พวกเราจัดอันดับผู้ให้บริการตามการทดสอบและการค้นคว้าอย่างเข้มงวด แต่ก็จะมีการคำนึงถึงความคิดเห็นของคุณและค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการด้วย ผู้ให้บริการบางรายนั้นจะมีบริษัทแม่แห่งเดียวกันกับพวกเรา
เรียนรู้เพิ่มเติม
vpnMentor ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 เพื่อจุดประสงค์ในการตรวจสอบบริการ VPN และวิจารณ์ด้านความเป็นส่วนตัว ในวันนี้ทีมนักวิจัย นักเขียนและบรรณาธิการด้านความปลอดภัยอินเตอร์เน็ตของเราหลายร้อยคนยังคงช่วยเหลือผู้อ่านต่อสู้เพื่ออิสรภาพทางออนไลน์โดยร่วมมือกับ Kape Technologies PLC ซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ต่อไปนี้: ExpressVPN, CyberGhost, ZenMate, Private Internet Access และ Intego ซึ่งอาจได้รับการวิจารณ์บนเว็บไซต์นี้ บทวิจารณ์ที่เผยแพร่บน vpnMentor เชื่อว่ามีความถูกต้อง ณ วันที่เผยแพร่แต่ละบทความและเขียนขึ้นตามมาตรฐานการตรวจสอบที่เข้มงวดของเรา ซึ่งจัดลำดับความสำคัญของการตรวจสอบผู้ตรวจสอบอย่างมืออาชีพและซื่อสัตย์ โดยคำนึงถึงความสามารถทางเทคนิคและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ร่วมกับมูลค่าทางการค้าสำหรับผู้ใช้ การจัดอันดับและบทวิจารณ์ที่เราเผยแพร่อาจคำนึงถึงความเป็นเจ้าของร่วมกันกับบริการที่กล่าวถึงข้างต้นและค่าคอมมิชชั่นพันธมิตรที่เราได้รับจากการซื้อผ่านลิงก์บนเว็บไซต์ของเรา เราไม่ได้ตรวจสอบผู้ให้บริการ VPN ทั้งหมดและเชื่อว่าข้อมูลที่จะมีความถูกต้อง ณ วันที่เผยแพร่แต่ละบทความ
การเปิดเผยข้อมูลการโฆษณา

vpnMentor ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 เพื่อจุดประสงค์ในการตรวจสอบบริการ VPN และวิจารณ์ด้านความเป็นส่วนตัว ในวันนี้ทีมนักวิจัย นักเขียนและบรรณาธิการด้านความปลอดภัยอินเตอร์เน็ตของเราหลายร้อยคนยังคงช่วยเหลือผู้อ่านต่อสู้เพื่ออิสรภาพทางออนไลน์โดยร่วมมือกับ Kape Technologies PLC ซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ต่อไปนี้: ExpressVPN, CyberGhost, ZenMate, Private Internet Access และ Intego ซึ่งอาจได้รับการวิจารณ์บนเว็บไซต์นี้ บทวิจารณ์ที่เผยแพร่บน vpnMentor เชื่อว่ามีความถูกต้อง ณ วันที่เผยแพร่แต่ละบทความและเขียนขึ้นตามมาตรฐานการตรวจสอบที่เข้มงวดของเรา ซึ่งจัดลำดับความสำคัญของการตรวจสอบผู้ตรวจสอบอย่างมืออาชีพและซื่อสัตย์ โดยคำนึงถึงความสามารถทางเทคนิคและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ร่วมกับมูลค่าทางการค้าสำหรับผู้ใช้ การจัดอันดับและบทวิจารณ์ที่เราเผยแพร่อาจคำนึงถึงความเป็นเจ้าของร่วมกันกับบริการที่กล่าวถึงข้างต้นและค่าคอมมิชชั่นพันธมิตรที่เราได้รับจากการซื้อผ่านลิงก์บนเว็บไซต์ของเรา เราไม่ได้ตรวจสอบผู้ให้บริการ VPN ทั้งหมดและเชื่อว่าข้อมูลที่จะมีความถูกต้อง ณ วันที่เผยแพร่แต่ละบทความ

VPN คืออะไรแล้วทำไมคุณถึง (จำเป็น) ต้องใช้มันใน 2024

มุก อัปเดตเมื่อ 01/06/2024 ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย คริสตีน โจแฮนสัน บรรณาธิการอาวุโส

VPN (เครือข่ายส่วนตัวเสมือน) คือแอปที่เรียบง่ายมีจุดประสงค์สำหรับเพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์ให้กับคุณ VPN จะทำการส่งข้อมูลกิจกรรมออนไลน์ของคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัวและทำการเข้ารหัสข้อมูลไปด้วย กระบวนการนี้จะทำการซ่อนข้อมูลที่ถูกเปิดอ่านได้และสามารถบ่งชี้ตัวตนของคุณได้ อย่างเช่น ตำแหน่ง กิจกรรมการท่องเว็บ และรูปแบบการท่องเว็บ

VPN สามารถเปลี่ยนตำแหน่งของคุณได้ ด้วยการเชื่อมต่อคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่คุณเลือก ในทางทฤษฎี คุณจะสามารถใช้วิธีนี้เพื่อเข้าถึงเว็บไซต์สตรีมมิ่งที่ปกติไม่มีเปิดให้บริการในพื้นที่ของคุณได้ แต่นี่จะเป็นการทำผิดข้อตกลงการให้บริการ และมันอาจจะเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย ดังนั้นเราและทีมงานจึงไม่สนับสนุนให้ทำเช่นนี้

VPN นั้นติดตั้งและใช้งานง่าย — ถ้าคุณพร้อมที่จะเริ่มลองใช้งานแล้ว เราแนะนำให้ลอง ExpressVPN จาก 150 VPN ที่เราและทีมของเราได้ทดลองใช้งานมา นี่เป็นหนึ่งใน VPN ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งานที่สุดและดีที่สุดในภาพรวม ทำให้มันเหมาะสำหรับใช้งานอย่างเอนกประสงค์ มันมาพร้อมกับนโยบายการรับประกันคืนเงินที่เชื่อถือได้อีกด้วย — ถ้าคุณลองใช้แล้วรู้สึกไม่เหมาะกับคุณ คุณก็สามารถขอคืนเงินเต็มจำนวนได้ภายใน 30 วัน

เริ่มต้นใช้งานกับ ExpressVPN

ไม่ค่อยมีเวลาใช่ไหม? นี่คือ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับมือใหม่ 2024

  1. ExpressVPN — ดีที่สุดทั้งสำหรับการท่องเว็บ, สตรีมมิ่งความชัดระดับ HD และโหลดบิท มันเป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน ความเร็วสูงและทดลองใช้ได้อย่างไม่มีความเสี่ยง
  2. CyberGhost — มีเซิร์ฟเวอร์เฉพาะสำหรับกิจกรรมต่าง ๆ (สตรีมมิ่ง, ดาวน์โหลด, เล่นเกม) เพื่อการเชื่อมต่อที่ดีที่สุด
  3. Private Internet Access — เครือข่ายทั่วโลกขนาดใหญ่ แต่ตัวเลือกการปรับแต่งที่มีความครอบคลุมของมันนั้นอาจดูเป็นเรื่องที่น่ากลัว
สำคัญ! เราและทีมงาน vpnMentor ไม่สนับสนุนการทำเรื่องผิดกฎหมายใด ๆ ทั้งสิ้นในขณะที่ใช้งาน VPN ซึ่งรวมถึงการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย พวกเราจะเลือกแนะนำเฉพาะ VPN ที่มีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่เข้มงวด ดังนั้นก็จะไม่มีใครสามารถมาติดตามสิ่งที่คุณทำบนโลกออนไลน์ได้ นี่หมายความว่ามันเป็นความรับผิดชอบของคุณเองที่จะต้องทำตามกฎหมายในพื้นที่ของคุณรวมถึงข้อตกลงการให้บริการของแอปและเว็บไซต์ที่คุณใช้

ทำไมฉันต้องใช้ VPN

บนอินเทอร์เน็ตนั้นเต็มไปด้วยภัยอันตรายที่ไม่มีใครอยากเจอ ซึ่งมันต่างก็เป็นภัยต่อความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยทางออนไลน์ของคุณ ที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดก็คือผู้ไม่ประสงค์ดีที่จะเก็บข้อมูลของคุณ, ติดตามกิจกรรมออนไลน์ของคุณ และแทรกแซงการเชื่อมต่อของคุณ แถมบางเครือข่ายส่วนตัว และ WiFi hotspot สาธารณะนั้นก็จะบล็อกบางเว็บไซต์, ไฟล์และสื่อบางประเภท เป็นการลดความมีอิสระบนโลกออนไลน์ของคุณลงไปอย่างมาก

VPN เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า หากคุณให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของคุณ มันสามารถช่วยให้คุณปลอดภัยจากการละเมิดความเป็นส่วนตัวและให้การเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกปิดกั้น นอกจากนี้ยังเข้ารหัสการเชื่อมต่อของคุณเพื่อให้ Google, Facebook หรือ ISP ของคุณไม่สามารถติดตามการใช้งานของคุณได้ นี่คือตัวอย่างเหตุผลที่คุณควรใช้ VPN

VPN เข้ารหัสข้อมูลทั้งหมดของคุณ

VPN จะเข้ารหัสการเชื่อมต่อของคุณเมื่อคุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัว มันจะทำให้ข้อมูลของคุณไม่สามารถถูกอ่านได้ ทำให้บุคคลที่สามไม่สามารถติดตามกิจกรรมต่าง ๆ ของคุณได้ VPN ส่วนใหญ่ใช้การเข้ารหัสระดับเดียวกับทางการทหาร จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครสามารถเข้าถึงได้

ดังนั้นจะไม่มีใครสามารถเห็นกิจกรรมการใช้งานของคุณหรือสกัดกั้นการเชื่อมต่อของคุณได้ ซึ่งรวมถึง ISP ของคุณด้วย เพราะข้อมูลเหล่านั้นจะดูเหมือนสตริงตัวเลขแบบสุ่มไม่สามารถถอดความได้ นอกจากนี้ยังหมายความว่า ISP ของคุณจะไม่สามารถควบคุมความเร็วของคุณได้ หากคุณทำกิจกรรมที่ใช้แบนด์วิธสูง เช่น การเล่นเกม แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการปกป้องคุณเมื่อเชื่อมต่อกับเครือข่าย WiFi สาธารณะ เนื่องจากแฮกเกอร์สามารถสกัดกั้นการรับส่งข้อมูลของคุณเพื่อรับเข้าถึงรหัสผ่าน หมายเลขบัตรเครดิตและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนอื่น ๆ ได้อย่างง่ายดาย

บริการ VPN ส่วนใหญ่ใช้การเข้ารหัส AES-256 bit ซึ่งเป็นระดับการเข้ารหัสที่รัดกุมที่สุด รหัสความยาว 256 คีย์เป็นการเข้ารหัสที่ยาวที่สุดและยิ่งคีย์ยาวเท่าไหร่ก็ยิ่งใช้เวลาในการถอดรหัสมากขึ้นเท่านั้น หน่วยงานด้านความปลอดภัยชั้นนำและรัฐบาลใช้เพื่อปกป้องข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนสูง

VPN ซ่อนตำแหน่งที่แท้จริงของคุณ

หมายเลข IP จริงของคุณจะถูกมองเห็นได้เมื่อไม่ใช้ VPN ซึ่งหมายความว่าบุคคลที่ไม่พึงประสงค์สามารถใช้หมายเลขนี้เพื่อระบุตำแหน่งจริงของคุณได้ (หมายเลข IP ของคุณก็เหมือนกับหมายเลขโทรศัพท์ของคุณ แต่สำหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต) มันอาจเป็นอันตรายได้เมื่อรวมกับข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ เนื่องจากทำให้ง่ายต่อการระบุตัวตนของคุณ ทำให้คุณเสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางออนไลน์ บุคคลที่สามที่ไม่พึงประสงค์ เช่น ผู้ลงโฆษณาสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อกำหนดเป้าหมายคุณด้วยโฆษณา ในขณะที่ ISP ของคุณสามารถจัดเก็บและส่งต่อข้อมูลโดยที่คุณไม่รู้ตัว

VPN จะซ่อนหมายเลข IP จริงของคุณโดยแทนที่ด้วยหมายเลขอื่น ปกป้องความเป็นส่วนตัวออนไลน์ของคุณ ดังนั้นคุณสามารถใช้ VPN เพื่อปกปิดตำแหน่งที่แท้จริงและตัวตนของคุณได้ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม แต่อย่าลืมว่ากิจกรรมที่ผิดกฎหมายยังคงถูกห้ามโดยผู้ให้บริการ VPN ดังนั้นคุณควรใช้งานด้วยความระมัดระวังอยู่เสมอ

VPN ช่วยให้ฉันปลอดภัยได้อย่างไร

ฟังก์ชันความปลอดภัยหลักของ VPN คือการเข้ารหัสการเชื่อมต่อของคุณและซ่อนหมายเลข IP จริงของคุณ (หรือตำแหน่งจริงของคุณ) แม้ว่าฟีเจอร์เหล่านี้จะรักษาความปลอดภัยให้กับการเชื่อมต่อและข้อมูลส่วนตัวของคุณได้ แต่บริการก็ยังมีฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยอื่น ๆ อีกเพื่อให้แน่ใจว่าฟังก์ชันพื้นฐานเหล่านี้จะช่วยให้คุณปลอดภัยได้อย่างแท้จริง

นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่เข้มงวด

การใช้บริการ VPN ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของคุณเป็นสิ่งสำคัญเพราะพวกเขาสามารถเข้าถึงกิจกรรมออนไลน์ของคุณได้อย่างเต็มที่ ฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวที่สำคัญที่สุดคือนโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่เข้มงวด ซึ่งสามารถรับประกันได้ว่าผู้ให้บริการ VPN ของคุณจะไม่ติดตามหรือรวบรวมข้อมูลของคุณ หรือหมายความว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรต้องส่งมอบให้แก่หน่วยงานของรัฐร้อง หากถูกขอให้เปิดเผยเพื่อเป็นหลักฐานการสอบสวนหรือหากเซิร์ฟเวอร์ถูกละเมิด

ผู้ให้บริการ VPN จำนวนมากอ้างว่าบริการของพวกเขานั้นไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน แต่จริง ๆ แล้วมีเพียงบางบริการเท่านั้นที่น่าเชื่อถือและได้รับการตรวจสอบเป็นประจำ โดยที่บริษัทรักษาความปลอดภัยจะวิเคราะห์นโยบายความเป็นส่วนตัวของ VPN กับแนวปฏิบัติ สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ให้บริการ VPN ปฏิบัติตามคำโฆษณาว่าจะรักษาข้อมูลของคุณให้เป็นส่วนตัว

อีกปัจจัยที่ต้องพิจารณาคือที่ตั้งของ VPN เนื่องจากบริการอาจอยู่ภายใต้กฎหมายการเก็บรักษาข้อมูลของท้องถิ่น ทางที่ดีควรเลือกบริการ VPN ที่ตั้งอยู่ในสถานที่ที่มีกฎหมายความเป็นส่วนตัวที่เป็นมิตรและไม่ได้อยู่ในภายใต้เขตอำนาจศาลของพันธมิตร 14-Eyes ซึ่งหมายความว่าแม้ว่ารัฐบาลจะขอให้ผู้บริการVPN มอบข้อมูลของคุณ แต่ผู้บริการ VPN ก็ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม

การป้องกันการรั่วไหล

เป็นไปได้เสมอที่ VPN อาจทำให้คำขอ DNS และหมายเลข IP รั่วไหลโดยไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากช่องโหว่อาจเกิดขึ้นกับซอฟต์แวร์ใด ๆ ก็ได้ การรั่วไหลของ IP/DNS ขัดต่อจุดประสงค์ของการใช้ VPN เนื่องจากเป็นข้อมูลที่ควรจะปิดบัง บริการ VPN ที่ปลอดภัยควรมีระบบป้องกันการรั่วไหลในตัวเพื่อป้องกันการรั่วไหลของ DNS/IP

หากต้องการทดสอบการป้องกันการรั่วไหลของ DNS/IP ให้ไปที่เว็บไซต์ เช่น ipleak.net หลังจากเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ จากนั้นรอสักครู่จนกว่าจะเว็บแสดงหมายเลข IP ที่อุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่อ ตราบใดที่เว็บแสดงเพียงหมายเลข IP ของ VPN นั่นแสดงว่าคุณได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่แล้ว

Kill Switch

VPN เข้ารหัสข้อมูลเพื่อรักษาความปลอดภัยของคุณ เนื่องจากความปลอดภัยของคุณขึ้นอยู่กับเชื่อมต่อนี้โดยสมบูรณ์ ความเป็นส่วนตัวของคุณอาจถูกคุกคามได้ หากการเชื่อมต่อยุติลงโดยไม่คาดคิดหรือคุณเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ Kill switch จะบล็อกอินเทอร์เน็ตของคุณโดยอัตโนมัติหาก VPN ของคุณมีปัญหาในการเชื่อมต่อ ทำให้มันเป็นการป้องกันด่านสุดท้ายของคุณ

จากนั้นจะรอจนกว่าอุปกรณ์ของคุณจะเชื่อมต่อได้อีกครั้งจึงจะเชื่อมต่อ VPN อีกครั้ง ดังนั้นคุณจะได้รับการปกป้องตลอดเวลา มันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในขณะที่ทำการทอร์เรนต์หรือเมื่อใช้งาน WiFi สาธารณะที่ไม่ปลอดภัย

เคล็ดลับเล็กน้อย: ไม่ใช่ทุก VPN ที่มาพร้อมกับ Kill switch ที่เปิดใช้งานอยู่แล้ว ดังนั้นจึงควรตรวจสอบเมนูการตั้งค่าเพื่อให้แน่ใจว่าได้เปิดใช้งานแล้ว เพราะ Kill switch จะหยุดการรับส่งข้อมูลของคุณเมื่อคุณเปลี่ยนเครือข่ายการเชื่อมต่อ ดังนั้นมันจึงมีประโยชน์อย่างมากเมื่อเชื่อมต่อกับเครือข่าย WiFi สาธารณะ

โปรโตคอลด้านความปลอดภัยที่ล้ำสมัย

โปรโตคอลจะกำหนดวิธีที่ VPN ส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ของคุณและเซิร์ฟเวอร์ VPN มันคือชุดของกฎที่กำหนดความปลอดภัยและความเสถียร VPN ที่ดีจะมีตัวเลือกโปรโตคอลต่าง ๆ ที่ให้ความสมดุลระหว่างความเร็วและความปลอดภัยที่แตกต่างกัน บางโปรโตคอลมีความล้ำสมัยและใช้งานได้ดีกว่าโปรโตคอลอื่น ๆ ดังนั้นการเลือกโปรโตคอลที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ต่อไปนี้คือโปรโตคอลบางส่วนที่ VPN มักจะนำเสนอ (เรียงลำดับจากปลอดภัยที่สุดไปน้อยที่สุด):

  • OpenVPN — โปรโตคอลโอเพนซอร์ซที่ขึ้นชื่อในเรื่องความน่าเชื่อถือและความปลอดภัย การเป็นโอเพนซอร์สหมายความว่าการเข้ารหัสนั้นเป็นแบบสาธารณะและทุกคนสามารถให้คำแนะนำแก้ไขเพื่อให้มันปลอดภัยยิ่งขึ้น มันเป็นที่นิยมอย่างมากและเข้ารหัสการใช้งานทั้งสองฝั่ง ซึ่งหมายความว่าเฉพาะผู้ส่งและผู้รับเท่านั้นที่มีคีย์การเข้ารหัส นอกจากนี้ยังมีการอัปเกรดและปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้นอีกด้วย
  • WireGuard — โปรโตคอลโอเพนซอร์ซอีกอันที่เร็วกว่า OpenVPN และปลอดภัยพอ ๆ กัน แนะนำให้ใช้ตัวเลือกนี้สำหรับการสตรีม เล่นเกม และวิดีโอคอล แต่มันอาจมีช่องโหว่ที่ยังไม่ถูกค้นพบเพราะยังเป็นตัวเลือกที่ค่อนข้างใหม่
  • IKEv2 — โปรโตคอลที่น่าเชื่อถือมีความเร็วใกล้เคียงกับ OpenVPN สามารถปกป้องคุณได้ในขณะที่คุณเปลี่ยนจากเครือข่ายมือถือเป็น WiFi เพราะมันเสถียรมาก อย่างไรก็ตามมันมีความปลอดภัยน้อยกว่า OpenVPN และ WireGuard ดังนั้นจึงควรใช้เป็นตัวเลือกสำรอง
  • SSTP — โปรโตคอลรุ่นเก่าสำหรับ Windows ที่คล้ายกับ OpenVPN เนื่องจากมีเพียงผู้รับและผู้ส่งเท่านั้นที่สามารถถอดรหัสการเชื่อมต่อได้ เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการหลีกเลี่ยงไฟร์วอลล์ แต่ความเร็วของมันยังไม่ค่อยมากนัก
  • L2TP/IPSec — เป็นโปรโตคอลที่ล้าสมัย ซึ่งส่วนใหญ่ใช้กับสมาร์ทโฟน ไม่มีการเข้ารหัสและความเร็วต่ำ ดังนั้นคุณควรหลีกเลี่ยง

การป้องกันไวไฟ

VPN บางบริการมีการป้องกัน WiFi เพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัยของคุณเมื่อใช้เครือข่ายสาธารณะ หากคุณวางแผนที่จะใช้อินเทอร์เน็ตนอกบ้าน ฟีเจอร์นี้เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมี ซึ่งหมายความว่าแม้ในขณะที่คุณเชื่อมต่อกับเครือข่าย WiFi สาธารณะ เช่น ในร้านกาแฟ ข้อมูลของคุณจะปลอดภัย

