ปลดบล็อก VPN Netflix ในปี 2025
Netflix นั้นมีการพัฒนากลไกการบล็อก VPN อยู่อย่างสม่ำเสมอ VPN หลายรายที่เคยใช้งานได้ในอดีต อาจจะใช้งานเข้าถึงเนื้อหาในประเทศไม่ได้แล้วในปัจจุบัน หรือบางครั้งก็อาจจะเข้าถึงแพลตฟอร์มไม่ได้เลย นี่ทำให้การเข้าถึง Netflix ไทย นั้นกลายเป็นเรื่องยาก เวลาที่คุณอยู่ต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังมีวิธีง่าย ๆ ที่คุณสามารถใช้เพื่อหลบหลีกการบล็อก VPN ของ Netflix ได้อยู่
วิธีที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงการบล็อก VPN ของ Netflix ก็คือการเลือกใช้ VPN ที่ไม่มีปัญหาแบบนี้ แต่ถ้านั่นยังไม่ได้ผล ก็ยังมีอีกหลายวิธีให้คุณลองทำเพื่อแก้ไขปัญหา ซึ่งเราจะกล่าวถึงในด้านล่าง
คู่มือแบบเร็ว: วิธีการหลบหลีกการบล็อก VPN ของ Netflix ใน 3 ขั้นตอนง่าย ๆ
- เลือกรับบริการจาก VPN ที่มีความเสถียรสำหรับ Netflix
- เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ เลือกประเทศที่คุณต้องการเข้าถึง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณต้องการจะเข้าถึง Netflix ออสเตรเลีย ก็ให้เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ออสเตรเลีย
- หลบหลีกการบล็อก VPN ของ Netflix เปิด Netflix และเริ่มดูรายการโปรดของคุณได้เลย!
วิธีการปลดบล็อก VPN Netflix: คู่มือฉบับเดียวจบ
หาก Netflix ตรวจพบว่าคุณใช้ VPN คุณอาจจะเห็นรหัสข้อผิดพลาดต่าง ๆ ดังนี้ (M7037-1111 หรือ M7111-5059) และคุณจะถูกบล็อกไม่ให้เข้าถึงบริการเป็นเวลาชั่วคราว
ขออภัยสำหรับการขัดจังหวะ
เหมือนกำลังมีการใช้ตัวยกเลิกการบล็อก หรือพร็อกซี โปรดปิดหนึ่งในบริการเหล่านี้แล้วลองอีกครั้ง ไปที่ netflix.com/proxy เพื่อรับความช่วยเหลือเพิ่มเติม
รหัสข้อผิดพลาด: M7111-5059
หรืออาจจะเป็นไปได้ที่คุณจะไม่เจอข้อผิดพลาดเลย แต่เนื้อหาที่คุณดูได้นั้นจะมีแต่ Netflix Originals (รายการที่ดูได้ในทุกประเทศอยู่แล้ว)
อย่างไรก็ตาม ข้อผิดพลาดเหล่านี้นั้นสามารถถูกแก้ไขได้อย่างง่ายดายด้วย VPN ที่ใช่ หากคุณเลือก VPN ที่สามารถใช้งานกับ Netflix ได้อย่างมีความเสถียรแล้วจู่ ๆ มันใช้งานไม่ได้ขึ้นมา มีความเป็นไปได้ว่านั่นเป็นปัญหาเล็ก ๆ ที่สามารถถูกแก้ไขได้อย่างง่ายดาย คุณควรจะลองทำสิ่งต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
1. เปลี่ยนไปเซิร์ฟเวอร์อื่น
เป็นไปได้ว่า Netflix ได้ทำการขึ้นบัญชีดำที่อยู่ IP ของเซิร์ฟเวอร์ที่คุณกำลังเชื่อมต่อ ในกรณีนั้น คุณสามารถลองเปลี่ยนไปใช้ตำแหน่งอื่นในประเทศเดียวกันได้ ตราบใดก็ตามที่เซิร์ฟเวอร์ใหม่ที่เลือกนั้นไม่ได้ถูกขึ้นบัญชีดำด้วย คุณก็จะสามารถเข้าถึงเนื้อหาของ Netflix ในประเทศคุณได้
2. ล้างคุกกี้และแคช
หลายเว็บไซต์นั้นใช้การติดตามคุกกี้เพื่อเก็บข้อมูลของผู้ใช้งาน อย่างเช่นพฤติกรรมในการท่องเว็บรวมถึงพื้นที่ภูมิภาคของคุณ Netflix สามารถใช้ข้อมูลนี้ในการบ่งชี้ได้ว่าคุณกำลังใช้ VPN และก็จะทำการบล็อกคุณ
