วิธีปลดบล็อกและดู Disney Plus จากในปี 2024
Disney+ มีรายการที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ถึงแม้ว่าบริการจะได้รับความนิยมมากขนานไหน แต่บริการก็ยังนำเสนอรายการที่แตกต่างกันในทุกที่อยู่ดี ยกตัวอย่างเช่น เราไม่สามารถดู Disney+ จากในประเทศไทยได้ แถมบริการสตรีมมิ่งอย่าง Disney+ Hotstar ก็ไม่ได้มีบริการในทุกที่อีกด้วย
อย่างไรก็ตามคุณสามารถแก้ปัญหานี้ได้ด้วยการใช้ VPNบริการนี้จะช่วยซ่อนตำแหน่งที่แท้จริงของคุณและทำให้ดูเหมือนว่าคุณเข้าใช้งานจากตำแหน่งอื่น ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงบริการของ Disney+ ได้จากทุกที่ รวมถึงจากประเทศไทยด้วย
จากกว่า 50 บริการ VPN ที่ฉันและทีมได้ทดสอบ ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับรับชม Disney+ คือ ExpressVPN เนื่องจากบริการสามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์หลากหลาย ช่วยให้คุณสามารถรับชมรายการของ Disney Plus ได้ในทุกอุปกรณ์ที่คุณต้องการ นอกจากนี้ยังมีความเร็วสูงเหมาะสำหรับสตรีมในความคมชัดแบบ 4K บริการมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงิน 30 วัน ดังนั้นคุณสามารถทดลองใช้งานได้ ExpressVPN ได้ไม่มีความเสี่ยง หมายเหตุจากบรรณาธิการ: เนื่องจากความโปร่งใสนั้นเป็นหนึ่งในค่านิยมของ vpnMentor ดังนั้นเราต้องการแจ้งให้คุณทราบว่า เว็บของเราอยู่ในกลุ่มเจ้าของเดียวกันกับ ExpressVPN อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการตรวจสอบของเรา
คำแนะนำฉบับย่อ: วิธีการรับชม Disney+ ได้จากทุกที่ใน 3 ขั้นตอนง่าย ๆ
- ดาวน์โหลด VPN ฉันแนะนำให้เลือก ExpressVPN เพราะบริการมีเซิร์ฟเวอร์ความเร็วสูงสำหรับการสตรีม Disney+ ในความคมชัดแบบ UHD โดบไม่มีสะดุด นอกจากนี้ยังใช้งานกับทุกอุปกรณ์อีกด้วย
- เชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ในประเทศที่ต้องการ ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการรับชม Disney+ ในอเมริกา ก็ให้เชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ในอเมริกา
- เริ่มรับชม Disney+ได้เลยเพลิดเพลินกับการสตรีมมิ่ง Disney+ ในประเทศไทย หรือจากที่ไหนก็ได้ที่มันถูกบล็อก
ทำไมคุณถึงต้องใช้ VPN เพื่อรับชม Disney+
เนื่องจากข้อตกลงในการนำเสนอทำให้ Disney Plus ใช้การปิดกั้นการเข้าถึงตามภูมิศาสตร์ สิ่งนี้จะระบุตำแหน่งของคุณตามหมายเลข IP ที่คุณใช้และแสดงเนื้อหาที่ได้รับอนุญาตในตำแหน่งนั้น นี่คือเหตุว่าทำไมบริการอย่าง Hotstar และ Star ถึงไม่สามารถเข้าถึงได้ในหลายตำแหน่ง
ถ้าคุณพยายามเข้าดู Disney+ จากที่ ๆ มันไม่เปิดให้บริการ คุณก็จะถูกบล็อกและจะเจอกับข้อความ "Sorry, Disney+ is not available in your region (ขออภัยแต่ Disney+ ยังไม่ได้เปิดให้บริการในพื้นที่ของคุณ"
VPN สามารถหลีกเลี่ยงข้อจำกัดเหล่านี้ได้โดยการซ่อนหมายเลข IP เดิมและแสดงหมายเลขใหม่แทน เพียงเลือกตำแหน่งที่ต้องการในแอป VPN เท่านี้ก็จะดูเหมือนคุณเชื่อมต่อจากประเทศนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น คุณสามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN ในอเมริกาจากบัลเกเรียหรือเวียดนาม เพื่อให้สามารถเข้าถึงเนื้อหา Disney+ ในอเมริกาได้
VPN ที่ดีที่สุดสำหรับรับชม Disney+ จากทุกที่ในปี 2024
1. ExpressVPN — ความเร็วดี ดู Disney+ ได้ไม่มีแลค
ทดสอบใน ธันวาคม 2024 ทดลองใช้งานได้อย่างปลอดภัย 30 วัน
- ไม่มี VPN ไหนมีความเร็วเท่ากับ ExpressVPN อีกแล้ว บริการนี้เหมาะสำหรับใช้สตรีมความคมชัดแบบ 4K
- บริการนำเสนอมากกว่า 3,000 เซิร์ฟเวอร์ใน 105 ประเทศเพื่อให้คุณสามารถเข้าถึง Disney+ ได้ในหลายประเทศ
- เชื่อมต่อพร้อมกัน 8 อุปกรณ์
- สามารถใช้งานได้กับ: Windows, Mac, iOS, Android, Linux, เราเตอร์, Apple TV, FireStick, Fire TV, Android TV, Kodi และอื่น ๆ อีกมากมาย
นอกจาก ExpressVPN จะสามารถเข้าถึงเนื้อหาของ Disney+ ในหลายประเทศได้อย่างน่าเชื่อถือ แถมความเร็วของบริการนี้ยังเร็วที่สุดที่ฉันเคยทดสอบมาอีกด้วย VPN อาจทำให้ความเร็วอินเตอร์เน็ตของคุณลดลง 10-20% แต่กับบริการนี้ ความเร็วของฉันลดลงเพียง 4% ซึ่งแทบไม่เห็นความแตกต่างใด ๆ ในขณะสตรีม ในขณะที่ฉันทดสอบ ExpressVPN ฉันสามารถรับชมภาพยนต์ของ Disney ในความคมชัด 4K ได้โดยไม่มีสะดุดบนทั้งแล็ปท็อป Windows และ Mac
นอกจาก Windows และ macOS แล้ว บริการยังมีแอปสำหรับอุปกรณ์ยอดนิยมอย่าง FireStick, iPhone และ Android อีกด้วย แอปใช้งานเหมือนกันในทุกแพลตฟอร์มและยังใช้งานได้ในภาษาไทยอีกด้วย นอกจากนี้คุณยังสามารถเพิ่มทางลัดแอป ExpressVPN ไปยังหน้าหลักได้อีกด้วย ฉันคลิกแค่สองครั้งเพื่อเชื่อมต่อและเข้าถึงเนื้อหา Disney+ ที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย
