสนอข้อมูลให้กับ Google มากกว่าที่คุณคิดเสียอีก
คุณจะปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณอย่างไร
ดังนั้นนั่นแหละคือหัวใจหลักคุณอาจจะรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยแต่อย่าเพิ่งตื่นตระหนก ไป มันมีวิธีการปกป้องตัวคุณเองจากซอฟต์แวร์ที่หิวกระหายข้อมูลความเป็นส่วนตัวของคุณ
ก่อนอื่นเลย
หากคุณต้องการรู้ให้แน่ชัดว่าคุณทำอะไรบ้างจากมุมมองของพวกเขา คุณก็แค่ลงชื่อเข้าใช้ใน Google เข้าไปดูที่กิจกรรมของฉันและดูด้วยตาของคุณเอง
เมื่อคุณหายช็อคแล้วก็ทำตามขั้นตอนง่าย ๆ เหล่านี้เพื่อดาวน์โหลสำเนาสำรองของข้อมูลของ มันเป็นของคุณทั้งหมด
วิธีดาวน์โหลดสำเนาสำรองข้อมูลของคุณจาก Google
- เข้าไปที่ Google Takeout
- ตรวจสอบให้มั่นใจว่าคุณเลือก Select All ยกเว้นคุณอยากจะเก็บข้อมูลเฉพาะเอาไว้ หากในกรณีนั้นคุณสามารถเลื่อนไปข้างล่างและเลือกข้อมูลด้วยตัวของคุณเองหลังจากนั้นก็เลื่อนไปที่ด้านล่างสุดและคลิกต่อไป
- เลือกประเภทไฟล์และขนาดคลังเก็บข้อมูลถาวร เราแนะนำให้ใช้รูปแบบ ZIP และไฟล์ขนาดสูงสุด 50GB เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลของคุณสามารถเข้าถึงได้ง่ายและไม่ได้ถูกแยกออกไปเป็นหลาย ๆ ไฟล์
- เลือกวิธีการจัดส่งของคุณ เราเลือกที่จะดาวน์โหลดลิงค์ทางอีเมล์ แต่คุณสามารถเพิ่มลิงค์ไปยัง Google Drive, Dropbox, Microsoft OneDrive หรือ Box ได้
- คลิกสร้างคลังเก็บข้อมูลถาวร
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนของข้อมูลของคุณที่ Google ได้เก็บไว้ มันอาจจะใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงไปจนถึง 2-3 วันในการสร้าง
เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้เพราะมันอาจจะมีเนื้อหาค่อนข้างเยอะให้คุณคัดเลือก
คุกกี้มอนสเตอร์
คุกกี้เป็นชิ้นส่วนของข้อมูลเล็ก ๆ ที่ใช้เพื่อติดตามการเข้าชมและกิจกรรมของคุณบนเว็บไซต์ เราแนะนำให้คุณล้างคุกกี้ในเบราว์เซอร์ของคุณทุก ๆ อาทิตย์เพราะว่าคุกกี้หลายตัวนั้นดูเหมือนจะไม่มีอันตรายอะไรแต่คุกกี้ตัวอื่น ๆ อาจจะประกอบไปด้วยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ
วิธีล้าง Cookie จาก Google Chrome
- คลิกปุ่มที่มีจุดสามจุดที่มุมบนขวาของหน้าต่างเบราเซอร์
- คลิก Settings
- เลื่อนลงไปที่ด้านล่างและคลิกที่ Advanced
- ไปที่ส่วน Privacy and Security จากนั้นเลื่อนไปจนสุดและคลิกที่ล้างข้อมูลการท่องเว็บ ถ้าคุณต้องการล้างคุกกี้ของคุณเพียงอย่างเดียวให้ทำเครื่องหมายที่ช่อง Cookies and other site data ยกเลิกการทำเครื่องหมายในช่องอื่น ๆ หากคุณไม่ต้องการสูญเสียข้อมูลอื่นที่บันทึกไว้