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้สามารถป้องกันได้ง่าย ๆ ด้วยการล้างคุกกี้และแคชจากเบราว์เซอร์ของคุณ ในการจะทำแบบนั้นบน Google Chrome ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:
- เปิดการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย คลิกจุด 3 จุดข้าง ๆ โปรไฟล์ของคุณ เลือกการตั้งค่า และเลือกความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย
- เปิดตัวเลือกข้อมูลการท่องเว็บ คลิกที่ ล้างข้อมูลการท่องเว็บ จากนั้นในหน้าต่างป๊อปอัพ ให้เลือกตั้งแต่เริ่มต้น เลือกช่องข้าง ๆ ประวัติการท่องเว็บ คุกกี้และข้อมูลเว็บไซต์อื่นๆ และรูปภาพและไฟล์ที่แคชไว้
- คลิกล้างข้อมูล เท่านี้ Chrome ก็ไม่มีข้อมูลท่องเว็บในอดีตของคุณเก็บเอาไว้อีกต่อไปแล้ว
- โหลด Netflix ใหม่อีกครั้ง ลองโหลด Netflix ใหม่อีกครั้งเพื่อดูว่ามันได้ผลไหม
ใน Safari ไปที่ Preferences(การกำหนดค่า) > Privacy(ความเป็นส่วนตัว) > Manage website data (จัดการข้อมูลเว็บไซต์) และพิมพ์ "Netflix" ในแถบค้นหา คลิก "Remove (นำออก)" และเริ่มต้น Safari ใหม่
3. ปิด IPv6 บนอุปกรณ์ของคุณ
ไม่ใช่ทุก VPN ที่จะป้องกันการรั่วไหลของ IPv6 ได้ ดังนั้นมันก็อาจจะเปิดเผยตำแหน่งที่แท้จริงของคุณ และ Netflix ก็จะรู้ได้ว่าคุณกำลังใช้ VPN อยู่ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ได้ด้วยการเลือก VPN ที่ป้องกันการรั่วไหลของ IPv6 ได้ VPN ทั้งหมดที่เราแนะนำในรายการนี้นั้นสามารถป้องกันการรั่วไหลของ IPv6 ได้อย่างอัตโนมัติ
นอกจากนี้คุณก็สามารถปิด IPv6 บนอุปกรณ์ของคุณได้ ในการจะทำแบบนั้นบนอุปกรณ์ Windows ให้ทำตามขั้นตอนด้านล่าง:
- เปิดการตั้งค่า Network and Internet (เครือข่ายและอินเทอร์เน็ต) เปิดฟังก์ชั่นค้นหาบนอุปกรณ์ Windows ของคุณและพิมพ์ "Control Panel" (แผงควบคุม) เปิดและเลือกการตั้งค่า Network and Internet (เครือข่ายและอินเทอร์เน็ต)
- ไปที่ Network and Sharing Center (เครือข่ายและการแบ่งปัน) จากนั้นคลิกที่ "Network and Sharing Center" (เครือข่ายและการแบ่งปัน)
- เลือก Change Adapter Settings (เปลี่ยนการตั้งค่าอะแดปเตอร์) คุณสามารถค้นหาตัวเลือกนี้ได้จากคอลัมน์ทางด้านซ้าย
- เปิด network properties (คุณสมบัติเครือข่าย) คลิกขวาบนเครือข่ายที่คุณกำลังใช้งานและเลือก Properties (คุณสมบัติ)
- ปิด IPv6 นำเครื่องหมายออกจากตัวเลือก Internet Protocol Version 6 (TCP/IPv6) และคลิก OK (ตกลง)
- โหลด Netflix ใหม่อีกครั้ง เชื่อมต่อ VPN ของคุณไปยังตำแหน่งที่คุณต้องการ และโหลด Netflix ในเบราว์เซอร์ของคุณ
บน Mac ให้ไปที่ System Preference (การกำหนดค่าระบบ) > Network (เครือข่าย) และคลิก "Advance" (ขั้นสูง) คลิกแท็บ TCP/IP จากนั้นให้เลือก "Off (ปิด)" ในเมนูดรอปดาวน์ข้าง ๆ "IPv6" ใช้งานตามการเปลี่ยนแปลง
4. เปลี่ยนโปรโตคอล VPN