คุณสามารถตั้งค่า ExpressVPN บนอุปกรณ์ที่ไม่รองรับ VPN ได้อย่างง่ายดาย อย่างเช่น สมาร์ททีวีและคอนโซลเกม ฟีเจอร์ MediaStreamer จะให้รหัสสั้น ๆ เพื่อตั้งค่าเครือข่ายของอุปกรณ์สตรีมมิ่งและทำการเปลี่ยนตำแหน่งของคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าถึง Disney+ ในอเมริกาได้ ฉันตั้งค่าบริการบน PS5 และใช้เวลาเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น ฉันสามารถเข้าถึงรายการที่ไม่สามารถรับชมในเวลาปกติได้
นี่ยังเป็น VPN ที่ตั้งค่าและใช้งานได้ง่ายที่สุดบนเราเตอร์ การตั้งค่าบนเราเตอร์หมายความว่า ทุกอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อผ่านเราเตอร์นั้นจะเชื่อมต่อผ่าน VPN โดยอัตโนมัติ นี่เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมหากคุณรับชม Disney+ บน Chromecast บริการ VPN ส่วนใหญ่ให้ต้องการคุณเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ด้วยตัวเองบนเราเตอร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยุ่งยากอย่างมาก แต่ ExpressVPN มีแอปสำหรับเราเตอร์ที่ใช้งานได้ง่ายมากเหมือนกับการใช้งานบนแล็ปท็อป
ข้อเสียอย่างเดียวของ ExpressVPN ก็คือ ราคาค่าบริการที่แพงกว่าบริการอื่น ๆ เล็กน้อย แผนบริการที่ถูกที่สุดมีราคา $4.99/เดือน ถึงแม้ราคาปกติจะแพงกว่า คุณก็สามารถประหยัดเงินได้เนื่องจากบริการนำเสนอส่วนลดอยู่เป็นประจำ ฉันยังได้รับบริการฟรีเพิ่มอีก 3 เดือนเมื่อสมัครใช้แผนรายปี
นอกจากนี้บริการยังมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงิน 30 วันซึ่งช่วยให้คุณสามารถทดลองใช้งาน ExpressVPN เพื่อเข้าถึง Disney+ ได้อย่างปลอดภัย. เพื่อทดสอบกระบวนคืนเงิน ฉันได้ติดต่อกับทีมช่วยเหลือลูกค้าผ่านไลฟ์แชท 24 ชั่วโมงและขอยกเลิกบริการหลังจากใช้ไปแล้ว 28 วัน หลังจากตอบคำตอบเกี่ยวกับประสบการณ์ใช้งานแล้ว (เราพูดคุยโต้ตอบกันเป็นภาษาไทยเพราะแชทมีเครื่องมือแปลภาษาในตัว) ตัวแทนก็อนุมัติคำขอของฉันในทันที ฉันได้รับเงินคืนภายใน 3 วัน หมายเหตุจากบรรณาธิการ: เนื่องจากความโปร่งใสนั้นเป็นหนึ่งในค่านิยมของ vpnMentor ดังนั้นเราต้องการแจ้งให้คุณทราบว่า เว็บของเราอยู่ในกลุ่มเจ้าของเดียวกันกับ ExpressVPN อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการตรวจสอบของเรา
2. CyberGhost — เซิร์ฟเวอร์สำหรับสตรีมมิ่งทำให้คุณสามารถเข้าถึง Disney+ ได้อย่างมีความเสถียร
- เซิร์ฟเวอร์สำหรับการสตรีมจะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึง Disney+ ในอเมริกา อิตาลีและบริการ Hotstar (อินเดีย) ได้สม่ำเสมอ
- มีความเร็วที่ดีสำหรับสตรีมความคมชัด 4K ได้โดยไม่มีสะดุด
- เชื่อมต่อพร้อมกัน 7 อุปกรณ์
- สามารถใช้งานได้กับ: Windows, Mac, iOS, Android, Linux, เราเตอร์, Apple TV, FireStick, Fire TV, Android TV, Kodi และอื่น ๆ อีกมากมาย
เซิร์ฟเวอร์สำหรับสตรีมของ CyberGhost ช่วยให้เข้าถึง Disney+ ได้อย่างง่ายดาย ทั้ง 3 เซิร์ฟเวอร์ (อเมริกา อิตาลีและอินเดีย) สามารถเข้าถึง Disney+ ได้ในทันที แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีเซิร์ฟเวอร์ปกติอีกกว่า 100 เซิร์ฟเวอร์ แต่ตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้อาจเข้าถึง Disney+ ได้ไม่สม่ำเสมอเท่ากับเซิร์ฟเวอร์สำหรับสตรีมโดยเฉพาะ แต่ฉันก็สามารถเข้าถึงเนื้อหาในแคนาดาและเยอรมนีด้วยเซิร์ฟเวอร์ทั่วไปได้
CyberGhost สามารถตั้งค่าบนสมาร์ททีวีและคอนโซลได้อย่างง่ายดาย คล้ายกันบนฟีเจอร์ MediaStreamer ของ ExpressVPN แต่มันต่างกับ ExpressVPN ตรงที่ ฟีเจอร์นำเสนอรหัสสำหรับ 5 ตำแหน่ง รวมถึง อเมริกา ญี่ปุ่นและอังกฤษ ดังนั้นคุณสามารถเข้าถึงเนื้อหาของ Disney+ ในหลายตำแหน่งได้ คุณสามารถตั้งค่าแอปบนเราเตอร์ได้เช่นกัน แต่คุณจะต้องตั้งค่าด้วยตัวเอง
นอกจากนี้ยังมีความเร็วมากพอสำหรับสตรีมในความคมชัด 4K อีกด้วย ความเร็วของฉันลดลงเพียง 11% เมื่อเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ Disney+ ในอเมริกาของ CyberGhost และฉันสามารถรับชม WandaVision ในความคมชัดแบบ Ultra HD ได้ ฉันไม่พบภาพคุณภาพต่ำหรือการสะดุดเลยแม้แต่ครั้งเดียว แม้ว่าฉันจะเชื่อมต่อ VPN เพื่อรับชม Disney+ บน 3 อุปกรณ์พร้อมกันก็ตาม
แต่น่าเสียดายที่แผนบริการระยะสั้นของ CyberGhost นั้นมีราคาค่อนข้างแพงและมีระยะการรับประกันคืนเงินที่ค่อนข้างสั้น (14 วัน) อย่างไรก็ตามแผนบริการระยะยาวนั้นมีราคาไม่แพง และมีราคาเริ่มต้นที่ $2.19/เดือน และมาพร้อมกับระยะการรับประกันคืนเงินที่ยาวนานกว่า