- เลือกช่วงเวลาเพื่อกำหนดระยะเวลาที่คุณต้องการลบคุกกี้
- คลิก Clear Data
หยุดและลบมัน
หากคุณไม่อยากให้ Google ติดตามกิจกรรมส่วนตัวของคุณออนไลน์ ทางที่ดีที่สุดก็คือลงชื่อออกจากบัญชี Google ของคุณและหยุดกิจกรรมใน Google Analytics ปัญหาก็คือไม่เพียงแต่บราวเซอร์หรือเว็บไซต์เท่านั้นที่ติดตามคุณ ปลั๊กอินของเบราว์เซอร์ ส่วนเสริมและส่วนขยายหลาย ๆ อันนั้นติดตามข้อมูลของคุณและพร้อมที่จะเปิดเผยข้อมูลและตำแหน่งของคุณอยู่ตลอดเวลา
Google อนุญาตให้คุณปิด Google Analytics โดยใช้เบราว์เซอร์ส่วนเสริมของพวกเขา
วิธีปิดการใช้งาน Google Analytics
- ค้นหาคำว่า “opt out Google Analytics” และคลิกไปที่ลิงค์แรก
- เลือกภาษาของคุณและคลิกไปที่ปุ่มเพื่อเข้าไปยังบราวเซอร์ส่วนเสริม
- หลังจากที่อ่านเงื่อนไขการใช้งานแล้วให้คลิกไปที่ Accept and Install
เก็บข้อมูลทั้งหมดของคุณให้เป็นส่วนตัว
ในขณะที่มันไม่ได้ปกป้องคุณจากเว็บไซต์อื่น ๆ การใช้ Google Incognito Mode จะช่วยหยุดการติดตามกิจกรรมในการใช้อินเตอร์เน็ตของคุณ
ตัดสินใจว่าคุณยินดีที่จะแบ่งปันข้อมูลส่วนตัวของคุณโดยการปรับการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
ปิดการรายงานตำแหน่งของคุณจากทุกอุปกรณ์เพื่อให้ Google หยุดติดตามว่าคุณอยู่ที่ตำแหน่งไหน ข้อมูลตำแหน่งของคุณอาจจะหลุดออกไปบ้างหากคุณใช้ Google Maps หรือ Waze เพื่อดูเส้นทาง
หลังจากติดตั้งแอพลิเคชั่นและเกมใหม่แล้ว อย่าลืมปฏิเสธสิทธิ์และเข้าถึง เมื่อมันต้องการอ่านไฟล์และข้อมูลบางอย่าง
กังวลเกี่ยวกับอีเมล์ของคุณหรือเปล่า เข้ารหัสอีเมล์ของคุณ โดยใช้เครื่องมือเข้ารหัสอีเมล์ เพื่อให้มีเพียงแค่คุณเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงอีเมล์ของคุณได้ มันเป็นประโยชน์อย่างมากเมื่อคุณต้องการส่งอีเมล์ที่มีข้อมูลที่สำคัญ เช่น รหัสหรือรายละเอียดเกี่ยวกับธนาคาร
ต้องการลบสิ่งล่อใจออกไปไหม ลบโฆษณาที่เจาะกลุ่มเป้าหมายออก โดยการปิดโฆษณาที่เจาะกลุ่มเฉพาะสิ่งที่คุณสนใจ
วิธีการปรับการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวบน Google
- ลงชื่อเข้าใช้ในบัญชี Google และเข้าไปที่ My account
- ก่อนอื่นทำการตรวจสอบ Security Checkup และ Privacy Checkup
เมื่อคลิกไปที่ Security Checkup คุณจะเห็นว่ามันมีปัญหาใด ๆ เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยปัจจุบันของคุณ ในทุกอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อทั้งหมด กิจกรรมการรักษาความปลอดภัยล่าสุด วิธีการยืนยันของคุณและการเข้าถึงของบุคคลที่สาม
การทำ Privacy Checkup คุณสามารถตรวจสอบและปรับการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวได้