VPN ได้รับการออกแบบมาเพื่อปกป้องคุณบนเครือข่ายสาธารณะเหมือนกับที่ปกป้องคุณที่บ้าน แต่บางบริการก็มีฟีเจอร์เพิ่มเติมที่เหนือกว่า เช่น การเชื่อมต่อโดยอัตโนมัติเมื่อตรวจพบว่าคุณเชื่อมต่อ WiFi สาธารณะหรือแจ้งเตือนเกี่ยวกับเครือข่ายที่ไม่ปลอดภัย

VPN มีข้อเสียหรือไม่

ก่อนอื่นคุณควรรู้ว่าประโยชน์ของการใช้ VPN นั้นมีมากกว่าข้อเสียที่อาจเกิดขึ้น แต่ก็มีบางสิ่งที่คุณควรระวังก่อนเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN

  • มันอาจลดความเร็วของคุณได้ — เนื่องจากข้อมูลของคุณต้องได้รับการเข้ารหัสและเดินทางไปยังเซิร์ฟเวอร์ VPN บางบริการอาจทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตของคุณช้าลงมากกว่าบริการอื่น แต่บริการที่ดีที่สุดจะไม่สร้างความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเจน
  • VPN บางบริการสามารถลดความเป็นส่วนตัวของคุณได้ — VPN ฟรีอาจทำให้ความเป็นส่วนตัวของคุณลดลงได้เป็นพิเศษ แต่แม้แต่ VPN แบบชำระเงินบางบริการก็ยังโกหกว่า "ไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน" ทางที่ดีคุณควรเลือก VPN ที่ปฏิบัติตามนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานอย่างเคร่งครัดและได้รับการตรวจสอบโดยบริษัทด้านความปลอดภัยอิสระ
  • VPN มีค่าใช้จ่าย — ใคร ๆ ก็รู้ว่า VPN นั้นเป็นบริการแบบสมัครสมาชิกที่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม VPN ส่วนใหญ่มีราคาเพียงไม่กี่ดอลลาร์ต่อเดือน ดังนั้นจึงมีราคาไม่แพงมาก นอกจากนี้บริการมักจะมีการรับประกันคืนเงินที่ให้คุณทดสอบบริการก่อนและรับเงินคืนภายในระยะเวลาที่กำหนด วิธีนี้ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องสมัครรับข้อมูลจนกว่าคุณจะแน่ใจว่าคุณพอใจกับบริการจริง ๆ
  • VPN ที่คุณภาพต่ำนั้นจะมีเซิร์ฟเวอร์และที่อยู่ IP ที่จำกัด บาง VPN นั้นจะมีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่มีขนาดเล็กหรือมีโครงสร้างพื้นฐานที่ล้าสมัย ถ้า VPN ไม่ทำการอัปเดตที่อยู่ IP และเซิร์ฟเวอร์ของพวกเขา คุณก็จะมีโอกาสที่จะต้องเจอปัญหาด้านการเชื่อมต่อและความสามารถที่จำกัด VPN ที่มีชื่อเสียง (อย่าง ExpressVPN) นั้นจะมีการอัปเดตเครือข่ายของพวกเขาอย่างสม่ำเสมอ
  • บางประเทศจะมีการจำกัดหรือแบนการใช้ VPN บางประเทศอย่างจีน, รัสเซีย และอิหร่านจะจำกัดหรือสั่งห้ามการใช้งาน VPN ดังนั้นมันจึงอาจมีความเสี่ยงหรือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายในการใช้งานมันในสถานที่เหล่านั้น ประเทศเหล่านี้มักจะบล็อกเว็บไซต์ VPN ทั้งหมด เราและทีมงานไม่สนับสนุนให้คุณใช้ VPN อย่างผิดกฎหมาย ดังนั้นอ่านกฎหมายในประเทศให้แน่ใจก่อน และใช้งาน VPN อย่างมีความรับผิดชอบ

เคล็ดลับในการเลือก VPN ที่เหมาะกับคุณ

คุณควรเลือก VPN ที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ VPN มีประโยชน์หลายอย่าง ดังนั้นคุณอาจต้องการฟีเจอร์ที่แตกต่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์ อย่างไรก็ตามไม่ว่าความต้องการของคุณคืออะไร คุณควรมองหา VPN ที่ให้การช่วยเหลือลูกค้าได้อย่างน่าเชื่อถือได้เสมอ (โดยเฉพาะบริการไลฟ์แชททุกวันตลอด 24 ชั่วโมง) นอกจากนั้น ตรวจสอบให้แน่ใจว่า VPN สามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์ทั้งหมดที่คุณต้องการและให้การเชื่อมต่อพร้อมกันมากพอที่จะใช้กับอุปกรณ์ทั้งหมดของคุณพร้อมกัน

ด้านล่างนี้คือการใช้งาน VPN และฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มากที่สุดสำหรับแต่ละกิจกรรม คุณสามารถใช้เกณฑ์ที่ระบุไว้เพื่อจำกัดตัวเลือกของคุณให้แคบลงและเลือก VPN ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

สิ่งที่ต้องมองหาใน VPN สำหรับสตรีมมิ่ง

เช่นเดียวกันกับกิจกรรมออนไลน์อื่น ๆ การสตรีมมิ่งและการเปิดดูเนื้อหาต่าง ๆ ของคุณก็จะไม่มีความเป็นส่วนตัวถ้าไม่ใช้ VPN อย่างไรก็ตาม บาง VPN นั้นจะทำให้คุณภาพการสตรีมของคุณตกลงด้วยการเชื่อมต่อที่ไม่เสถียรและความเร็วต่ำ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับสตรีมมิ่งนั้นจะช่วยให้คุณสามารถดูเนื้อหาในความชัดระดับ HD ได้อย่างมีความเสถียร (ถ้าความเร็วฐานของคุณรองรับ) โดยไม่ต้องเสียเวลาโหลดนานหรือมีการบัฟเฟอร์ใด ๆ

หากการสตรีมเป็นสิ่งที่คุณให้ความสำคัญ ให้มองหา VPN ที่มีฟีเจอร์ดังต่อไปนี้:

  • ความเร็วสูง — เป็นเรื่องปกติที่ VPN จะลดความเร็วของคุณเนื่องจากบริการมีการเข้ารหัสข้อมูล แต่ VPN สำหรับสตรีมมิ่งควรจะมีความเร็วที่มากกว่า 25 Mbps ซึ่งเป็นความเร็วขั้นต่ำที่จำเป็นสำหรับการสตรีมแบบ Ultra HD ความเร็วอย่างน้อย 5 Mbps นั้นเร็วพอสำหรับการสตรีมแบบ HD
  • เซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียงที่มีความเสถียร — คุณต้องใช้งานเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อให้สามารถสตรีมจากแพลตฟอร์มที่คุณสมัครได้ ตำแหน่งที่อยู่ภายใน 1000 กม. นั้นจะเหมาะสมที่สุดในแง่ของความเร็ว และจำนวนเซิร์ฟเวอร์ที่เยอะก็จะช่วยลดการแออัดที่จะทำให้ความเร็วตกลงได้
  • ความเข้ากันได้กับอุปกรณ์สตรีมมิ่ง — นอกจากจะใช้งานกับแล็ปท็อป, แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟนได้แล้ว คุณควรจะเลือก VPN ที่ใช้งานเข้ากันได้กับอุปกรณ์สำหรับเล่นสื่อโดยเฉพาะอย่างเช่น Apple TV, สมาร์ททีวี และ Amazon FireStick ด้วย Smart DNS นั้นเป็นฟีเจอร์ที่จะช่วยให้การสตรีมมิ่งบนเครื่องเล่นเกมและสมาร์ททีวีกลายเป็นเรื่องง่าย (เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้ไม่รองรับแอป VPN)
  • เซิร์ฟเวอร์พิเศษสำหรับสตรีมมิ่ง — VPN บางตัวนั้นจะทำให้การค้นหาเซิร์ฟเวอร์สำหรับสตรีมมิ่งนั้นเป็นง่ายเป็นพิเศษด้วยการระบุเอาไว้อย่างชัดเจน รวมถึงมีการบำรุงรักษาเซิร์ฟเวอร์สำหรับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่าง ๆ โดยเฉพาะ นี่จะมีประโยชน์เป็นพิเศษถ้าคุณยังเป็นมือใหม่ในการใช้ VPN หรือไม่ต้องการเสียเวลาไปกับการเลือกหาเซิร์ฟเวอร์

สิ่งที่ต้องมองหาใน VPN สำหรับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

VPN ที่มีฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่ยอดเยี่ยมเป็นสิ่งสำคัญหากคุณต้องการการปกป้องข้อมูลส่วนตัวของคุณเมื่อใช้งาน หากไม่มีการป้องกันที่เพียงพอ ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณจะปรากฏแก่ทุกคนที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลของคุณ รวมถึงแฮกเกอร์และอาชญากร

ฟีเจอร์เหล่านี้มีความสำคัญ หากคุณต้องการการปกป้องตัวตนของคุณ เนื่องจากบุคคลที่สาม เช่น ISP ของคุณสามารถเห็นกิจกรรมที่คุณทำและรวบรวมข้อมูลนั้นได้อย่างง่ายดาย

หากความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญของคุณ ให้เลือก VPN ที่มีฟีเจอร์ดังต่อไปนี้:

  • การเข้ารหัสระดับทหาร ซึ่งรวมถึงการเข้ารหัส AES-128 หรือ 256-bit ซึ่งเป็นมาตรฐานการเข้ารหัสที่แข็งแกร่งที่สุด ทั้งสองตัวเลือกนี้ไม่สามารถถูกเจาะผ่านได้และถูกใช้โดยหน่วยงานด้านความปลอดภัยชั้นนำ แต่ 256-bit นั้นแข็งแกร่งที่สุด
  • นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน ช่วยให้แน่ใจว่ากิจกรรมการใช้งานของคุณจะไม่ถูกบันทึกโดย VPN ของคุณ ช่วยปกป้องกิจกรรมของคุณได้ดียิ่งขึ้น VPN บางบริการอ้างว่า "ไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน” แต่ได้รับการพิสูจน์แล้วในอดีตว่าไม่ทำตามนั้นจริง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเลือก VPN ที่มีนโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่ได้รับการตรวจสอบและยืนยันแล้วว่าเชื่อถือได้
  • โปรโตคอลขั้นสูง สิ่งเหล่านี้ช่วยให้คุณปรับแต่งการเชื่อมต่อของคุณ ดังนั้นคุณสามารถเพิ่มหรือลดการรักษาความปลอดภัยตามที่ต้องการได้ โปรโตคอลที่ปลอดภัยที่สุด ได้แก่ OpenVPN, WireGuard และ IKEv2
  • Kill switch ฟีเจอร์นี้ป้องกันการเปิดเผยข้อมูลของคุณโดยไม่ได้ตั้งใจหาก VPN ของคุณยุติการเชื่อมต่อกะทันหัน เรียกง่าย ๆ ก็คือมันเป็นมาตรการป้องกันด่านสุดท้ายของคุณหาก VPN ของคุณทำงานผิดปกติ นอกจากนี้ยังปกป้องการเชื่อมต่อของคุณเมื่อคุณเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์อีกด้วย
  • การป้องกัน WiFi VPN บางตัวนั้นจะเชื่อมต่อโดยอัตโนมัติเมื่อมันตรวจพบเครือข่าย WiFi สาธารณะ หรือไม่ก็จะส่งข้อความแจ้งเตือนคุณเกี่ยวกับเครือข่ายที่ไม่ปลอดภัย นี่จะช่วยให้คุณสามารถใช้งานบนเครือข่ายสาธารณะได้อย่างปลอดภัย ดังนั้นมันจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ถ้าคุณคิดจะใช้อินเทอร์เน็ตข้างนอกบ้านของคุณ
  • การป้องกันการรั่วไหลของ DNS/IP คำขอ DNS และหมายเลข IP ของคุณอาจถูกเปิดเผยได้ตลอดเวลา ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานผิดพลาดในซอฟต์แวร์ VPN แต่ VPN ที่ดีควรจะช่วยป้องกันการรั่วไหลของ DNS/IP ด้วยฟีเจอร์การป้องกันการรั่วไหลในตัว
Screenshot of ExpressVPN passing leak tests connected to New York serverVPN ที่มีความปลอดภัยจะไม่เปิดเผยตำแหน่งของคุณผ่านที่อยู่ IP

