มันไม่มีอะไรซับซ้อนเลย เราเริ่มให้บริการ vpnMentor เมื่อปี 2014 เพื่อช่วยให้ผู้คนสามารถปกป้องความเป็นส่วนตัวเมื่อใช้งานอินเตอร์เน็ตได้
ในขณะที่รัฐบาลและบริษัทต่าง ๆ ทั่วโลกติดตามและจำกัดกิจกรรมการใช้อินเตอร์เน็ตของผู้ใช้มากขึ้น จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมคนจำนวนมากจึงต้องการรักษาอิสระการใช้งานนี้เอาไว้
ทีมนักวิจัย นักเขียนและบรรณาธิการด้านความปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ตกว่า 241 คน ที่ทุ่มเทเพื่อช่วยให้คุณได้รับเสรีภาพออนไลน์กลับคืนมา
ในกว่า 20 ประเทศทั่วโลก
-
เราไม่เพียงแต่นำเสนอรีวิวจากผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับรีวิวจากประสบการณ์ของผู้ใช้โดยเฉลี่ยอีกด้วย เราทำการทดสอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าเราได้นำเสนอบทวิจารณ์และคำแนะนำเกี่ยวกับ VPN ที่ละเอียดและเป็นปัจจุบันที่สุด และแปลเป็น 29 ภาษา
ส่วนหนึ่งในภารกิจของเราในการส่งเสริมเสรีภาพทางอินเทอร์เน็ตให้กับผู้คนทั่วโลก เราได้สร้างเครื่องมือฟรีเพื่อช่วยยืนยันความปลอดภัยออนไลน์ของคุณ โดยรวมแล้ว เราต้องการเป็นแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ของคุณเมื่อต้องการค้นหาบริการ VPN ที่ดีที่สุด เพื่อให้คุณสามารถค้นหาบริการการป้องกันที่เหมาะสมกับคุณได้
vpnMentor ให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์ ความโปร่งใสและความทุ่มเท เช่นเดียวกับการทดสอบและรีวิวบริการ VPN ของเรา เนื่องจากเราอ้างอิงผลการวิจัยทั้งหมดจากการทดสอบจริง เป้าหมายหลักของเราคือการเขียนรีวิวที่ตรงไปตรงมาและยังง่ายต่อการทำความเข้าใจและยกตัวอย่างให้เห็นภาพ
เราจ่ายค่าบริการ VPN ทั้งหมดที่เราทดสอบด้วยราคาเต็ม เหมือนกับที่ผู้บริโภคจ่าย ดังนั้นเราสามารถให้รีวิวประสบการณ์ของผู้ใช้ที่เป็นกลาง เป็นความจริงและแม่นยำได้ เราให้ความสำคัญต่อผู้อ่านของเราเสมอ ดังนั้นเราจึงต้องการให้ข้อมูลที่เป็นกลางแก่คุณ เราไม่รับเงินเพื่อเขียนรีวิวในเชิงบวก บิดเบือนความคิดเห็นที่ไม่มีมูลหรือเพิกเฉยต่อข้อบกพร่องที่เห็นได้ชัด
เรามีรายได้ผ่านค่าคอมมิชชั่นของพันธมิตร หากคุณคลิกลิงก์และซื้อบริการ VPN ผ่านลิงก์นั้น เราอาจได้รับค่าคอมมิชชันจากการซื้อบริการ อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ส่งผลต่อการรีวิวและตรวจสอบผลิตภัณฑ์ของเรา เราแนะนำ VPN ที่เราเอง (จะ) ใช้เป็นประจำ
และสุดท้าย สิ่งสำคัญที่สุดของเราคือ การช่วยให้คุณได้รับความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัย และเสรีภาพที่คุณต้องการทางออนไลน์
ด้านล่างนี้คือเกณฑ์ทั้งหมดที่เราใช้ในการทดสอบ วิจัย วิเคราะห์ และติดตามประสิทธิภาพของบริการ VPN ทั้งหมดที่เราตรวจสอบ ในฐานะผู้มีอำนาจในการชี้นำบริการ VPN เรามุ่งมั่นที่จะสร้างและรักษาความไว้วางใจระหว่างผู้บริโภคและอุตสาหกรรม ทีมผู้เชี่ยวชาญของเราได้เผยแพร่รีวิวจากผู้ใช้จริงนับพันราย ที่ทุ่มเทให้กับการทดสอบและการวิจัยอย่างมาก
น้อยที่สุด: VPN ไม่ควรรวบรวมข้อมูลใด ๆ ที่สามารถใช้เพื่อระบุตัวตนของผู้ใช้ได้
ดีที่สุด: นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่เข้มงวดที่ได้รับการตรวจสอบและยืนยันโดนบริษัทอิสระ
VPN ทุกบริการอ้างว่าให้บริการที่เป็นส่วนตัว ปกป้องข้อมูล กิจกรรมและข้อมูลส่วนบุคคลออนไลน์ของคุณ แต่แค่คำพูดนั้นไม่เพียงพอ ดังนั้นทีมของเราจึงตรวจสอบให้แน่ชัดอยู่เสมอ สิ่งแรกที่เราทำ เมื่อประเมินการรักษาความเป็นส่วนตัวของ VPN คือการตรวจสอบนโยบายความเป็นส่วนตัวอย่างละเอียด