การรับประกันคืนเงินช่วยให้คุณสามารถทดลองใช้งาน CyberGhost ได้อย่างปลอดภัยเป็นเวลา 45 วัน หากคุณไม่พอใจกับบริการ คุณสามารถขอรับเงินคืนได้ในระยะเวลานี้ เพื่อตรวจสอบว่าบริการสามารถเชื่อถือได้จริง ฉันยกเลิกบริการผ่านไลฟ์แชท 24 ชั่วโมง ตัวแทนอนุมัติคำขอหลังจากถามคำถามเกี่ยวกับประสบการณ์ใช้งาน และฉันได้รับเงินคืนหลังจากนั้น 3 วัน หมายเหตุจากบรรณาธิการ: เนื่องจากความโปร่งใสนั้นเป็นหนึ่งในค่านิยมของ vpnMentor ดังนั้นเราต้องการแจ้งให้คุณทราบว่า เว็บของเราอยู่ในกลุ่มเจ้าของเดียวกันกับ CyberGhost VPN อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการตรวจสอบของเรา
3. Private Internet Access — เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่สำหรับปลดบล็อก Disney+ ได้อย่างง่ายดาย
- บริการมีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 29,650 เซิร์ฟเวอร์ใน 91 ประเทศเพื่อให้คุณสามารถเข้าถึงเนื้อหา Disney+ มากมายได้อย่างง่ายดาย
- เซิร์ฟเวอร์สำหรับสตรีมใน 8 ตำแหน่ง
- เชื่อมต่อพร้อมกัน ไม่จำกัด อุปกรณ์
- สามารถใช้งานได้กับ: Windows, Mac, iOS, Android, Linux, เราเตอร์, Apple TV, FireStick, Fire TV, Android TV, Kodi และอื่น ๆ อีกมากมาย
ด้วยกว่า 29,650 เซิร์ฟเวอร์ Private Internet Access นำเสนอตัวเลือกมากมายเพื่อการเชื่อมต่อที่ดีที่สุดกับ Disney+ หากคุณพบปัญหากับเซิร์ฟเวอร์ใด คุณก็สามารถเปลี่ยนไปใช้เซิร์ฟเวอร์อื่น ๆ แทนได้ และหากคุณไม่อยากเสียเวลาหาเซิร์ฟเวอร์ใหม่ คุณก็สามารถใช้เซิร์ฟเวอร์สำหรับสตรีมทั้ง 8 เซิร์ฟเวอร์ได้เลย
ฉันทดลองใช้งานเซิร์ฟเวอร์สตรีมมิ่งของ PIA ในอเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่นและอิตาลี และพบกว่าเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดสามารถเข้าถึง Disney+ ได้อย่างง่ายดาย แต่น่าเสียดายที่บริการไม่มีเซิร์ฟเวอร์สำหรับสตรีมในอินเดียสำหรับบริการ Hotstar แต่ฉันก็สามารถเข้าถึงบริการในอินเดียด้วยเซิร์ฟเวอร์ธรรมดาได้
ปัญหาเดียวที่ฉันมีกับ PIA ก็คือแอปนั้นใช้งานได้ค่อนข้างยาก เพราะมันมีตัวเลือกในการปรับแต่งที่เยอะมาก แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องปรับการตั้งค่าใด ๆ เพราะบริการสามารถเข้าถึง Disney+ ได้ด้วยการตั้งค่าเริ่มต้นอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามหากคุณมีประสบการณ์ใช้งาน VPN มาก่อน คุณก็สามารถปรับแต่งบริการตามความต้องการของคุณได้เลย แถมยังทำได้ง่ายเพราะบริการมีอินเตอร์เฟสในภาษาไทยอีกด้วย
บริการนำเสนอทั้งแผนระยะสั้นและระยะยาวเพื่อให้เหมาะแก่ความต้องการของทุกคน แผนทั้งหมดมีฟีเจอร์เหมือนกันทุกอย่าง แต่แผนบริการรายปีนั้นมีราคาถูกกว่ามาก คุณสามารถรับบริการของ PIA ได้ในราคา $2.19/เดือน นี่เป็นแผนบริการที่ถูกที่สุด
นอกจากนี้คุณยังสามารถ ทดลองใช้บริการของ PIA ได้อย่างปลอดภัย โดยใช้การรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน ฉันทดสอบความน่าเชื่อถือของบริการโดยติดต่อตัวแทนผ่านไลฟ์แชท 24 ชั่วโมงเพื่อขอยกเลิกบริการ ตัวแทนอนุมัติคำขอของฉันหลังจากถามคำถามเกี่ยวประสบการณ์ในการใช้งาน และฉันก็ได้เงินคืนภายใน 4 วัน หมายเหตุจากบรรณาธิการ: เนื่องจากความโปร่งใสนั้นเป็นหนึ่งในค่านิยมของ vpnMentor ดังนั้นเราต้องการแจ้งให้คุณทราบว่า เว็บของเราอยู่ในกลุ่มเจ้าของเดียวกันกับ Private Internet Access อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการตรวจสอบของเรา
4. NordVPN — แอปเป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน ทำให้คุณสามารถสตรีมมิ่ง Disney+ ได้อย่างไม่ยุ่งยาก
- บริการนำเสนอมากกว่า 6,800 เซิร์ฟเวอร์ใน 113 ประเทศเพื่อช่วยให้คุณสามารถเข้าถึง Disney+ ได้จากทุกที่
- มีความเร็วที่ดีสำหรับสตรีม Disney+ ได้โดยไม่สะดุด
- เชื่อมต่อพร้อมกัน 10 อุปกรณ์
- สามารถใช้งานได้กับ: Windows, Mac, iOS, Android, Linux, เราเตอร์, Apple TV, FireStick, Fire TV, Android TV, Kodi และอื่น ๆ อีกมากมาย
NordVPN มีแอปพลิเคชั่นสำหรับอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการยอดนิยมทั้งหมด สิ่งที่ฉันชอบมากที่สุดก็คือ แอปพลิเคชั่นนั้นมีหน้าตาและฟีเจอร์เหมือนกันเกือบทุกอย่างในทุกแพลตฟอร์ม ช่วยให้การรับชม Disney+ นั้นทำได้ง่ายในทุกอุปกรณ์ คุณไม่ต้องเรียนการใช้งาน NordVPN ในทุกครั้งที่ติดตั้งบนอุปกรณ์ใหม่
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ smart DNS ให้คุณสามารถสตรีมบนสมาร์ทีวีหรือคอนโซลเพื่อให้สตรีม Disney+ บนอุปกรณ์เหล่านั้นได้อย่างง่ายดายอีกด้วย แต่ตอนนี้บริการไม่มีแอปพลิเคชั่นสำหรับเราเตอร์ การตั้งค่าเครือข่ายของคุณอาจยุ่งยากนิดหน่อย