สิ่งที่ต้องมองหาใน VPN สำหรับทอร์เรนต์

การทอร์เรนต์มีความเสี่ยงอย่างมากเนื่องจากคุณกำลังแชร์ไฟล์กับคนแปลกหน้าจำนวนมาก ซึ่งสามารถระบุหมายเลข IP ของคุณผ่านซอฟต์แวร์ P2P ที่คุณใช้ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น คุณต้องใช้ VPN สำหรับทอร์เรนต์เพื่อซ่อนหมายเลข IP จริงของคุณ เพื่อให้ไม่มีใครสามารถติดตามหมายเลข IP กลับมาหาคุณได้

โปรดทราบว่าการใช้ VPN เพื่อซ่อนกิจกรรมการทอร์เรนต์ของคุณไม่ได้ทำให้การดาวน์โหลดเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์นั้นถูกกฎหมาย คุณไม่ควรฝ่าฝืนกฎหมายใด ๆ ในบางกรณี ISP ของคุณอาจตั้งค่าสถานะไม่ปลอดภัยแก่คุณได้ แม้ว่าคุณจะดาวน์โหลดไฟล์ที่ถูกกฎหมายก็ตาม ในกรณีนั้นการใช้ VPN จะป้องกันไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้น

Graphic showing CyberGhost with uTorrentVPN ที่ให้คุณสามารถทอร์เรนต์ได้จะช่วยให้คุณปลอดภัยจากการถูกโจมตีโดยมัลแวร์

หากการทอร์เรนต์เป็นสิ่งที่คุณให้ความสำคัญ ให้มองหา VPN ที่มีฟีเจอร์ดังต่อไปนี้:

  • รองรับการทอร์เรนต์และ P2P คุณควรใช้บริการ VPN ที่มีเซิร์ฟเวอร์สำหรับ P2P หรือเซิร์ฟเวอร์ที่อนุญาติให้ P2P บนเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด คุณจะสามารถทอร์เรนต์ได้โดยไม่มีข้อจำกัดใด ๆ บนไคลเอนต์ P2P เช่น uTorrent และเว็บไซต์อย่าง Popcorn Time
  • ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงการเข้ารหัสระดับทหาร โปรโตคอลขั้นสูงและ Kill switch ซึ่งทั้งหมดนี้จะปกป้องข้อมูลของคุณในขณะที่ทอร์เรนต์
  • ความเร็วสูง ความเร็วในการอัพโหลดและดาวน์โหลดที่รวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทอร์เรนต์ ดังนั้นคุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า VPN ของคุณมีแบนด์วิดท์ไม่จำกัดและมีเซิร์ฟเวอร์มากมายอยู่ใกล้ตำแหน่งจริงของคุณเพื่อให้มีความเร็วในการดาวน์โหลดที่เร็วขึ้น
  • นโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน สิ่งนี้ทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ให้บริการ VPN ของคุณให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของคุณและจะไม่บันทึกกิจกรรมการทอร์เรนต์ของคุณด้วยเช่นกัน
  • Split tunneling นี่เป็นฟีเจอร์พิเศษที่ VPN ให้คุณเลือกได้ว่าจะให้แอปใดใช้การเชื่อมต่อ VPN การเลือกการเชื่อมต่อ VPN เฉพาะกับซอฟต์แวร์ทอร์เรนต์จะสามารถช่วยเพิ่มความเร็วได้เนื่องจากแอปจะไม่เข้ารหัสทุกอย่างบนอุปกรณ์ของคุณ
  • ฟีเจอร์พิเศษสำหรับการทอร์เรนต์ VPN บางบริการมาพร้อมกับฟีเจอร์พิเศษที่ช่วยให้คุณเพิ่มความเร็วการทอร์เรนต์ของคุณได้ เช่น Port Forwarding หรือการเข้าถึงพร็อกซี SOCKS5 ฟีเจอร์ Port Forwarding จะช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับ seeders จำนวนมากขึ้นเพื่อความเร็วที่ดีขึ้น ในขณะที่ SOCKS5 จะซ่อนหมายเลข IP ของคุณ แต่ใช้การเข้ารหัสน้อยกว่า อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ไม่ปลอดภัยเท่ากับการใช้การเชื่อมต่อ VPN ปกติ

3 VPN ที่ดีที่สุดสำหรับมือใหม่ใน 2024

1. ExpressVPN — VPN อเนกประสงค์ที่มีความเร็วสูงและมีการเชื่อมต่อที่เสถียร

  • การเข้ารหัส AES-256 และนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานจะช่วยให้คุณใช้งานได้อย่างปลอดภัย
  • เซิร์ฟเวอร์มากกว่า 160 เซิร์ฟเวอร์ในมากกว่า 90 ประเทศรวมถึง ประเทศไทย
  • เชื่อมต่อพร้อมกัน8อุปกรณ์
  • ใช้งานได้กับ Netflix, Disney+, HBO Max, Hulu, Amazon Prime Video, BBC iPlayer และอื่น ๆ
  • สามารถใช้งานได้กับ: Windows, Mac, iOS, Android, Linux, routers, Apple TV และอื่น ๆ อีกมากมาย
  • แอปมือถือและเดกส์ทอปในภาษาไทย
  • ไลฟ์แชทในภาษาไทยที่ให้บริการโดยเครื่องมือแปลภาษาอัตโนมัติ

ExpressVPN นั้นเป็นหนึ่งใน VPN ที่ดีที่สุดเนื่องจากมันมีความเร็วที่น่าประทับใจ, แอปที่ใช้งานง่าย และความปลอดภัยที่แน่นหนา มันเป็นหนึ่งใน VPN ที่มีความเสถียรที่สุดที่เราได้ทำการทดสอบมาสำหรับทุกกิจกรรมออนไลน์ไม่ว่าจะเป็นการสตรีมมิ่ง, เล่นเกม หรือโหลดบิทก็ตาม

Screenshots of ExpressVPN's speed testsExpressVPN มีความเร็วสูงอย่างสม่ำเสมอ — ไม่เคยมีการที่ความเร็วตกกะทันหันเลย

เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ExpressVPN มีการเข้ารหัสระดับเดียวกับทางการทหาร Kill switch การป้องกันการรั่วไหลของ DNS/IP และนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่ได้รับตรวจสอบแล้ว การเข้ารหัสระดับเดียวกับทางการทหารทำให้ไม่มีใครสามารถสกัดกั้นการเชื่อมต่อของคุณได้ ในขณะที่ Kill switch และการป้องกันการรั่วไหลช่วยให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลของคุณจะไม่ถูกเปิดเผยโดยไม่ได้ตั้งใจและด้วยการปฏิบัติตามนโยบายการไม่บันทึกที่ได้รับตรวจสอบและยืนยันแล้วอย่างเคร่งครัด จะช่วยให้ไม่มีใครสามารถเห็นกิจกรรมของคุณได้ ยิ่งไปกว่านั้นที่ตั้งของบริการยังอยู่ในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน ซึ่งหมายความว่าบริการไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาข้อมูลใด ๆ

ExpressVPN นั้นยังใช้งานได้กับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งส่วนใหญ่อีกด้วย ทีมงานที่อยู่ทั่วโลกของเรานั้นได้ทำการทดสอบมันด้วยการสตรีมมิ่งบนแพลตฟอร์มที่เปิดให้บริการในพื้นที่ของแต่ละคน และผลลัพธ์ของมันก็น่าประทับใจมาก มันสามารถใช้งานได้กับ Netflix ใน 15+ ประเทศ (ซึ่งรวมถึง สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, แคนาดา และญี่ปุ่น), Disney+, Hulu, BBC iPlayer, Max และอื่น ๆ

ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของ ExpressVPN คือแผนบริการค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับ VPN อื่น ๆ  ซึ่งมีราคาเริ่มต้นที่ $6.67/เดือน อย่างไรก็ตามบริการนำเสนอทางเลือกให้คุณประหยัดเงินอยู่เสมอ ฉันยังได้รับบริการฟรี 2 เดือนแรกเมื่อสมัครใช้งานอีกด้วย

ถ้าคุณยังไม่แน่ใจคุณก็สามารถ ทดลองใช้งาน ExpressVPN ได้อย่างปลอดภัยเพราะบริการมีการรับประกันคืนเงิน 30 วัน ฉันทดสอบนโยบายนี้โดยการขอยกเลิกบริการผ่านไลฟ์แชทตลอด 24 ชั่วโมง หลังจากที่ฉันบอกพวกเขาว่าบริการนั้นไม่ตอบโจทย์ของฉัน พวกเขาดำเนินการตามคำขอของฉันทันทีโดยไม่มีคำถามอื่น ๆ และฉันได้รับเงินคืนเต็มจำนวนหลังจาก 4 วันทำการ

ส่วนลด ExpressVPNกรกฎาคม 2024: มีเวลาจำกัด คุณสามารถรับส่วนลด ExpressVPNได้มากถึง49% ! อย่าพลาดข้อเสนอสุดพิเศษ!