คุณจะสามารถจัดการการควบคุมกิจกรรมได้ เช่น Web & App Activity:
ประวัติตำแหน่ง ข้อมูลอุปกรณ์:
เสียงและกิจกรรมเสียง:
การค้นหาบน YouTube และประวัติการดู:
- คลิกถัดไปเพื่อไปยังสิ่งที่คุณแบ่งปันใน YouTube
- คลิกถัดไปเพื่อไปยังจัดการการตั้งค่า Google Photos ของคุณ
- คลิกถัดไปและเลือกข้อมูลโปรไฟล์ Google+ ที่คุณแชร์กับคนอื่น ๆ
- คลิกถัดไปและตรวจสอบการตั้งค่าโฆษณา
ลาก่อน Google
ถ้าคุณรู้สึกว่ามันมากเกินพอสำหรับคุณและคุณรู้สึกเหมือนว่าคู่ชีวิตที่คุณใช้เวลามาด้วยอย่างยาวนานบน Google ได้ทรยศกับคุณบางครั้งมันอาจจะถึงเวลาแล้วที่คุณก้าวออกมา
วิธีการลบประวัติการค้นหาข้อมูลบน Google
- ก่อนอื่นเลย เข้าใช้งานบัญชี Google ของคุณและเลือกลบข้อมูลการค้นหาบน Google Chrome มันเหมือนกับการลบคุกกี้ใน Google Chrome คลิกไปที่ปุ่มจุด 3 จุดที่ด้านบนขวามือในหน้าต่างบราวเซอร์
- คลิก Settings
- เลื่อนลงไปที่ด้านล่างและคลิกที่ Advanced
- จากที่นี่ไปที่ส่วน Privacy and Security แล้วเลื่อนลงไปข้างล่างและคลิกบน Clear browsing data
หากคุณต้องการลบแค่เพียงประวัติการค้นหาให้เลือกกล่อง Browsing history ยกเลิกการทำเครื่องหมายในช่องอื่น ๆ หากคุณไม่ต้องการสูญเสียข้อมูลอื่นที่บันทึกไว้ - เลือกช่วงเวลาเพื่อกำหนดระยะเวลาที่คุณต้องการลบคุกกี้
- คลิก Clear Data
- หากคุณต้องการลบข้อมูลการค้นหาใน Google ให้ไปที่ My Activity
- คลิกเมนูสามจุดและเลือกลบกิจกรรมโดย
- เลือกDelete by dateและเลือกAll time
- เสร็จสิ้นโดยคลิกที่ Delete
- ลบบัญชี Google ทั้งหมดของคุณและหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของ Google รวมถึงแอพพลิเคชั่นที่มีประโยชน์เช่น Gmail, Google Maps, Google ไดรฟ์และอุปกรณ์แอนดรอยด์
....แล้วจะทำยังไงต่อดี
มันฟังดูเหมือนเป็นการร้องขอที่มากไปสักหน่อยที่จะให้คุณหยุดใช้งานผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่มีบทบาทต่อการใช้งานออนไลน์ของคุณอย่างมาก แต่โชคดีที่ยังมีผลิตภัณฑ์ตัวเลือกอื่น ๆ และเครื่องมือค้นหาที่เป็นส่วนตัว
สิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำได้ก็คือ…
ไม่ว่าคุณจะใช้งานผลิตภัณฑ์ของ Google หรือผลิตภัณฑ์ตัวเลือกอื่น ๆ รอยเท้าดิจิตอลของคุณจะถูกตรวจสอบย้อนกลับไปยังที่อยู่ IP ของอุปกรณ์ของคุณได้เสมอ วิธีเดียวที่จะซ่อนตัวตนที่แท้จริงคือการซ่อน IP ของคุณ และวิธีที่ดีที่สุดในการทำเช่นนั้นก็คือใช้ VPN (Virtual private network)
แล้ว VPN ที่ดีที่สุดคืออะไร