โปรโตคอล VPN บางรายนั้นสามารถใช้เข้าถึงเนื้อหาที่ถูกจำกัดในพื้นที่ได้ดีกว่ารายอื่น ๆ เราเห็นว่ามันมีประสิทธิภาพในการปลดบล็อก Netflix และมันก็มีความเร็วสูงพอสำหรับสตรีมมิ่ง
คุณสามารถทดลองใช้งานโปรโตคอลทั้งหมดจนกว่าจะเจอตัวที่ใช้งานได้ อย่างไรก็ตาม เราไม่แนะนำ PPTP เพราะว่ามันไม่ปลอดภัยเท่ารายอื่น ๆ และก็อาจจะมีความเสี่ยงต่อความเป็นส่วนตัวของคุณ
5. ใช้บริการ Smart DNS
VPN หลายรายนั้นมี Smart DNS ให้ใช้งาน ซึ่งจะแทนที่ที่อยู่ DNS จาก ISP ของคุณไปเป็นของเซิร์ฟเวอร์อื่น ในการจะทำเช่นนี้ได้ คำขอ DNS ของคุณจะถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังเซิร์ฟเวอร์พร็อกซี่พิเศษซึ่งถูกตั้งอยู่ในประเทศอื่น นี่จะทำให้ Netflix เชื่อว่าคุณอยู่ในประเทศนั้นจริง ๆ ดังนั้นคุณก็จะสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกล็อกในภูมิภาคนั้น ๆ ได้
Smart DNS นั้นมักจะถูกออกแบบมาโดยคำนึงถึงเรื่องการสตรีมมิ่ง ดังนั้นมันจึงถูกบำรุงรักษาให้สามารถเข้าถึงเว็บไซต์สตรีมมิ่งได้อย่างมีความเสถียร แถมมันยังมีความเร็วมากกว่าการเชื่อมต่อ VPN มาตรฐาน เนื่องจากมันไม่ต้องทำการเข้ารหัส
VPN ทั้งหมดในรายการของเรานั้นมี Smart DNS ให้ใช้งาน (ExpressVPN เรียกมันว่า MediaStreamer) อย่างไรก็ตาม ขอให้ทราบไว้ว่าบริการเหล่านี้มักจะถูกจำกัดให้ใช้งานได้เฉพาะในบางประเทศ – ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร หากคุณต้องการเลือก Netflix ได้หลาย ๆ ประเทศ คุณจะต้องใช้เซิร์ฟเวอร์ VPN ตามปกติทั่วไป
6. ดู Netflix บนคอมพิวเตอร์ของคุณ
หาก Netflix ไม่สามารถใช้งานได้ผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่, เครื่องเล่นเกม หรือสมาร์ททีวี คุณสามารถลองดูมันผ่านคอมพิวเตอร์ได้ นั่นก็เพราะว่าแอป Netflix อาจจะบังคับให้อุปกรณ์ของคุณใช้งาน DNS ที่ ISP ของคุณเป็นผู้จัดสรรมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณใช้ Android หรือ iOS ถ้าผู้ให้บริการ VPN ของคุณเปิดให้กำหนดค่า DNS ได้ อย่าลืมเปลี่ยนไปใช้งานเซิร์ฟเวอร์ DNS ของ VPN
นอกจากนี้อุปกรณ์เคลื่อนที่ยังเก็บข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งเอาไว้มากกว่าเดสก์ท็อปด้วย ยกตัวอย่างเช่น ถ้า GPS ของคุณแสดงตำแหน่งที่อยู่ของคุณเป็นที่หนึ่ง ในขณะที่ IP ของคุณอยู่อีกที่ ก็มีโอกาสสูงที่ VPN ของคุณจะถูกบล็อก คุณสามารถลอง ปิดการตั้งค่า GPS และตำแหน่งได้
อย่างไรก็ตาม ถ้าทั้งหมดนี้ยังไม่ได้ผล การดู Netflix ผ่านเบราว์เซอร์เดสก์ท็อปก็จะเป็นการแก้ปัญหาที่ง่ายที่สุด นอกจากนั้นแล้วคุณยังสามารถตั้งค่า VPN บนเราเตอร์แทนอุปกรณ์สตรีมมิ่งหรือโทรศัพท์ได้ด้วย
7.ถามฝ่ายบริการลูกค้าว่าควรจะเลือกเซิร์ฟเวอร์ไหน
จะดีที่สุดถ้า VPN นั้นมีไลฟ์แชทบริการ 24/7 แต่อย่างน้อยก็ควรจะมีอีเมลให้ใช้สอบถามได้ ตัวแทนบริการลูกค้ามักจะมีข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้งานได้
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการปลดบล็อก VPN Netflix
Netflix ตรวจจับ VPN ยังไง?