บริการไม่มีเซิร์ฟเวอร์สำหรับการสตรีมโดยเฉพาะเหมือนกับ CyberGhost หรือ PIA แต่เซิร์ฟเวอร์ปกติของ NordVPN ก็สามารถเข้าถึง Disney+ ได้ในหลายตำแหน่ง ไม่ต้องกังวลว่าคุณจะต้องเปลี่ยนไปมาหลายเซิร์ฟเวอร์เพื่อการเข้าถึงที่ต่อเนื่อง เซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดของบริการได้รับการบำรุงดูแลอย่างดีด้วยฟีเจอร์ SmartPlay บริการมีมากกว่า 6,800 เซิร์ฟเวอร์ใน 113 ประเทศ ดังนั้นคุณมีตัวเลือกมากมายเพื่อการเข้าถึงที่สม่ำเสมอ
แผนบริการของ NordVPN จะแยกเป็นแผน Standard, Plus และ Complete อย่างไรก็ตามแผน Standard นั้นมีฟีเจอร์ทั้งหมดที่คุณต้องการเพื่อเข้าถึง Disney+ ได้จากทุกที่แล้วและยังเป็นแผนบริการที่ถูกที่สุดอีกด้วย
แผนบริการทั้งหมดมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินดังนั้นหากคุณทดลองใช้แล้วไม่พึงพอใจกับบริการ คุณก็สามารถขอรับเงินคืนเต็มจำนวนได้ภายในระยะเวลา 30 วัน
5. Surfshark — ใช้งานได้ไม่จำกัดอุปกรณ์เพื่อรองรับครอบครัวที่ชื่นชอบ Disney กันทั้งบ้าน
- ไม่จำกัด เชื่อมต่อพร้อมกันได้ทุกอุปกรณ์
- บริการนำเสนอมากกว่า 3,200 เซิร์ฟเวอร์ใน100 ประเทศ เพื่อให้คุณเข้าถึง Disney+ ได้สม่ำเสมอ
- ความเร็วสูงสำหรับการรับชมรายการ Disney ได้โดยไม่มีสะดุด
- สามารถใช้งานได้กับ: Windows, Mac, iOS, Android, Linux, เราเตอร์, Apple TV, FireStick, Fire TV, Android TV, Kodi และอื่น ๆ อีกมากมาย
Surfshark เป็นหนึ่งใน VPN ที่มีราคาถูกที่สุดในรายการนี้และบริการยังให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้ไม่จำกัดจำนวนอีกด้วย VPN ส่วนใหญ่จำกัดการเชื่อมต่อแค่ 5-10 อุปกรณ์เท่านั้น หากคุณมีครอบครัวขนาดใหญ่ ทุกคนในครอบครัวสามารถใช้ Surfshark เพื่อเข้าถึง Disney+ ได้ (ด้วยแพลตฟอร์มที่ต้องการ) ในทุกอุปกรณ์โดยไม่มีข้อจำกัดใด ๆ
เซิร์ฟเวอร์มีความเร็วสูงและฉันยังไม่เจอเจอปัญหาการโหลดเมื่อรับชม Disney+ ด้วย Surfshark เลย บริการนี้คล้ายกับ NordVPN ตรงที่ไม่ได้นำเสนอเซิร์ฟเวอร์สำหรับการสตรีมโดยเฉพาะ แต่เมื่อฉันทดสอบ 6 เซิร์ฟเวอร์เพื่อเข้าถึง Disney+ ในอังกฤษ อเมริกา ญี่ปุ่นและเยอรมนี ฉันก็สามารถเข้าถึงได้โดยไม่มีปัญหาใด ๆ
แต่ปัญหาของ Surfshark ก็คือบาางครั้งการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์นั้นใช้เวลานานพอสมควรเมื่อเทียบกับ ExpressVPN (ซึ่งไม่เคยใช้เวลานานเกิน 1 วินาที) การรอ 30 วินาทีอาจเป็นเรื่องที่น่ารำคาญของใครหลายคนเลย
บริการมีแผนบริการรายเดือนและรายปี แต่ตัวเลือกรายปีนั้นมีความคุ้มค่ามากกว่า ซึ่งเป็นเรื่องปกติของบริการ VPN บริการระยะยาวนั้นมีราคาเพียง $1.99/เดือน บริการของ Surfshark ถือว่ามีความคุ้มค่ามากเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับสิ่งที่บริการนำเสนอ
วิธีการรับชม Disney+ บนทุกอุปกรณ์ด้วย VPN
ที่ด้านล่างคือคำแนะนำอย่างละเอียดในการติดตั้งแอปพลิเคชั่น VPN บนทุกอุปกรณ์เพื่อให้คุณสามารถสตรีม Disney+ ได้ สำหรับอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่นั้นไม่มีอะไรยุ่งยากอยู่แล้ว แค่ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปบนอุปกรณ์ที่เลือก แต่สำหรับอุปกรณ์ที่ไม่รองรับ VPN อย่างสมาร์ททีวี, Chromecast, Roku หรือ Apple TV คุณจะต้องใช้ฟีเจอร์ Smart DNS แบ่งปันการเชื่อมต่อ VPN ผ่านคอมพิวเตอร์หรือติดตั้ง VPN บนเราเตอร์แทน
สำหรับคำแนะนำในด้านล่าง ฉันใช้ ExpressVPN เป็นตัวอย่าง เพราะนี่คือ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับการรับชม Disney+ ที่ฉันได้ทดสอบ ไม่เพียงแต่สตรีมในความคมชัดสูงสุดได้โดยไม่มีสะดุด แต่ยังสามารถใช้งานได้กับอุปกณ์และระบบปฏิบัติการที่หลากหลายอีกด้วย คุณสามารถติดตั้งบริการได้กับทุกอุปกรณ์
Windows และ Mac
VPN เกือบทุกบริการนำเสนอแอปสำหรับ Windows และ Mac จึงทำให้การติดตั้งทำได้มากง่าย กระบวนการทั้งหมดเป็นแบบอัตโนมัติ ช่วยให้คุณสามารถรับชม Disney+ ได้ในไม่กี่นาที
- ดาวน์โหลด VPN สมัครบริการ VPN และดาวน์โหลดตัวติดตั้งสำหรับ Windows หรือ Mac โดยปกติแล้วในเว็บไซต์บริการ VPN มักจะมีตัวเลือกดาวน์โหลดให้เลือก
- ติดตั้งแอปพลิเคชั่น เปิดไฟล์ที่ดาวน์โหลดและคลิก "ตกลง" เมื่อมีป๊อปอัพขออนุญาตทำการเปลี่ยนแปลงบนอุปกรณ์ของคุณ (อนุญาตให้ VPN ติดตั้งบนอุปกรณ์) จากนั้นเครื่องมือติดตั้ง VPN จะเริ่มทำงาน ให้คุณทำตามขั้นตอนเพื่อทำการติดตั้งให้แล้วเสร็จ
- ลงชื่อเข้าใช้และติดตั้งแอปพลิเคชั่น เปิดแอปและคลิกไปที่ "ลงชื่อเข้าใช้" ถ้าคุณยังไม่มีบัญชีผู้ใช้ คุณก็สามารถสมัครในแอปหรือที่เว็บไซต์โดยตรงได้ จากนั้นแอปพลิเคชั่นจะเริ่มทำการติดตั้ง ขึ้นอยู่กับ VPN ที่คุณเลือกใช้ บริการอาจจะขออนุญาตในการเริ่มติดตั้ง, ตั้งค่าความต้องการ, ตั้งค่าข้อมูลที่ต้องการแบ่งปันและอื่น ๆ บริการอาจขอรหัสเพื่อเริ่มต้นติดตั้งหรือให้คุณใช้ลิงค์เพื่อเริ่มต้นติดตั้งแทน โดยปกติลิงค์นี้จะอยู่ในบัญชี VPN ของคุณหรือถูกส่งมาให้ในอีเมล์