2. CyberGhost — ใช้งานง่ายเพราะมีเซิร์ฟเวอร์พิเศษรองรับสำหรับแต่ละกิจกรรมโดยเฉพาะ

  • ความเร็วสูง
  • เซิร์ฟเวอร์มากกว่า 11,690 เซิร์ฟเวอร์ใน100 ประเทศ (มีเซิร์ฟเวอร์ในกรุงเทพ)
  • เชื่อมต่อพร้อมกัน7อุปกรณ์
  • ใช้งานได้กับ Netflix, Disney+, HBO Max, Hulu, Amazon Prime Video, BBC iPlayer และอื่น ๆ
  • สามารถใช้งานได้กับ: Windows, Mac, iOS, Android, Linux, routers, Apple TV และอื่น ๆ อีกมากมาย
  • แอปมือถือและเดกส์ทอปในภาษาไทย

เซิร์ฟเวอร์พิเศษมากมายของ CyberGhost นั้นจะช่วยให้คุณค้นหาและใช้งานการเชื่อมต่อที่ดีที่สุดได้อย่างง่ายดาย เซิร์ฟเวอร์สตรีมมิ่งของมันนั้นถูกออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานได้กับแพลตฟอร์มต่าง ๆ อย่างเช่น Netflix และ Hulu ในขณะที่เซิร์ฟเวอร์เล่นเกมและโหลดบิทนั้นถูกสร้างมาเพื่อให้มีความเร็วสูงและความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง พวกมันจะถูกระบุเอาไว้อย่างชัดเจนเพื่อให้ค้นหาได้ง่าย ดังนั้นคุณจึงสามารถใช้งานมันได้อย่างไม่มีปัญหา

เซิร์ฟเวอร์พิเศษเหล่านี้นั้นทำให้ CyberGhost เป็นหนึ่งใน VPN สำหรับสตรีมมิ่งที่ดีที่สุดอีกด้วย ในขณะที่ทดสอบเซิร์ฟเวอร์ที่สหรัฐอเมริกาจากในสหรัฐอเมริกานั้น แต่ละเซิร์ฟเวอร์ก็ทำงานได้อย่างมีความเสถียรสำหรับแพลตฟอร์มของมัน เรามักจะใช้งาน CyberGhost อยู่เป็นประจำเพื่อทำการสตรีมดู Netflix สหรัฐอเมริกา, Hulu, และ Disney+ จากที่อยู่ของเราในสหรัฐอเมริกา เราไม่เคยเจอปัญหาจากการใช้งานเว็บไซต์เหล่านี้ด้วยเซิร์ฟเวอร์พิเศษของมันเลย

ในด้านความเป็นส่วนตัว CyberGhost จะซ่อนข้อมูลส่วนบุคคลของคุณด้วยการเข้ารหัส AES-256 bit และปกป้องข้อมูลนั้นเพิ่มเติมด้วยนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน การเข้ารหัสระดับเดียวกับทางการทหารจะทำให้ข้อมูลของคุณไม่สามารถอ่านได้ ในขณะที่นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการทำงานจะหยุดบริการจากการบันทึกพฤติกรรมของคุณ นอกจากนี้สำนักงานใหญ่ของ CyberGhost ยังตั้งอยู่ในโรมาเนีย ซึ่งเป็นประเทศที่เป็นมิตรต่อความเป็นส่วนตัวโดยไม่มีกฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาข้อมูลใด ๆ

ข้อเสียอย่างหนึ่งคือแผนระยะสั้นมีราคาแพงและมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินที่สั้นกว่าบริการ (14 วันเทียบกับ45 วัน) อย่างไรก็ตามแผนระยะยาวนั้นมีราคาถูกกว่า คุณสามารถซื้อบริการได้ในราคาเพียง $2.19/เดือน

นอกจากนี้การรับประกันคืนเงินยังช่วยให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับเงินคืนเต็มจำนวน หากคุณไม่พอใจกับบริการของ CyberGhost เพื่อดูว่านโยบายเชื่อถือได้หรือไม่ ฉันใช้บริการไลฟ์แชทตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อยกเลิกบริการและมันทำได่อย่างง่ายดาย ตัวแทนถามคำถามเกี่ยวกับประสบการณ์ของฉันก่อนที่พวกเขาจะอนุมัติการยกเลิกบริการและฉันได้รับเงินคืนทั้งหมดหลังจาก 4 วันทำการ

3. Private Internet Access — ความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยมพร้อมฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ปรับแต่งได้

  • การเข้ารหัส AES-128 หรือ 256-bit และโปรโตคอลขั้นสูง
  • เซิร์ฟเวอร์มากกว่า 29,650 เซิร์ฟเวอร์ใน 91 ประเทศ
  • เชื่อมต่อได้พร้อมกัน ไม่จำกัด อุปกรณ์
  • ใช้งานได้กับ Netflix, Disney+, HBO Max, Hulu, Amazon Prime Video, BBC iPlayer และอื่น ๆ
  • สามารถใช้งานได้กับ: Windows, Mac, iOS, Android, Linux, routers, Apple TV และอื่น ๆ อีกมากมาย
  • แอปมือถือและเดกส์ทอปในภาษาไทย

ฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัยที่ปรับแต่งได้ของ Private Internet Access (PIA) ทำให้บริการนี้เป็น VPN ที่แข็งแกร่งสำหรับการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว คุณสามารถเลือกระหว่างการเข้ารหัส AES 128 และ 256-bit และมีโปรโตคอลที่ปลอดภัยที่สุดหลายตัวให้เลือกใช้ ตัวเลือกนี้ยอดเยี่ยมเพราะช่วยให้คุณพบจุดสมดุลที่เหมาะสมระหว่างความเร็วและความปลอดภัย เมื่อฉันทดสอบเซิร์ฟเวอร์ในอเมริกาบน ipleak.net และไม่พบการรั่วไหลของ IP ซึ่งหมายความว่าการป้องกันการรั่วไหลของ IP/DNS ของ PIA ใช้งานได้จริง นอกจากนี้ยังเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการทอร์เรนต์อย่างปลอดภัยอีกด้วย

Screenshot of PIA's app showing server latencyแอปของ PIA นั้นเป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน — เราสามารถเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่มีความเร็วสูงได้ภายในไม่ถึงนาที

Private Internet Access (PIA) มีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่ใหญ่ที่สุด โดยมีมากถึง 29,650 การเชื่อมต่อทั่วโลก ระหว่างการทดสอบของเรา เราสามารถค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่มีความเร็วสูงได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ PIA ก็ยังมีการแสดงค่าเวลาแฝงอยู่ข้าง ๆ แต่ละเซิร์ฟเวอร์ด้วยซึ่งก็มีประโยชน์มากโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการเล่นเกมที่ลื่นไหล (ยิ่งค่าเวลาแฝงต่ำ ความเร็วที่คุณจะได้ก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น)

ข้อกังวลอย่างนึงของ PIA คือที่ตั้งอยู่ในอเมริกา ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของพันธมิตร 14 Eyes อย่างไรก็ตามนโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานได้รับการพิสูจน์แล้วใน 2 คดีในอดีตว่าบริการจะไม่แบ่งปันข้อมูลใด ๆ (แม้ว่ารัฐบาลจะขอข้อมูลก็ตาม) เนื่องจาก PIA ปฏิบัติตามนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน ซึ่งหมายความว่าความเป็นส่วนตัวของคุณปลอดภัย

เมื่อดูจากแผนแล้ว ฉันพบว่าแผนระยะยาวของบริการมีความคุ้มค่าสูงสุดในราคา $2.19/เดือน แผนระยะสั้นนำเสนอฟีเจอร์เหมือนกัน แต่แผนระยะยาวช่วยให้คุณประหยัดได้มากกว่า

นอกจากนี้ยังมีการรับประกันคืนเงิน  30 วัน ดังนั้นคุณจึงสามารถ ทดสอบ PIA ฟรีได้อย่างเต็มที่ ฉันขอให้ตัวแทนยกเลิกบริการของฉันเมื่อทดสอบเสร็จแล้ว หลังจากที่ฉันให้เหตุผลในการยกเลิก ฉันได้รับเงินคืนหลังจาก 4 วันทำการ

วิธีติดตั้ง VPN บนอุปกรณ์ของคุณ

การดาวน์โหลดและติดตั้ง VPN นั้นทำได้ง่ายมาก โดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลาไม่ถึง 3 นาที คุณแค่ต้องสร้างบัญชีผู้ใช้ ดาวน์โหลดแอปและเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ แต่สำหรับอุปกรณ์ที่ไม่รองรับแอป เช่น เราเตอร์ในบ้าน เกมคอนโซล หรืออุปกรณ์สตรีมอาจติดตั้งได้ยุ่งยากขึ้นเล็กน้อย

ไม่ว่าคุณจะใช้งานบนอุปกรณ์ใด VPN ที่ฉันแนะนำก็คือ ExpressVPN เพราะบริการนี้สามารถใช้งานได้ในหลายอุปกรณ์ บริการสามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการมากมาย (และใช้งานได้ง่ายกับทุกอุปกรณ์) นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์พิเศษอย่าง MediaStreamer ที่ทำให้การตั้งค่าบนอุปกรณ์ที่ไม่รองรับแอป VPN เช่น คอนโซลเกมและสมาร์ททีวี ทำได้ง่ายขึ้นอย่างมาก

วิธีใช้บริการ VPN บน เดสก์ท็อปและแล็ปท็อป (Windows & macOS)

  1. เลือก VPN VPN ทั้งหมดที่เรานำเสนอในรายการด้านบนนั้นต่างก็เป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับทำกิจกรรมต่าง ๆ ทางออนไลน์ แต่คุณควรจะเลือกให้เหมาะกับการใช้งานของคุณ เราแนะนำ ExpressVPN — มันมีความเร็วสูงที่สุดและมีเซิร์ฟเวอร์ที่เสถียรที่สุด นอกจากนี้ยังสมัครใช้งานง่ายอีกด้วย

    Screenshot of ExpressVPN sign up pageเราแนะนำ ExpressVPN — มันมีความเร็วสูงที่สุดและมีเซิร์ฟเวอร์ที่เสถียรที่สุด นอกจากนี้ยังสมัครใช้งานง่ายอีกด้วย

  2. สมัครใช้งาน ไปที่เว็บไซต์ของ VPN และสมัครใช้งาน ExpressVPN นั้นเปิดให้คุณจ่ายค่าบริการด้วยเงินสกุลดิจิทัลได้ด้วย ดังนั้นคุณจึงสามารถจ่ายเงินแบบไม่เปิดเผยตัวตนได้

    Screenshot of ExpressVPN's payment method optionsExpressVPN นั้นเปิดให้คุณจ่ายค่าบริการด้วยเงินสกุลดิจิทัลได้ด้วย ดังนั้นคุณจึงสามารถจ่ายเงินแบบไม่เปิดเผยตัวตนได้

  3. ดาวน์โหลดแอป ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณเลือกระบบปฏิบัติการถูกต้อง (Windows, Mac, Linux) VPN ที่ดีนั้นมักจะใช้งานได้กับหลาย ๆ อุปกรณ์ยอดนิยม

    Screenshot of ExpressVPN's download pageVPN ที่ดีนั้นมักจะใช้งานได้กับหลาย ๆ อุปกรณ์ยอดนิยม

  4. ทำตามขั้นตอนการติดตั้ง คุณจะต้องทำการล็อกอินโดยใช้บัญชีที่คุณสมัครใช้งานมาในก่อนหน้านี้ เรื่องที่ VPN ส่วนใหญ่มักจะถามเหมือน ๆ กันก็คือว่าคุณต้องการให้มันเปิดใช้งานตอนที่คุณเปิดเครื่องและแบ่งปันรายงานความผิดพลาดหรือไม่ เลือกการตั้งค่าตามที่คุณต้องการ และการติดตั้งก็ควรจะเสร็จสมบูรณ์ คุณอาจจะต้องใช้โค้ดสำหรับเปิดใช้งาน ซึ่งคุณมักจะได้รับด้วยการล็อกอินไปยังเว็บไซต์ VPN