ในตอนนี้มีผู้ให้บริการ VPN หนึ่งที่โดดเด่นเหนือผู้ให้บริการรายอื่น ๆ นั่นก็คือ ExpressVPN – แต่อย่าเพิ่งเชื่อคำของเรา อ่านรีวิวจากผู้ใช้จริงว่าพวกเขาคิดเห็นอย่างไร พวกเขามีมาตรฐานทุกอย่างที่ผู้ให้บริการ VPN ที่ดีควรมี รวดเร็ว ความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือ ราคาไม่แพง พวกเขามีทุกอย่างที่คุณต้องการ
ไม่เพียงแต่ ExpressVPN สามารถหลีกเลี่ยงการปิดกั้นข้อมูลทางภูมิศาสตร์ได้ แต่มันยังให้คุณสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกบล็อกและสตรีเนื้อหาจากทั่วโลก (รวมถึง Netflix, BBC iPlayer, Huluและอื่น ๆ อีกมากมาย) ช่วยให้การเชื่อมต่อของคุณนั้นเป็นส่วนตัวและปลอดภัยจากแฮกเกอร์ ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตของคุณและพี่ใหญ่ที่จับตามองเราอยู่ตลอดเวลา… Google
ขณะนี้บริษัทนำเสนอบริการการทดลองใช้งานฟรีเป็นเวลา 7 วันและการการันตีการคืนเงินภายใน 30 วัน ดังนั้นคุณสามารถทดลองใช้ได้ฟรีโดยไม่มีความเสี่ยงใด ๆ
ข้อสรุป
มันไม่มีทางปฏิเสธได้เลยว่า Google นั้นทำให้ชีวิตของพวกเรานั้นสะดวกมากขึ้นขนาดไหน
แต่การที่มันจะทำให้เราสะดวกขึ้นได้นั้น พวกเขาต้องการข้อมูลของเรามากขึ้นเรื่อย ๆ
ดูเหมือนว่าความเป็นส่วนตัวนั้นจะเป็นราคาของความสะดวกสบาย
และ Google ก็ไม่ได้เป็นแค่บริษัทเดียวที่ทำอย่างนี้ บริษัทด้านไอทีขนาดใหญ่อย่างเช่น Apple, Amazon และ Microsoft ก็ทำเช่นเดียวกัน
ความสมดุลระหว่างการติดตามกิจกรรมของลูกค้าและการเคารพในความต้องการความเป็นส่วนตัวของคุณจะต้องเป็นความสำคัญอันดับหนึ่งของธุรกิจที่การวิเคราะห์เป็นอย่างมาก
ปัญหาก็คือกำไรที่ขับเคลื่อนตลาดและตราบใดที่มันยังมีปัญหาด้านความเป็นส่วนตัวที่คุณยังมองไม่เห็นหรือคุณไม่ได้ใส่ใจที่จะอ่านเงื่อนไขการใช้บริการ คุณจะลงชื่อเข้าใช้กับอะไรสักอย่างโดยที่ไม่เข้าใจผลที่ตามมาเมื่อคุณคลิกคำว่า “ยอมรับ”
สิทธิ์ในการควบคุมความต้องการความเป็นส่วนตัวของคุณจะต้องอยู่ในมือของคุณและการป้องกันสุดพิเศษนี้รวมเข้ากับ VPN ของคุณและเบราว์เซอร์แบบไม่ระบุตัวตน เช่น Tor ซึ่งเป็นระบบทั้งหมดที่ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อปกปิดตัวตนของคุณ
การค้นหา VPN ที่เหมาะสำหรับความต้องการของคุณอาจเป็นเรื่องยากสักหน่อย แต่เราได้ทำการค้นหาให้กับคุณแล้วและตีกรอบฉันต้องการลงเหลือ VPN 5 อันดับที่เราเลือกแนะนำให้กับคุณ หากคุณต้องการ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับราคาที่ดีที่สุด เข้าไปดูหน้าข้อเสนอและคูปอง.
บทความอื่น ๆ ที่คุณอาจชอบ:
ทางเลือกอื่นที่ดีที่สุดแทน Google
กรุณาแสดงความคิดเห็นว่าพวกเราสามารถพัฒนาบทความนี้ได้อย่างไร ความคิดเห็นของคุณมีค่าสำหรับเรา!