- เลือกเซิร์ฟเวอร์และเชื่อมต่อ คุณจะต้องเลือกเซิร์ฟเวอร์ในตำแหน่งที่ต้องการเข้าถึง Disney+ (หรือตำแหน่งของบริการสำหรับภูมิภาคอย่าง Hotstar)
แอปพลิเคชั่น VPN ส่วนใหญ่นั้นสามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย ยกตัวอย่าง ExpressVPN ฉันให้บริการเลือกตำแหน่งโดยอัตโนมัติ จากนั้นก็เลือกอเมริกาในรายการเซิร์ฟเวอร์และเลือกตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ในอเมริกา จากนั้นก็คลิกไปที่ไอคอนปิด/เปิดเพื่อเชื่อมต่อ - เริ่มสตรีม Disney+ ได้เลย หลังจากเชื่อมต่อแล้วคุณจะสามารถเข้าถึงบัญชี Disney+ ของคุณได้จากทุกที่ เข้าไปที่เว็บไซต์ของ Disney+ และลงชื่อเข้าใช้เพื่อเข้าถึงเนื้อหา
รับชม Disney+ บน Android, iOS หรือ Amazon Fire Stick ด้วย VPN
การตั้งค่า VPN บนมือถือ Android และ iOS นั้นทำได้ง่ายมากเช่นเดียวกับ Windows และ Mac บริการ VPN ที่ดีนั้นจะมีแอปสำหรับอุปกรณ์เพื่อช่วยให้การตั้งค่าและใช้งานนั้นทำได้ง่าย บริการอย่าง ExpressVPN ก็มีแอปสำหรับ Amazon Fire Sticks ที่มีขั้นตอนการตั้งค่าดังนี้
- ติดตั้ง VPN ดาวน์โหลด VPN ที่คุณเลือกลงในอุปกรณ์ของคุณ แอปสำหรับ Android จะอยู่ใน Google Play Store และแอปของ iOS จะอยู่ใน Apple App Store และแอปสำหรับ Amazon Fire Stick จะอยู่ใน the Amazon Appstore
- สมัครบริการ หลังจากติดตั้งแล้ว ให้เปิดแอปและลงชื่อเข้าใช้ บริการอาจขอให้คุณเปิดใช้บริการผ่านลิงก์ที่ส่งผ่านอีเมล์หรือใส่รหัสเริ่มต้นใช้งาน คุณอาจจะต้องเพิ่มตัวเลือกการชำระเงินด้วยหากคุณซื้อบริการ บัญชีทดลองใช้ของบางบริการให้คุณสามารถสมัครบริการได้โดยไม่ต้องกรอกข้อมูลการชำระเงิน แต่หลายบริการก็ขอข้อมูลนี้ถึงแม้ว่าจะไม่มีการเรียกเก็บเงินก็ตาม
- ติดตั้งแอปพลิเคชั่น เมื่อคุณเปิดใช้บัญชีแล้ว คุณสามารถเริ่มการติดตั้งได้ บริการอาจขออนุญาตในการติดตั้ง เก็บข้อมูลความต้องการและอื่น ๆ
คุณอาจะได้รับข้อความแจ้งว่าแอปต้องการกำหนดการตั้งค่า VPN นี่เป็นเพียงการกำหนดการตั้งค่าเครือข่ายของอุปกรณ์ให้ทำงานร่วมกับ VPN และคุณจะต้องอนุญาตสิ่งนี้เพื่อให้ VPN ทำงานได้ คุณอาจจะต้องใส่รหัสผ่านอุปกรณ์หรือ Touch ID เพื่อให้ขั้นตอนนี้แล้วเสร็จ - เลือกเซิร์ฟเวอร์ หลังจากติดตั้งแอปพลิเคชั่นแล้ว ให้เลือกเซิร์ฟเวอร์ในตำแหน่งที่ Disney+ (หรือ Hotstar) ให้บริการ อย่างเช่น อเมริกา คุณสามารถเลือกตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ได้จากการค้นหาประเทศในรายการเซิร์ฟเวอร์ในแอป
- เริ่มสตรีม Disney+ ได้เลย เมื่อคุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในประเทศที่ต้องการแล้ว คุณก็จะสามารถเข้าถึงบริการของ Disney+ ได้ จากนั้นใช้ลงชื่อเข้าใช้และเริ่มรับชมรายการที่นำเสนอได้เลย
รับชม Disney+ บนสมาร์ททีวี Apple TV และคอนโซลเกมด้วย VPN
อุปกรณ์เหล่านี้มักไม่รองรับแอป VPN ซึ่งทำให้การตั้งค่าสำหรับ Disney+ ยุ่งยากขึ้นเล็กน้อย มีหลายวิธีที่คุณสามารถดำเนินการได้ ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสีย
วิธีที่ง่ายที่สุดคือการใช้ฟีเจอร์ Smart DNS ของ VPN ฟีเจอร์นี้ทำให้คุณสามารถทำให้ Disney+ คิดว่าคุณอยู่ในประเทศที่มีเปิดบริการ เหมือนกับที่ VPN ทั่วไปทำ อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างที่สำคัญคือหมายเลข IP ของคุณจะไม่ถูกซ่อนและการเชื่อมต่อของคุณไม่ได้เข้ารหัส Smart DNS จะปิดบังคำขอ DNS เท่านั้น ซึ่งเพียงพอที่จะหลีกเลี่ยงการปิดกั้นทางจำกัดทางภูมิศาสตร์ของ Disney+
อย่างไรก็ตามฟีเจอร์ Smart DNS นั้นไม่ได้นำเสนอในทุกบริการและมักจะมีข้อกำจัดในการเข้าถึงบริการด้วย ฟีเจอร์ Smart DNS อาจเข้าถึงแพลตฟอร์มสตรีมไม่กี่บริการได้ในประเทศนั้น ๆ เพราะฟีเจอร์นี้เชื่อมต่อกับบริการอื่น ๆ โดยไม่ใช้การเข้ารหัสและจะแสดงหมายเลข IP จริงของคุณ ทำให้คุณถูกติดตามได้
นี่คือคำแนะนำอย่างละเอียดในการตั้งค่า Smart DNS เพื่อเข้าถึง Disney+:
- ติดตั้ง VPN ที่นำเสนอบริการ Smart DNS ฉันเลือกใช้ ExpressVPN เพราะมีฟีเจอร์ MediaStreamer ที่ตั้งค่าได้ง่ายและสามารถเข้าถึง Disney+ ในอเมริกาได้
- กรอกหมายเลข IP ของคุณ VPN บางบริการต้องการให้คุณลงทะเบียนหมายเลข IP ของคุณกับบริการ โดยปกติสามารถทำได้ภายในการตั้งค่า DNS ซึ่งจะอยู่ในแอปหรือบัญชีของคุณบนเว็บไซต์ของ VPN โดยปกติแล้วมักไม่มีขั้นตอนอะไรมากและไม่จำเป็นต้องป้อนหมายเลข IP ของคุณเองด้วยซ้ำ