    Screenshot of ExpressVPN's setup optionsคุณอาจจะต้องใช้โค้ดสำหรับเปิดใช้งาน ซึ่งคุณมักจะได้รับด้วยการล็อกอินไปยังเว็บไซต์ VPN

  5. เริ่มใช้งาน VPN ของคุณ โหลดแอปและเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัว, ใช้แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งในประเทศ และโหลดบิทอย่างปลอดภัย

    Screenshot of connecting to ExpresVPN's London serverVPN อย่าง ExpressVPN นั้นจะมีฟีเจอร์ตำแหน่งอัจฉริยะซึ่งจะทำการเชื่อมต่อคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่เร็วที่สุดโดยอัตโนมัติ

คุณยังสามารถติดตั้ง VPN ชั้นนำของเราได้บนหลากหลาย Linux distribution อีกด้วย ในกรณีส่วนใหญ่ คุณจะต้องใช้ command-line เพื่อติดตั้งและเปิดใช้งาน VPN อย่างไรก็ตาม PIA นั้นมีส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้สำหรับ Linux รองรับ distribution ยอดนิยมอย่าง Ubuntu, Debian, Fedora และอื่น ๆ คุณสามารถติดตั้งและใช้งาน VPN ได้โดยที่ไม่ต้องยุ่งกับ command-line ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ง่ายที่สุดสำหรับ Linux

วิธีติดตั้ง VPN บนสมาร์ทโฟน (Android และ iOS)

  1. เลือก VPN ฉันขอแนะนำแอปที่มีขนาดเล็กและมีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ช่วยรักษาอายุการใช้งานแบตเตอรี่ โปรโตคอล Lightway ของ ExpressVPN ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงโทรศัพท์เป็นหลัก ดังนั้นจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
  2. สมัครใช้บริการ VPN  ทางที่ดีที่สุดคุณควรสมัครใช้บริการโดยตรงผ่านเว็บไซต์ VPN การลงทะเบียนผ่าน Google Play หรือ Apple App Store อาจทำให้คุณถูกตัดสิทธิ์จากการรับประกันคืนเงิน (จากนั้นคุณต้องปฏิบัติตามนโยบายการคืนเงินของ Google/Apple)
  3. ไปที่ App Store ค้นหา VPN ใน App Store บนโทรศัพท์ของคุณและดาวน์โหลดแอป
  4. ติดตั้งแอปพลิเคชั่น VPN มันมักจะเป็นไปโดยอัตโนมัติ แต่คุณอาจต้องคลิกที่กล่องข้อความแจ้งสองสามครั้งเพื่อให้ VPN แก้ไขการตั้งค่าเครือข่ายของคุณ
  5. เปิด VPN ของคุณ เปิดแอป เข้าสู่ระบบด้วยข้อมูลประจำตัวที่คุณได้รับระหว่างการสมัครและเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์เพื่อปกป้องอุปกรณ์ iPhone หรือ Android ของคุณ

วิธีติดตั้ง VPN บนเราท์เตอร์ของคุณ

การติดตั้ง VPN บนเราเตอร์ที่บ้านของคุณจะเชื่อมต่ออุปกรณ์ทั้งหมดของคุณบนกับเครือข่าย VPN ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์ที่ไม่รองรับ VPN เช่น สมาร์ททีวี อุปกรณ์สตรีมมิ่ง หรือคอนโซล PlayStation และ Xbox

หากคุณต้องการทำเช่นนี้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเราเตอร์ของคุณรองรับ VPN (ASUS, Linksys และ Netgear ส่วนใหญ่ใช้งานได้ แต่มีรุ่นอื่น ๆ ที่ใช้งานได้ด้วยเช่นกัน) การติดตั้ง VPN บนเราเตอร์แต่ละรุ่นจะมีคำแนะนำในการติดตั้งที่แตกต่างกัน แต่คุณจะพบรายละเอียดเหล่านี้ได้ในเว็บไซต์ของผู้ให้บริการ VPN ของคุณ

นี่คือคำแนะนำทั่วไป:

  1. ใช้ VPN ใช้งานได้กับเราท์เตอร์ หากคุณแน่ใจว่าต้องการติดตั้ง VPN บนเราเตอร์ของคุณ ให้เลือก VPN ที่มีแอปสำหรับเราท์เตอร์ มันจะช่วยให้การติดตั้งและกำหนดค่าง่ายขึ้นมาก
  2. ดาวน์โหลดเฟิร์มแวร์ VPN โดยปกติจะอยู่ในแดชบอร์ดของหน้าบัญชี VPN ของคุณ VPN แต่ละบริการจะมีคำแนะนำโดยละเอียดที่แสดงวิธีดาวน์โหลดและติดตั้งเฟิร์มแวร์
  3. ติดตั้งเฟิร์มแวร์ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเราเตอร์ของคุณเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต จากนั้นเปิดหน้าการกำหนดค่าเราท์เตอร์โดยพิมพ์ "192.168.1.1” ในแถบค้นหาของเบราว์เซอร์ คุณจะเจอกับตัวเลือกให้ "อัพเกรดเฟิร์มแวร์” อัปโหลดเฟิร์มแวร์ที่คุณดาวน์โหลด ทำตามคำแนะนำ เท่านี้ก็เรียบร้อย

VPN ส่วนใหญ่ยังมีเราท์เตอร์ที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ VPN ไว้แล้ว ดังนั้นหากคุณต้องการข้ามการตั้งค่า (มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม) คุณสามารถซื้อกับบริการได้ นอกจากนี้ VPN บางบริการยังสามารถใช้งานบนเราท์เตอร์ได้ง่ายกว่าบริการอื่น ๆ ExpressVPN มีแอปสำหรับเราท์เตอร์ ทำให้ง่ายต่อการเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์และการตั้งค่า VPN จากบริการอื่น ๆ ให้คุณตั้งค่าและสลับเซิร์ฟเวอร์ด้วยตนเอง (และไม่มีฟีเจอร์ให้มากเท่ากับแอป VPN ที่นำเสนอ)

วิธีติดตั้ง VPN และใช้งาน

เมื่อคุณติดตั้ง VPN บนอุปกรณ์ของคุณแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องทำมากนอกจากค้นหาเซิร์ฟเวอร์และเชื่อมต่อ แต่บางเซิร์ฟเวอร์อาจจะดีกว่าเซิร์ฟเวอร์อื่น ๆ ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ ดังนั้นการรู้วิธีค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญ

คุณยังสามารถปรับแต่งการตั้งค่าความปลอดภัยของคุณเพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของคุณได้ แต่โดยปกติแล้วมันไม่จำเป็นเลย เพราะ VPN ส่วนใหญ่มาพร้อมกับการตั้งค่าที่กำหนดไว้ล่วงหน้าซึ่งจะรักษาความปลอดภัยให้กับการเชื่อมต่อของคุณโดยอัตโนมัติ

วิธีเลือกเซิร์ฟเวอร์ VPN ที่เหมาะสม

เซิร์ฟเวอร์บางเซิร์ฟเวอร์ให้บริการได้ดีไม่เท่ากัน เนื่องจากบางเซิร์ฟเวอร์เหมาะสำหรับกิจกรรมบางอย่างมากกว่าเซิร์ฟเวอร์อื่น ๆ นี่คือตัวอย่างบางส่วนที่จะช่วยคุณเลือกเซิร์ฟเวอร์ VPN ที่ดีที่สุด โดยขึ้นอยู่กับกิจกรรมของคุณ:

  • เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว: ทุกเซิร์ฟเวอร์จะให้ความเป็นส่วนตัวและการป้องกันความปลอดภัยในระดับเดียวกัน ดังนั้นตัวเลือกที่ดีที่สุดคือ เซิร์ฟเวอร์ที่ใกล้กับตำแหน่งของคุณมากที่สุด เพื่อเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพสูงสุด
  • สำหรับสตรีมมิ่ง: เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ภายในพื้นที่ของคุณเพื่อทำการสตรีมแพลตฟอร์มที่คุณสมัครใช้งานอย่างปลอดภัย เพื่อให้ได้ความเร็วที่ดีที่สุด ควรเลือกตำแหน่งที่อยู่ใกล้คุณ (ภายใน 1000 กม. นั้นจะดีที่สุด)
  • สำหรับการทอร์เรนต์: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้เลือกเซิร์ฟเวอร์ที่อนุญาตให้ P2P เพื่อให้คุณสามารถดาวน์โหลดทอร์เรนต์ได้ อีกทางเลือกหนึ่งคือใช้เซิร์ฟเวอร์ที่ปรับให้เหมาะสมสำหรับ P2P เช่นเดียวกับการสตรีม คุณควรเลือกเซิร์ฟเวอร์ใกล้เคียงเพื่อให้มีความเร็วในการดาวน์โหลดที่เร็วที่สุดหรือหากคุณกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว ให้เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในประเทศที่เป็นมิตรต่อความเป็นส่วนตัว เช่น สวิตเซอร์แลนด์
  • สำหรับการหลีกเลี่ยงไฟร์วอลล์: เลือกเซิร์ฟเวอร์พรางการเชื่อมต่อ ซึ่งใช้อัลกอริธึมพิเศษเพื่อหลีกเลี่ยงไฟร์วอลล์และข้อจำกัดต่าง ๆ อัลกอริธึมนี้ทำให้ข้อมูลของคุณไม่สามารถอ่านได้เพื่อซ่อนการใช้ VPN เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้มักมีชื่อว่า "stealth" และมักจะต้องเปิดใช้งานภายใต้การตั้งค่าความปลอดภัยของ VPN

วิธีกำหนดการตั้งค่า VPN

โดยปกติแล้วคุณไม่จำเป็นต้องกำหนดการตั้งค่า VPN ของคุณ เนื่องจากบริการได้กำหนดค่าไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่ถ้าคุณต้องการปรับแต่งและปรับปรุงการเชื่อมต่อของคุณ คุณก็สามารถทำได้ นี่คือการตั้งค่าความปลอดภัยทั่วไปที่ VPN ส่วนใหญ่นำเสนอ:

  • Kill switch — ฟีเจอร์การป้องกันสุดท้ายที่จะตัดการเชื่อมต่อคุณจากอินเทอร์เน็ตหาก VPN ของคุณยุติการเชื่อมต่อ ป้องกันการรั่วไหลโดยไม่ได้ตั้งใจ มันมีประโยชน์อย่างยิ่งเมื่อคุณเปลี่ยนเครือข่ายหรือใช้ WiFi สาธารณะ โดยปกติฟีเจอร์นี้จะเปิดใช้งานอยู่แล้ว แต่ VPN บางของบริการต้องการให้คุณเปิดใช้งานด้วยตนเอง
  • โปรโตคอล — ชุดของกระบวนการเข้ารหัสที่ปลอดภัยระหว่างอุปกรณ์ของคุณและเซิร์ฟเวอร์ VPN บริการส่วนใหญ่มีโปรโตคอลหลายแบบให้เลือก ซึ่งแตกต่างกันทั้งในด้านความเร็วและความปลอดภัย
  • Split tunneling — ฟีเจอร์ที่สามารถช่วยในเรื่องความเร็วและประสิทธิภาพของอุปกรณ์ คุณสามารถได้เลือกว่าการรับส่งข้อมูลใดที่ต้องการส่งผ่าน VPN ของคุณและอะไรที่ไม่ต้องการ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถตั้งค่า VPN เพื่อเข้ารหัสการรับส่งข้อมูล Bittorrent ของคุณเท่านั้นและใช้การเชื่อมต่อปกติสำหรับอย่างอื่น
  • เครื่องมือบล็อกมัลแวร์/เครื่องมือติดตาม/โฆษณา — บล็อกโฆษณาบนเว็บไซต์และแอป รวมถึงโดเมนที่ทราบว่ามีเครื่องมือติดตามอยู่ในนั้น นอกจากนี้ยังสามารถตรวจจับไฟล์ที่มีมัลแวร์และเตือนคุณหากคุณพยายามดาวน์โหลดไฟล์นั้น

หากคุณต้องการความช่วยเหลือในการกำหนดการตั้งค่า คุณสามารถดูส่วนช่วยเหลือของ VPN หรือถามคำถามกับทีมงานได้โดยตรง VPN ส่วนใหญ่มีบทช่วยสอนและคำแนะนำทีละขั้นตอนบนเว็บไซต์เกี่ยวกับการเปลี่ยนการตั้งค่า

คำถามที่พบบ่อยทั่วไปเกี่ยวกับ VPN

VPN จำเป็นมากแค่ไหน VPN คุ้มค่ามากแค่ไหน

หากคุณเป็นผู้ที่มีความเป็นห่วงเกี่ยวกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวทางออนไลน์ VPN นั้นก็มีความคุ้มค่าสำหรับคุณอย่างแน่นอน เนื่องจาก VPN มีการเข้ารหัสการเชื่อมต่อของคุณ และทำการซ่อนที่อยู่ IP ของคุณ มันจะช่วยปกป้องข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนและหยุดไม่ให้บุคคลที่สามมาติดตามกิจกรรมออนไลน์ของคุณ เท่านี้ก็มีประโยชน์มาก ๆ แล้ว — คุณจะได้รับการปกป้องจากอาชญากรไซเบอร์และการสอดแนมของรัฐบาล ทำให้คุณสามารถท่องอินเทอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัยและมีอิสระ

แต่ไม่ใช่ทุกบริการ VPN ที่ปลอดภัยเหมือนกัน ดังนั้นคุณควรเลือกใช้ VPN ที่มีนโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่เข้มงวด ซึ่งจะช่วยป้องกันกิจกรรมของคุณจากการถูกบันทึกและรวบรวม ฉันแนะนำให้เลือก VPN ที่อยู่ในเขตอำนาจศาลที่เป็นมิตรต่อความเป็นส่วนตัว ตัวอย่างเช่น ExpressVPN ตั้งอยู่ในหมู่เกาะบริติชเวอร์จินและ CyberGhost ในโรมาเนีย ทั้งสองประเทศไม่มีกฎหมายว่าด้วยการเก็บรักษาข้อมูล ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่อาจกำหนดให้จัดเก็บข้อมูลของคุณ

ฉันสามารถใช้ VPN บนอุปกรณ์ใดได้บ้าง

คุณสามารถใช้ VPN ได้กับอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับ WiFi ได้ทุกชนิด รวมถึง

  • Mac
  • Windows
  • iPhone
  • Android
  • Linux
  • Smart TV
  • Roku
  • Amazon Fire Stick
  • Apple TV
  • Xbox
  • PlayStation
  • Kodi

หากอุปกรณ์ของคุณสามารถใช้แอป VPN เหมือนใน PC หรือสมาร์ทโฟนได้ คุณก็สามารถติดตั้งมันลงในอุปกรณ์ได้เลยโดยตรง มันใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีและคุณสามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ได้ด้วยคลิกเดียว คุณไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านเทคนิคใด ๆ VPN ส่วนใหญ่ให้คุณสามารถใช้งานได้บนอุปกรณ์หลายเครื่องพร้อมกันในสมาชิกบัญชีเดียว โดยไม่คำนึงถึงระบบปฏิบัติการ โดยปกติคุณจะได้รับอนุญาตให้เชื่อมต่ออุปกรณ์ 5-10 เครื่องขึ้นอยู่กับ VPN

ถ้าคุณใช้อุปกรณ์ที่ไม่รองรับแอป VPN คุณสามารถติดตั้ง VPN บนเราเตอร์หรือสร้างฮอตสปอต VPN จากคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลของคุณได้ การติดตั้ง VPN บนเราเตอร์ต้องใช้เวลาในการตั้งค่านิดหน่อย แต่ว่ามันจะช่วยปกป้องอุปกรณ์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อได้ การใช้คอมพิวเตอร์ของคุณเป็นฮอตสปอต VPN ยังช่วยปกป้องอุปกรณ์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อ แถมยังมีราคาถูกลงและตั้งค่าได้ง่ายขึ้นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม วิธีนี้อาจทำให้ความเร็วของคุณช้าลงเนื่องจากมีการเชื่อมต่ออุปกรณ์หลายเครื่อง และคุณต้องทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานตลอดเวลา

VPN จะช่วยรักษาสถานะการไม่เปิดเผยตัวตนบนโลกออนไลน์ให้คุณได้ไหม?

ถ้าตอบแบบสั้น ๆ ก็คือไม่ได้ VPN นั้นจะช่วยให้ความเป็นส่วนตัวกับคุณแต่ไม่ได้ปิดบังตัวตนของคุณอย่างสิ้นเชิง VPN จะซ่อนตำแหน่งและที่อยู่ IP ของคุณ รวมถึงและจัดสรรที่อยู่ใหม่ให้ มันจะช่วยปกป้องคุณจากอาชญากรไซเบอร์และการสอดแนมจากรัฐบาล/ISP เนื่องจากมันมีการเข้ารหัสระดับทหาร แต่บริษัท VPN นั้นก็จะยังสามารถเข้าถึงตำแหน่งที่อยู่ IP จริงและข้อมูลกิจกรรมออนไลน์ของคุณได้ — นี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และก็เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้เซิร์ฟเวอร์ทำงานได้

ด้วยเหตุนี้มันจึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณควรจะเลือก VPN ที่มีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่เข้มงวด เพื่อที่มันจะได้ไม่มีข้อมูลเก็บไว้ส่งต่อให้กับหน่วยงานรัฐบาลในกรณีที่ถูกบังคับ แต่เท่านี้มันยังไม่เพียงพอถ้าคุณต้องการการไม่เปิดเผยตัวตนอย่างสิ้นเชิง มันมีความเสี่ยงอยู่เสมอที่ข้อมูลส่วนตัวของคุณจะถูกแทรกแซง ถ้าเกิดปัญหาใด ๆ ขึ้นกับเซิร์ฟเวอร์ VPN โดยฝีมือของแฮ็กเกอร์, หน่วยงานรัฐบาล หรือพนักงานศูนย์ข้อมูลของบุคคลที่สาม แถม VPN ของคุณก็ยังต้องการที่อยู่อีเมลและข้อมูลการชำระเงินของคุณเพื่อใช้สร้างบัญชี, รับการชำระเงิน และคืนเงิน

อย่างไรก็ตาม มีบางวิธีที่สามารถปกป้องการไม่เปิดเผยตัวตนของคุณในขณะที่ใช้ VPN ได้ ยกตัวอย่างเช่น คุณสามารถจ่ายเงินให้ VPN ด้วยเงินสกุลดิจิทัลอย่าง Bitcoin เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องให้ข้อมูลการชำระเงินรวมถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนกับบริษัท VPN

คุณสามารถใช้การเชื่อมต่อแบบการสื่อสารแบบหลายฮอปได้ มันจะช่วยปกป้องข้อมูลส่วนตัวของคุณไม่ให้ถูกแทรกแซง ถึงแม้ว่าจะเกิดปัญหากับหนึ่งใน VPN ก็ตาม นี่ก็เพราะมันจะช่วยเพิ่มชั้นการเข้ารหัสและการปิดบัง IP ทำให้ผู้แทรกแซงไม่สามารถทำอะไรกับข้อมูลที่ได้ไป

ฉันควรใช้ VPN ฟรีหรือพรีเมี่ยมดี

แม้ว่า VPN ฟรีอาจดูเหมือนเป็นตัวเลือกที่ดี แต่มันก็อาจไม่ปลอดภัยและมาพร้อมกับข้อจำกัดที่ VPN พรีเมี่ยมไม่มี VPN พรีเมี่ยมไม่มีข้อจำกัดต่าง ๆ เช่น ข้อจำกัดข้อมูลหรือการจำกัดความเร็ว นอกจากนี้ VPN ฟรีมักจะมีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่เล็กกว่าmทำให้มีความเร็วที่ช้ากว่า เนื่องจากมีความแออัดการจากใช้งานจำนวนมากนอกจากนี้บริการเหล่านี้มักจะขาดฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูงที่นำเสนอใน VPN พรีเมี่ยม

VPN พรีเมี่ยมมักจะมีราคาไม่แพงและมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงิน คุณสามารถขอรับเงินคืนเต็มจำนวนได้อย่างง่ายดาย (ภายใน 30 วันหลังจากซื้อ) ด้วยเงินไม่กี่ดอลลาร์ต่อเดือน คุณจะได้รับความเร็วที่รวดเร็ว ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่แข็งแกร่งและเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ที่ VPN ฟรีไม่ได้นำเสนอ

การใช้ VPN ผิดกฎหมายหรือเปล่า

VPN นั้นถูกกฎหมายในหลายประเทศ แต่ก็มีข้อยกเว้นอยู่เหมือนกัน ประเทศที่มีกฎหมายเซ็นเซอร์ที่เข้มงวด เช่น จีน รัสเซียและอิหร่านได้ห้ามหรือจำกัดการใช้งาน VPN และอนุญาตให้ใช้เฉพาะ VPN ที่รัฐบาลอนุมัติซึ่งไม่ปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณ เนื่องจากคุณยังคงสามารถติดตามได้

นอกจากนี้มันก็ยังไม่ปลอดภัยที่จะใช้เซิร์ฟเวอร์ VPN ในประเทศเหล่านั้น อย่างไรก็ตาม VPN พรีเมียมบางรายนั้นมีเซิร์ฟเวอร์เสมือนสำหรับจีน, รัสเซีย และอินเดีย เซิร์ฟเวอร์เสมือนนั้นจะจัดสรรที่อยู่ IP สำหรับประเทศโดยที่ไม่ได้มาจากเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ที่นั่นจริง ๆ นั่นหมายความว่าพวกเขาจะไม่ตกเป็นส่วนหนึ่งของการสอดแนมข้อมูลในประเทศนั้น ๆ