มีหลายวิธีมากที่ Netflix ใช้เพื่อตรวจจับ VPN วิธีที่พบบ่อยที่สุดนั้นได้แก่:
- ที่อยู่ IP ที่ใช่ร่วมกัน Netflix คอยตรวจสอบอยู่เสมอว่ามีที่อยู่ IP ที่ใช้ร่วมกันไหม ตอนที่คุณใช้งาน VPN คุณอาจจะกำลังใช้งานที่อยู่ IP เดียวกันกับอีกหลายพันคนซึ่งเป็นผู้ใช้งาน VPN เหมือนกัน นี่หมายความว่า IP เดียวนั้นถูกใช้เข้าถึง Netflix จากหลายบัญชี ซึ่งทำให้ Netflix สามารถตรวจพบได้อย่างง่ายดายว่ามันคือ IP VPN และก็จะทำการขึ้นบัญชีดำมันเอาไว้
- IP และ DNS ไม่ตรงกัน ตามที่ได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่าแอป Netflix อาจจะยกเลิกการตั้งค่า DNS ของคุณ ถ้า Netflix เห็นว่าเซิร์ฟเวอร์ DNS และ IP ของคุณไม่ตรงกัน มันอาจจะทำการบล็อกคุณไม่ให้เข้าใช้บริการได้
- ข้อมูล GPS และตำแหน่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ถ้าพิกัด GPS ของคุณอยู่ในตำแหน่งอื่นซึ่งไม่ตรงกับที่อยู่ IP มันก็จะทำให้ Netflix ตรวจจับได้อย่างง่ายดายว่าคุณใช้ VPN อยู่และพวกเขาก็จะบล็อกคุณ
VPN ในรายการนี้นั้นมีการป้องกันที่แข็งแกร่งไม่ให้วิธีการตรวจจับทั่วไปของ Netflix นั้นสามารถตรวจจับพวกเขาได้ ดังนั้นคุณจึงสามารถเข้าถึงเนื้อหาในประเทศที่คุณต้องการได้อย่างไม่มีปัญหา
ทำไม Netflix ของฉันถึงดูได้แต่ Netflix Originals?
หากคุณมองเห็นเฉพาะรายการ Netflix Originals ก็เป็นไปได้ว่า Netflix รู้ว่าคุณกำลังใช้ VPN อยู่ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกบล็อกภูมิภาคได้ด้วยการใช้ VPN ที่จะไม่ถูก Netflix ตรวจพบได้ง่าย ๆ
แทนที่จะบล็อกคุณ บางครั้ง Netflix จะเลือกแสดงรายการ Original ให้คุณดูแทนถ้าพวกเขาตรวจพบว่าคุณใช้ VPN Netflix Originals นั้นเป็นเนื้อหาที่ทางบริษัทมักจะมีสิทธิ์เผยแพร่ได้ทั่วโลก ดังนั้นคุณจึงสามารถดูรายการเหล่านี้ได้ในทุกประเทศ
ทำไม Netflix ถึงต้องบล็อก VPN?
Netflix บล็อก VPN เพื่อไม่ให้ผู้ชมสามารถรับชมรายการที่ไม่มีสิทธิ์เผยแพร่ในประเทศของพวกเขาได้ สำหรับรายการและหนังรายเรื่องนั้น Netflix จะมีสิทธิ์เผยแพร่แค่ในบางประเทศเท่านั้น อย่างไรก็ตาม คุณสามารถหลบหลีกการบล็อกเหล่านี้ได้ด้วยการเลือกใช้ VPN ที่สามารถใช้งานกับ Netflix ได้อย่างมีความเสถียร
เหตุผลที่ Netflix พยายามอย่างหนักเพื่อที่จะต่อสู้กับ VPN ก็เพราะแรงกดดันจากเจ้าของลิขสิทธิ์ พูดง่าย ๆ ก็คือเจ้าของลิขสิทธิ์นั้นไม่ได้รับรายได้ใด ๆ จากเนื้อหาที่ถูกสตรีมในประเทศที่ไม่ได้รับลิขสิทธิ์ ดังนั้น Netflix จึงใช้การบล็อกภูมิภาคและกลไกการบล็อก VPN เพื่อรักษาข้อตกลงด้านลิขสิทธิ์เอาไว้
การใช้ VPN กับ Netflix นั้นถูกกฎหมายหรือไม่ แล้วฉันจะสามารถถูกแบนได้ไหม?