- รับหมายเลข Smart DNS VPN จำนวนมากมักจะแสดงรายการหมายเลข Smart DNS บนหน้าจอการตั้งค่าอุปกรณ์ ในขณะที่บางบริการอาจกำหนด Smart DNS เฉพาะในบัญชีของคุณ เมื่อคุณหมายเลขนี้แล้ว ให้จดบันทึกหมายเลขนี้ไว้ คุณจะต้องใช้ข้อมูลนี้สำหรับขั้นตอนต่อไป
- แก้ไขการตั้งค่าเครือข่ายอุปกรณ์ของคุณ ขั้นตอนต่อมาคุณจะต้องเข้าไปที่การตั้งค่าเครือข่ายบนอุปกรณ์ที่คุณต้องการรับชม Disney+ ไปที่การตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์/หมายเลข DNS และป้อนหมายเลข Smart DNS ที่คุณบันทึกไว้ก่อนหน้านี้ การตั้งค่านี้มักจะป้อนโดยอัตโนมัติ ดังนั้นคุณอาจต้องสลับการตั้งค่าเพิ่มเติมเพื่อให้คุณสามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง
- รับชม Disney+ ได้เลย ตอนนี้จะสามารถเข้าถึง Disney+ บนอุปกรณ์ของคุณได้แล้ว หากการเชื่อมต่อล้มเหลวให้ดูที่การตั้งค่า DNS อีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าคุณคัดลอกหมายเลข Smart DNS อย่างถูกต้อง หาก Disney+ ยังคงปิดกั้น ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณใช้หมายเลข Smart DNS ที่ VPN ของคุณมอบให้
รับชม Disney+ บนทุกอุปกรณ์ด้วยการตั้งค่า VPN บนเราเตอร์
เมื่อติดตั้ง VPN บนเราเตอร์แล้ว คุณจะสามารถเข้าถึง Disney+ บนอุปกรณ์ทุกเครื่องในบ้านของคุณ โดยไม่จำเป็นต้องใช้แอป VPN ต่าง ๆ หรือฟีเจอร์ Smart DNS อีกนอกจากนี้ VPN ที่ติดตั้งบนเราเตอร์ของคุณยังช่วยให้อุปกรณ์ที่โดยทั่วไปไม่รองรับแอป VPN สามารถใช้งานได้ด้วย ซึ่งไม่เหมือนกับบริการ Smart DNS ตรงที่คุณจะสามารถเข้าถึงเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์เต็มรูปแบบของ VPN ได้ในทุกอุปกรณ์
อย่างไรก็ตามการติดตั้ง VPN บนเราเตอร์อาจมีขั้นตอนที่ยุ่งยากได้ และคุณอาจต้องทำการตั้งค่าเราเตอร์ นอกจากนี้การเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์อาจทำได้ยากขึ้น เนื่องจาก VPN หลายบริการไม่มีแอปสำหรับเราเตอร์ นั่นหมายความว่าคุณจะต้องป้อนรายละเอียดเซิร์ฟเวอร์ใหม่ในการตั้งค่าเราเตอร์ด้วยตนเองทุกครั้งที่คุณต้องการเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์
หากนี่เป็นตัวเลือกที่คุณต้องการจริง ๆ เราแนะนำให้ใช้ ExpressVPN เพราะนี่เป็นบริการที่นำเสนอการตั้งค่าเราเตอร์ที่ง่ายที่สุดและมีแอป VPN สำหรับเราเตอร์ ช่วยให้คุณควบคุม VPN บนเราเตอร์ได้โดยไม่ต้องตั้งค่าด้วยตัวเอง
คำแนะนำต่อไปนี้เป็นวิธีการการตั้งค่า ExpressVPN บนเราเตอร์ หากคุณต้องการใช้ VPN ทางเลือก เราขอแนะนำให้ทำตามคำแนะนำการตั้งค่าเราเตอร์ที่บริการแนะนำ เพราะขั้นตอนการติดตั้งเราเตอร์อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับ VPN และเราเตอร์ที่คุณเลือก
- รับบริการ ExpressVPN สมัครสมาชิก ExpressVPN บนเว็บไซต์และตรวจสอบให้แน่ใจว่า ExpressVPN รองรับเราเตอร์ที่คุณใช้ การตั้งค่าเราเตอร์อัตโนมัติส่วนใหญ่รองรับเราเตอร์ Asus, Linksys และ Netgear
- ดาวน์โหลดเฟิร์มแวร์ ExpressVPN ลิงก์ดาวน์โหลดจะอยู่ในเว็บไซตื ExpressVPN ในส่วนบัญชีของคุณ ในหน้า "ตั้งค่า” คลิก "เราเตอร์” จากรายการอุปกรณ์ทางด้านซ้าย จากนั้นเลือก "ติดตั้งบนเราเตอร์ที่ฉันใช้” เลือกเราเตอร์ที่คุณใช้จากรายการดรอปดาวน์ที่ด้านข้างแล้วคลิก "ดาวน์โหลดเฟิร์มแวร์”
- ทำการอัพเดทเฟิร์มแวร์บนเราเตอร์ของคุณ เมื่อดาวน์โหลดเฟิร์มแวร์แล้วให้คลิก "ดำเนินการต่อ” ในหน้าเดียวกัน คุณจะได้รับคำแนะนำอย่างละเอียดสำหรับเราเตอร์แต่ละรุ่นที่คุณใช้ ทำตามคำแนะนำเพื่อติดตั้งเฟิร์มแวร์ของ ExpressVPN บนเราเตอร์ของคุณ คุณจะต้องรีบูทเราเตอร์ในขั้นตอนนี้
- กำหนดตั้งค่า ExpressVPN บนเราเตอร์ของคุณ เมื่อเราเตอร์ของคุณรีบูทเสร็จแล้วและเฟิร์มแวร์อัพเดทเสร็จแล้ว ให้คลิก "ดำเนินการต่อ” อีกครั้งในเว็บ ExpressVPN คัดลอกรหัสเปิดใช้งาน จากนั้นคลิกไปที่ลิงก์ ตามด้วย "เริ่มต้น” เพื่อกำหนดการตั้งค่า ความต้องการและกลุ่มอุปกรณ์ ใส่รหัสเปิดใช้งานเมื่อบริการขอ
- เชื่อมต่อกับประเทศที่ Disney+ ให้บริการ ใช้แอปเราเตอร์ เลือกเซิร์ฟเวอร์ในประเทศที่ Disney+ ให้บริการ (อย่างเช่นอเมริกา) หากคุณสร้างกลุ่มอุปกรณ์ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้เปลี่ยนตำแหน่งที่ตั้งของกลุ่มที่มีอุปกรณ์ที่คุณต้องการสตรีมด้วย
- รับชม Disney+ ได้เลย คุณจะสามารถสตรีมเนื้อหาจาก Disney+ บนอุปกรณ์ของคุณได้ หากยังใช้ไม่ได้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้เปลี่ยนตำแหน่ง VPN ให้กับกลุ่มอุปกรณ์ที่ถูกต้องและติดต่อทีมงานของ ExpressVPN หากคุณมีปัญหา
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการรับชม Disney+ ด้วย VPN
Disney Plus ดูได้ในประเทศไหนบ้าง?