ฉันควรใช้ VPN เราท์เตอร์ดีไหม

คุณควรซื้อเราเตอร์ VPN เพราะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องอุปกรณ์ทั้งหมดบนเครือข่ายในบ้านของคุณ ซึ่งหมายความว่าคุณไม่จำเป็นต้องติดตั้ง VPN ในแต่ละอุปกรณ์และเชื่อมต่อแยกกัน คุณสามารถติดตั้ง VPN บนเราเตอร์ที่มีอยู่ของคุณ (หากเข้ากันได้) หรือซื้อเราเตอร์ที่มี VPN ที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้าแล้ว

เราท์เตอร์ VPN มีประโยชน์อย่างยิ่งหากคุณใช้อุปกรณ์ที่ไม่สามารถใช้แอป VPN ได้ เช่น เกมคอนโซลและสมาร์ททีวี อย่างไรก็ตาม คุณจำเป็นต้องกำหนดค่าด้วยตัวเองเมื่อติดตั้ง VPN บนเราท์เตอร์ของคุณ เราท์เตอร์และ VPN แต่ละตัวจะมีวิธีการตั้งค่าที่แตกต่างกัน แต่ผู้ให้บริการ VPN มักจะมีคำแนะนำสำหรับสิ่งนี้นำเสนออยู่ในเว็บไซต์ ซึ่งทำให้กระบวนการนี้ง่ายขึ้นมาก

หากคุณต้องการเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ คุณจะต้องเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ในเฟิร์มแวร์เราท์เตอร์ด้วยตนเอง หรือ VPN บางตัว (เช่น ExpressVPN) มีแอปที่ช่วยให้คุณเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ได้ง่ายขึ้น

ฉันสามารถใช้ VPN กับ Tor ได้ไหม

ใช่ คุณสามารถใช้ VPN กับ Tor ได้และมันก็ทำได้ง่ายด้วย คุณแค่ต้องเชื่อมต่อกับ VPN เปิดเบราว์เซอร์ของ Tor และเริ่มใช้งานได้ตามปกติ ประโยชน์ของการรวม 2 อย่างเข้าด้วยกันคือความเป็นส่วนตัวที่เพิ่มขึ้น เพราะจะป้องกันไม่ให้เซิร์ฟเวอร์ Tor แรก (โหนดเข้า) เห็นหมายเลข IP จริงของคุณ แต่อย่าลืมว่าการใช้ VPN กับ Tor มักจะทำให้ความเร็วนั้นช้ากว่าการใช้ Tor โดยไม่มี VPN นี่เป็นเพราะ VPN เพิ่มการเข้ารหัสซึ่งทำให้ความเร็วช้าลง

VPN ต่างหากพร็อกซี่เซิร์ฟเวอร์อย่างไร

VPN นั้นจะแตกต่างจากพร็อกซี่เซิร์ฟเวอร์เพราะว่าพวกเขาจะใช้การเข้ารหัสระดับทหาร ในขณะที่พร็อกซี่เซิร์ฟเวอร์ไม่ได้ใช้ ทั้งคู่นั้นต่างก็มีการไม่เปิดเผยตัวตนในระดับหนึ่ง เนื่องจากมันจะช่วยปิดบังที่อยู่ IP จริงและแทนที่มันด้วยที่อยู่ใหม่ แต่มีเฉพาะ VPN เท่านั้นที่จะทำการเข้ารหัสข้อมูลของคุณและปกป้องคุณด้วยนโยบายการไม่บันทึกข้อมูล นี่หมายความว่าจะไม่มีใครมาดูได้ว่าคุณทำอะไรบนโลกออนไลน์ รวมถึง ISP ของคุณด้วย ในทางกลับกันพร็อกซี่เซิร์ฟเวอร์นั้นจะซ่อนที่อยู่ IP จริงของคุณแต่จะไม่มีการเข้ารหัสที่แข็งแกร่ง พร็อกซี่นั้นมักจะใช้งานได้เฉพาะกับเบราว์เซอร์เท่านั้นด้วย ในขณะที่ VPN จะปกป้องแอปทั้งหมดบนอุปกรณ์ของคุณที่ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้

ปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณได้เลยวันนี้

ในขณะที่อินเทอร์เน็ตเริ่มกลายมาเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของเรานั้น มาตรการความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวก็เริ่มมีความสำคัญขึ้นตาม VPN นั้นเป็นหนึ่งในวิธีการที่ไว้วางใจได้มากที่สุดซึ่งมีราคาคุ้มค่าสำหรับใช้ปกป้องข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของคุณบนโลกออนไลน์ มันยังสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกบล็อกบนเครือข่ายที่ถูกจำกัดในโรงเรียนและที่ทำงานได้ด้วย รวมถึงมันสามารถป้องกันการควบคุมแบนด์วิดท์ และช่วยให้คุณโหลดบิทได้อย่างปลอดภัย

จาก VPN มากกว่า 150 รายการที่ฉันและทีมได้ทำการทดสอบ ExpressVPN นั้นเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ไม่ว่าคุณจะมีประสบการณ์ใช้งาน VPN มาก่อนหรือไม่ บริการนี้ใช้งานได้ง่ายมาก แอปมีให้บริการในภาษาไทย มีความเร็วสูงและเป็นหนึ่งใน VPN ที่น่าเชื่อถือที่สุดที่ฉันได้ทดสอบ นอกจากนี้บริการยังมีการรับประกันคืนเงิน 30 วันเพื่อให้คุณสามารถทดลองใช้งาน ExpressVPN ได้อย่างปลอดภัย ถ้าคุณคิดว่าบริการนี้ไม่เหมาะกับคุณ คุณสามารถขอรับเงินคืนได้

เพื่อสรุป VPN ที่ดีที่สุดสำหรับมือใหม่ได้แก่:

อันดับ
ผู้ให้บริการ
คะแนนของเรา
ส่วนลด
ไปที่เว็บไซต์
1
medal
9.9 /10
9.9 คะแนนของเรา
ประหยัดถึง 49%!
2
9.7 /10
9.7 คะแนนของเรา
ประหยัดถึง 83%!
3
9.5 /10
9.5 คะแนนของเรา
ประหยัดถึง 82%!
การแจ้งเตือนความเป็นส่วนตัว!

ข้อมูลของคุณจะถูกเปิดเผยต่อเว็บไซต์ที่คุณเข้าชม!

หมายเลข IP ของคุณ:

ตำแหน่งของคุณ:

ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณ:

ข้อมูลข้างต้นสามารถใช้เพื่อติดตาม กำหนดเป้าหมายโฆษณาและติดตามกิจกรรมที่คุณทำบนอินเตอร์เน็ตได้

VPN สามารถช่วยคุณซ่อนข้อมูลเหล่านี้จากเว็บไซต์ เพื่อให้คุณได้รับการปกป้องตลอดเวลา เราขอแนะนำ ExpressVPN - VPN อันดับ #1 จากผู้ให้บริการกว่า 350 รายที่เราได้ทดสอบ มีการเข้ารหัสระดับทหารและฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวมากมายที่จะช่วยให้คุณมั่นใจในความปลอดภัยเมื่อใช้งานอินเตอร์เน็ต - นอกจากนี้ยังมีส่วนลดจาก 49% อีกด้วย

เข้าชมเว็บ ExpressVPN

พวกเราจัดอันดับผู้ให้บริการตามการทดสอบและการค้นคว้าอย่างเข้มงวด แต่ก็จะมีการคำนึงถึงความคิดเห็นของคุณและค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการด้วย ผู้ให้บริการบางรายนั้นจะมีบริษัทแม่แห่งเดียวกันกับพวกเรา
เรียนรู้เพิ่มเติม
vpnMentor ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 เพื่อจุดประสงค์ในการตรวจสอบบริการ VPN และวิจารณ์ด้านความเป็นส่วนตัว ในวันนี้ทีมนักวิจัย นักเขียนและบรรณาธิการด้านความปลอดภัยอินเตอร์เน็ตของเราหลายร้อยคนยังคงช่วยเหลือผู้อ่านต่อสู้เพื่ออิสรภาพทางออนไลน์โดยร่วมมือกับ Kape Technologies PLC ซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ต่อไปนี้: ExpressVPN, CyberGhost, ZenMate, Private Internet Access และ Intego ซึ่งอาจได้รับการวิจารณ์บนเว็บไซต์นี้ บทวิจารณ์ที่เผยแพร่บน vpnMentor เชื่อว่ามีความถูกต้อง ณ วันที่เผยแพร่แต่ละบทความและเขียนขึ้นตามมาตรฐานการตรวจสอบที่เข้มงวดของเรา ซึ่งจัดลำดับความสำคัญของการตรวจสอบผู้ตรวจสอบอย่างมืออาชีพและซื่อสัตย์ โดยคำนึงถึงความสามารถทางเทคนิคและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ร่วมกับมูลค่าทางการค้าสำหรับผู้ใช้ การจัดอันดับและบทวิจารณ์ที่เราเผยแพร่อาจคำนึงถึงความเป็นเจ้าของร่วมกันกับบริการที่กล่าวถึงข้างต้นและค่าคอมมิชชั่นพันธมิตรที่เราได้รับจากการซื้อผ่านลิงก์บนเว็บไซต์ของเรา เราไม่ได้ตรวจสอบผู้ให้บริการ VPN ทั้งหมดและเชื่อว่าข้อมูลที่จะมีความถูกต้อง ณ วันที่เผยแพร่แต่ละบทความ

เกี่ยวกับผู้เขียน

  • มุก
  • มุก บรรณาธิการอาวุโส

มุกเป็นผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยี เธอศึกษาด้านโลจิสติกการบินที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เธอชอบค้นคว้าและเรียนรู้วิธีเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและพฤติกรรมออนไลน์ให้ปลอดภัย

คุณชอบบทความนี้ไหม? โหวตให้คะแนนเลยสิ!
ฉันเกลียดมัน ฉันไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ พอใช้ได้ ค่อนข้างดี รักเลย!
เต็ม 10 - โหวตโดย ผู้ใช้งาน
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ

กรุณาแสดงความคิดเห็นว่าพวกเราสามารถพัฒนาบทความนี้ได้อย่างไร ความคิดเห็นของคุณมีค่าสำหรับเรา!

แสดงความคิดเห็น

ขออภัย แต่ช่องนี้ไม่รองรับลิงก์!

ชื่อจะต้องมีอย่างน้อย 3 ตัวอักษร

ช่องเนื้อหาจะต้องยาวไม่เกิน 80 ตัวอักษร

ขออภัย แต่ช่องนี้ไม่รองรับลิงก์!

กรุณากรอกที่อยู่อีเมลที่ถูกต้อง

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็น %%name%%!

พวกเราตรวจสอบความคิดเห็นทั้งหมดภายใน 48 ชั่วโมงเพื่อให้แน่ใจว่ามันเป็นของจริงและมีความเหมาะสม ในระหว่างนี้คุณสามารถแชร์บทความนี้ได้ตามใจชอบเลย