มันถูกกฎหมายแต่ว่ามันซับซ้อน การใช้ VPN กับ Netflix นั้นไม่ได้ผิดกฎหมาย แต่เงื่อนไขการใช้บริการของบริษัทได้ระบุว่าผู้ใช้งานควรจะต้องเข้าถึงเนื้อหาของ Netflix ภายในประเทศที่พวกเขาเปิดบัญชีเท่านั้น อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้กล่าวถึง VPN
นอกจากนี้ พวกเราก็ยังไม่เคยพบว่าบัญชีผู้ใช้งานถูกแบนเพราะแค่มีการใช้ VPN มาก่อน นั่นก็เพราะว่า Netflix ไม่แบนบัญชีผู้ใช้งาน แต่พวกเขาจะจ้องเล่นงานผู้ให้บริการ VPN และบล็อกที่อยู่ IP แทน
มีข้อยกเว้นก็คือเรื่องประเทศที่ถูกจำกัดการเข้าถึง (เช่นจีนและซาอุดีอาระเบีย) ที่ซึ่งการใช้ VPN นั้นจะถูกจำกัดเป็นอย่างมากหรือไม่ก็ถูกแบนเลย การใช้ VPN ในประเทศเหล่านั้นอาจเป็นเรื่องผิดกฎหมาย พวกเราไม่สนับสนุนให้คุณทำเรื่องผิดกฎหมาย ดังนั้นกรุณาตรวจสอบกฎหมายในประเทศให้แน่ใจก่อนเรื่องการใช้ VPN เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาในภายหลัง
ฉันสามารถปลดบล็อก VPN Netflix ด้วย VPN ฟรีได้หรือไม่?
สามารถทำได้แต่เราไม่แนะนำให้ใช้งาน VPN ฟรีกับ Netflix จะดีกว่าถ้าคุณจะหันไปเลือกใช้ VPN พรีเมียมราคาไม่แพงซึ่งมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินที่เชื่อถือได้
VPN ฟรี มักจะปลดบล็อก Netflix ไม่ค่อยสำเร็จ ถึงจะมีอันที่ทำสำเร็จ มันก็มักจะมีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ให้เลือกจำกัด ดังนั้นคุณก็จะเข้าใช้งานได้ไม่กี่ประเทศเท่านั้น นอกจากนี้มันก็มักจะมีความเร็วต่ำ และก็จำกัดข้อมูลที่ใช้งานได้ (มักจะใช้ได้แค่ 1 หรือ 2 GB ต่อเดือน) ทำให้สตรีม Netflix ได้ไม่นานนัก
นอกจากนี้แล้ว VPN ฟรี หลายรายต่างก็มีความอันตรายสูง — บางรายนั้นมีนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ไม่น่าไว้วางใจ ในขณะที่บางรายก็มีความปลอดภัยที่ไม่น่าเชื่อถือเพราะว่าพวกเขาไม่มีทรัพยากรในการจะอัปเกรดซอฟต์แวร์ของพวกเขาได้บ่อยพอ VPN ฟรีนั้นยังมักจะมีมัลแวร์ติดมาด้วย ซึ่งมันก็จะส่งผลเสียต่ออุปกรณ์ของคุณได้
ปลดบล็อก VPN Netflix วันนี้เลย
มีหลายวิธีที่คุณสามารถใช้ปลดบล็อก VPN Netflix ได้ และก็โชคดีมากที่หลายวิธีนั้นต่างก็ทำได้โดยง่าย — เพียงแค่ทำตามคู่มือของเรา คุณก็สามารถกลับไปเลือกดูรายการโปรดได้ในเวลาไม่นาน อย่างไรก็ตาม ก่อนอื่นเลยคุณต้องมี VPN ที่สามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มนั้นได้อย่างมีความเสถียร
กรุณาแสดงความคิดเห็นว่าพวกเราสามารถพัฒนาบทความนี้ได้อย่างไร ความคิดเห็นของคุณมีค่าสำหรับเรา!