Disney+ เปิดให้บริการในหลายประเทศและภูมิภาค รวมถึงอเมริกา อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น ยุโรปละตินอเมริกาและบางส่วนของเอเชีย เนื้อหาในทุกประเทศจะให้บริการที่แตกต่างกันไป ซึ่งหมายความว่าไลบารีในประเทศของคุณจะไม่มีบางเนื้อหาที่คุณสามารถดูได้ในที่อื่น
Disney+ Star มีให้บริการในบางประเทศในยุโรป เช่น เยอรมนี เนเธอร์แลนด์และสเปน แต่ไม่มีให้บริการในอเมริกา Disney+ ยังมีให้บริการในอินเดียและอินโดนีเซียภายใต้ชื่อ Disney+ Hotstar หรือที่รู้จักกันในชื่อ Hotstar บริการ Disney+ แต่ละแบบมีไลบรารี่เนื้อหาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยจะนำเสนอเนื้อหาที่ผสมผสานระหว่างในแต่ละท้องถิ่นและต่างประเทศ
หากคุณต้องการเข้าถึงบัญชี Disney+ (หรือ Disney+ Star) VPN สามารถช่วยหลีกเลี่ยงการปิดกั้นทางภูมิศาสตร์และช่วยให้คุณเข้าถึงบริการได้เมื่อคุณอยู่ในต่างประเทศได้ ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการเข้าถึงไลบารี Disney+ ของอเมริกาจากบัลแกเรีย ก็ให้เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในอเมริกา
ฉันจะเปลี่ยนตำแหน่ง Disney+ ของฉันได้อย่างไร
การเปลี่ยนตำแหน่ง Disney+ นั้นสามารถทำได้อย่างง่ายดายด้วย VPN ที่สามารถหลีกเลี่ยงการปิดกั้นตามภูมิศาสตร์ได้อย่างน่าเชื่อถือ คุณจะต้องดาวน์โหลดและติดตั้งแอป VPN ลงในอุปกรณ์ของคุณและเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่คุณเลือก ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Disney+ มีให้บริการในสถานที่นั้น จากนั้นลงชื่อเข้าถึงและเริ่มสตรีมรายการที่คุณต้องการรับชมได้เลย
ฉันสามารถสมัครใช้งาน Disney+ โดยไม่ใช้บัตรเครดิตได้หรือไม่
คุณสามารถจ่ายค่าบริการ Disney+ ด้วย PayPal ได้ แต่คุณจะต้องใช้บัญชี PayPal ที่สมัครจากประเทศเดียวกับที่คุณต้องการรับชม Disney+
หรือจะสามารถใช้บัตรของขวัญแทนก็ได้ อย่างไรก็ตาม หากคุณกำลังรับชม Disney+ จากต่างประเทศ คุณจะต้องใช้ VPN ที่มีเซิร์ฟเวอร์ภายในประเทศที่มี Disney+ ให้บริการเพื่อเข้าถึงเนื้อหาใน Disney+ และเพื่อให้คุณสามารถซื้อบัตรของขวัญที่ใช้งานได้จากภูมิภาคเดียวกัน นี่คือขั้นตอนที่คุณสามารถทำได้ดังต่อไปนี้:
- สร้างบัญชี iTunes ใหม่ (สำหรับผู้ใช้ iOS) หรือ Google Play (สำหรับผู้ใช้ Android) และเลือกตำแหน่งที่คุณต้องการ เช่น อเมริกา
- เติมเงินในบัญชีและเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN ในอเมริกา
- ซื้อบัตรของขวัญ iTunes หรือ Google Play ด้วยจำนวนเงินที่มากพอสำหรับซื้อบริการ Disney+
- เปิดแอป Disney+ และสมัครใช้งานโดยใช้บัตรของขวัญและเริ่มรับชมเนื้อหาที่คุณชอบได้เลย
ฉันสามารถรับชม Disney+ ฟรีได้ไหม
แม้ว่า Disney+ จะไม่มีการทดลองใช้ฟรี แต่บางครั้งบริการก็นำเสนอโปรโมชั่นให้ใช้งานฟรี โดยปกติแล้วมันจะมาพร้อมกับบริการอื่นหรือแพ็คเกจเคเบิล ตัวอย่างเช่น หากคุณสมัครใช้บริการ Verizon Wireless หรือ Amazon Music บางครั้งบริการเหล่านี้ก็นำเสนอการใช้งาน Disney+ ฟรีเป็นเวลา 2-3 เดือน โปรดทราบว่าบริการเหล่านี้ใช้ได้เฉพาะกับลูกค้าที่อยู่ในอเมริกา ดังนั้นคุณจะต้องใช้วิธีการเรียกเก็บเงินในอเมริกา คุณสามารถใช้ VPN ที่มีการรับประกันเงินคืนคุณก็สามารถใช้ VPN เพื่อ Disney+ ได้จากทุกที่และใช้การรับประกันคืนเงินเพื่อขอคืนเงินก่อนครบเวลาทดลองใช้ได้
การใช้ VPN เพื่อรับชม Disney+ ผิดกฎหมายหรือไม่
ไม่ การรับชม Disney+ ด้วย VPN นั้นไม่ใช่สิ่งที่ผิดกฎหมาย ไม่มีกฎหมายข้อใดระบุว่าการเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกปิดกั้นด้วย VPN นั้นเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย
อย่างไรก็ตามคุณควรทำความเข้าใจมุมมองของประเทศของคุณเกี่ยวกับ VPN ในประเทศที่มีการเซ็นเซอร์เนื้อหาต่าง ๆ อย่างเข้มงวดอย่างจีนและรัสเซียนั้นจำกัดหรือแบนการใช้ VPN เราไม่สนับสนุนการละเมิดกฎหมาย ดังนั้นโปรดตรวจสอบกฎหมายท้องถิ่นของคุณก่อนใช้ VPN
ฉันควรทำอย่างไรเมื่อพบข้อความแสดงข้อผิดพลาดใน Disney+
หากคุณพบข้อความแสดงข้อผิดพลาดของ Disney+ หรือจอดำเมื่อเชื่อมต่อกับ VPN ให้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้:
- เลือก VPN ที่มีคุณภาพ — บางบริการไม่สามารถเข้าถึง Disney+ ได้อย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากถูกขึ้นบัญดำหมายเลข IP หรือไม่สามารถซ่อนหมายเลขของคุณได้จริง เมื่อเลือก VPN ชั้นนำ คุณจะสามารถเข้าถึง Disney+ ได้อย่างสม่ำเสมอและไม่พบปัญหาการใช้งานใด ๆ
- อัปเดตแอป VPN — แอป VPN ที่ไม่ได้รับการอัปเดตอาจไม่สามารถทำงานได้ครบถ้วนและไม่สามารถเข้าถึง Disney+ ได้ การอัปเดตแอป VPN เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดและเชื่อมต่อใหม่จะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงบริการได้
- เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ใหม่ — Disney+ อาจจะขึ้นบัญชีดำหมายเลข IP ของ VPN อยู่ บริการ VPN ที่มีคุณภาพจะนำเสนอตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์ทดแทนจำนวนมาก เพียงแค่ยุติการเชื่อมต่อและเชื่อมต่อใหม่อีกครั้งเพื่อรับหมายเลข IP ใหม่ เท่านี้คุณจะสามารถใช้งานได้อีกครั้ง
- ลบคุกกี้และแคช — เชื่อมต่อกับ VPN ใหม่อีกครั้งหลังจากลบคุกกี้และแคช เพราะมันอาจมีข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งที่แท้จริงของคุณ
- ปิดใช้งาน GPS — อาจเป็นไปได้ว่า Disney+ สามารถเห็นตำแหน่งที่แท้จริงของคุณผ่าน GPS บนอุปกรณ์ของคุณ ปิดใช้งานฟีเจอร์นี้บนอุปกรณ์ของคุณและลองเชื่อมต่อใหม่อีกครั้ง
- ทดลองใช้บนเบราเซอร์ใหม่ — บาง VPN ไม่สามารถป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลตำแหน่งในบางเบราเซอร์ได้ หากคุณใช้เบราเซอร์บน PC เพื่อเข้าถึง Disney+ เราขอแนะนำให้ลองใช้เบราเซอร์ใหม่ หากยังใช้งานไม่ได้ ให้ลองใช้งาน Disney+ ผ่านแอปแทน
- เปิดใช้งานโปรโตคอล SSL/TLS และพอร์ต 2080 — หากเป็นไปได้ ให้ตั้งค่า VPN ให้ใช้โปรโตคอล SSL/TLS และพอร์ต 2080 หากไม่รู้วิธี ให้ติดต่อตัวแทนเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ไม่ใช่ทุกบริการที่ให้คุณสามารถปรับแต่งพอร์ตหรือโปรโตคอล SSL/TLS ได้
- ติดต่อตัวแทน — หากคุณยังมีปัญหาให้ติดต่อตัวแทนของ VPN พวกเขาสามารถช่วยแก้ปัญหาที่คุณมีได้
วิธีการรับชม Disney+ บนทุกอุปกรณ์ด้วย VPN
Disney+ ไม่มีให้บริการในทุกตำแหน่ง และเนื้อหาในแต่ละที่ยังไม่เหมือนกันอีกด้วย วิธีที่ง่ายที่สุดในการเข้าถึง Disney+ ในจากทุกที่คือการใช้ VPN เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดกั้นทางภูมิศาสตร์
VPN ที่ฉันแนะนำให้ใช้กับ Disney+ คือ ExpressVPN บริการสามารถช่วยให้คุณเข้าถึงแพลตฟอร์มได้จากทุกที่และและมีความเร็วมากพอให้คุณสตรีม Disney+ ได้แบบ UHD นอกจากนี้คุณยังสามารถทดลองใช้ฟีเจอร์ต่าง ๆ ของ ExpressVPN ได้อย่างปลอดภัย เพราะบริการมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน ดังนั้นหากคุณไม่ประทับใจกับบริการ คุณสามารถขอคืนเงินเต็มจำนวนได้
เพื่อสรุป VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ Disney+ คือ…
หมายเหตุจากบรรณาธิการ: เราให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ของเรากับผู้อ่าน และเรามุ่งมั่นที่จะได้รับความไว้วางใจจากคุณด้วยการทำงานด้วยความโปร่งใสและความซื่อสัตย์ เว็บของเราอยู่ในกลุ่มเจ้าของเดียวกันกับผลิตภัณฑ์ชั้นนำในอุตสาหกรรมบางส่วนที่ได้รับการตรวจสอบบนเว็บไซต์นี้: Intego, Cyberghost, ExpressVPN และ Private Internet Access อย่างไรก็ตามสิ่งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการตรวจสอบของเรา เนื่องจากเราปฏิบัติตามวิธีการทดสอบที่เข้มงวด
ข้อมูลของคุณจะถูกเปิดเผยต่อเว็บไซต์ที่คุณเข้าชม!
หมายเลข IP ของคุณ:
ตำแหน่งของคุณ:
ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณ:
ข้อมูลข้างต้นสามารถใช้เพื่อติดตาม กำหนดเป้าหมายโฆษณาและติดตามกิจกรรมที่คุณทำบนอินเตอร์เน็ตได้
VPN สามารถช่วยคุณซ่อนข้อมูลเหล่านี้จากเว็บไซต์ เพื่อให้คุณได้รับการปกป้องตลอดเวลา เราขอแนะนำ ExpressVPN - VPN อันดับ #1 จากผู้ให้บริการกว่า 350 รายที่เราได้ทดสอบ มีการเข้ารหัสระดับทหารและฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวมากมายที่จะช่วยให้คุณมั่นใจในความปลอดภัยเมื่อใช้งานอินเตอร์เน็ต - นอกจากนี้ยังมีส่วนลดจาก 61% อีกด้วย
กรุณาแสดงความคิดเห็นว่าพวกเราสามารถพัฒนาบทความนี้ได้อย่างไร ความคิดเห็นของคุณมีค่าสำหรับเรา!