VPN ทุกบริการจะรวบรวมข้อมูลผู้ใช้ในบางรูปแบบอย่างเช่น จำนวนการเชื่อมต่อทั้งหมดเป็นเวลา 1 วันและจำนวนข้อมูลที่ใช้ในแต่ละเซสชั่น สิ่งนี้เป็นที่ยอมรับได้และไม่เป็นภัยคุกคามต่อความเป็นส่วนตัวของคุณ แต่เมื่อบริการรวบรวมข้อมูลอื่น ๆ เช่น หมายเลข IP และประวัติการใช้าน นั่นเป็นสิ่งที่น่ากังวล หาก VPN ที่เราตรวจสอบรวบรวมข้อมูลที่สามารถระบุใช้เพื่อตัวตนผู้ใช้ได้ (หรือมีนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ยาวและซับซ้อน ยากต่อการทำความเข้าใจและคลุมเครือ) เราจะหักคะแนนในส่วนนี้
เรายังพิจารณาประวัติและผู้ที่เป็นเจ้าของบริการ VPN รวมถึงตำแหน่งของสำนักงานใหญ่ด้วย หากบริการมีอดีตที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอื้อฉาวหรือความเป็นส่วนตัวหรือตำแหน่งของสำนักงานใหญ่อยู่ภายในเขคอำนาจพันธมิตร 14 Eyes เราจะหักคะแนนในส่วนนี้ด้วย
สุดท้ายนี้ การตรวจสอบจากบุคคลที่สามถือเป็นข้อดีอย่างมาก เนื่องจากเป็นการยืนยันว่า VPN ไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานจริงหรือไม่ VPN ที่ไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานนั้นน่าเชื่อถือ เพราะไม่ได้รวบรวมบันทึกหรือข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับผู้ใช้ ดังนั้นการเปิดเผยให้บุคคลที่สามรับรู้และตรวจสอบจะยิ่งทำให้มีรีวิว VPN ในเชิงบวกมากขึ้น บุคคลที่สามจะตรวจสอบสิ่งนี้โดยดูว่าเซิร์ฟเวอร์ของ VPN บันทึกข้อมูลใด ๆ หรือไม่และบุคคลที่สามสามารถเข้าถึงข้อมูลได้หรือไม่
น้อยที่สุด: VPN ควรจะสามารถสตรีมเนื้อหา HD ได้โดยไม่เกิดความล่าช้า (ควรมีความเร็วอย่างน้อย 5 Mbps)
ดีที่สุด: การสูญเสียความเร็วไม่เกิน 10% สำหรับเซิร์ฟเวอร์ในระยะใกล้และ 40% สำหรับเซิร์ฟเวอร์ระยะไกล
ความเร็วที่รวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก เนื่องจากจะส่งผลต่อการใช้งานของผู้ใช้อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณสตรีมวิดีโอ ดาวน์โหลดหรือเล่นเกม วิธีที่เราทำการทดสอบความเร็วคือ การทดสอบความเร็วด้วยตนเอง
เราบันทึกความเร็วของอินเตอร์เน็ตก่อนเชื่อมต่อกับ VPN เพื่อใช้เปรียบเทียบ จากนั้นจึงเชื่อมต่อกับ VPN และทดสอบเซิร์ฟเวอร์ระยะใกล้และระยะไกลจำนวนมากที่กระจายอยู่ทั่วโลก เรายังทำการทดสอบในช่วงเวลาต่าง ๆ ของวันอีกด้วย ข้อมูลความเร็วที่หลากหลายนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการวัดผลความเร็วจริง
ปัจจัยที่เราพิจารณาในการทดสอบความเร็ว ได้แก่ ความเร็วในการดาวน์โหลด ความเร็วในการอัพโหลดและ ping ความเร็วในการดาวน์โหลดคือความรวดเร็วในการรับข้อมูล ซึ่งใช้เมื่อคุณสตรีมและดาวน์โหลด ความเร็วในการอัปโหลดคือความรวดเร็วในการส่งข้อมูล เช่น การอัปโหลดวิดีโอหรือการส่งอีเมล Ping ใช้เพื่อวัดการตอบสนองของการเชื่อมต่อ (ความล่าช้า) และแสดงความเร็วในการส่งข้อมูล
เมื่อเรารวบรวมผลลัพธ์แล้ว เราจะใช้ข้อมูลเหล่านี้เพื่อหาเปอร์เซ็นต์ความแตกต่างระหว่างความเร็วเมื่อไม่ใช่ VPN และความเร็วของแต่ละตำแหน่ง เนื่องจากความเร็วของ VPN สามารถเปลี่ยนแปลงได้ (ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของคุณ ช่วงเวลาของวัน การจำกัดแบนด์วิดท์ ฯลฯ) เปอร์เซ็นต์นี้จะช่วยให้คุณเข้าใจว่า VPN จะส่งผลต่อความเร็วอินเทอร์เน็ตปกติของคุณอย่างไร เป็นเรื่องปกติที่ VPN จะลดความเร็วของคุณลง เนื่องจากการเข้ารหัสและระยะทางที่ไกลมากขึ้น ดังนั้นยิ่งความเร็วลดน้อยลงเท่าไหร่ ก็ยิ่งดี
VPN ไม่ควรทำให้ความเร็วของคุณลดลงมากกว่า 20% บนเซิร์ฟเวอร์ระยะใกล้และ 40% บนเซิร์ฟเวอร์ระยะไกล ซึ่งหมายความว่าความเร็วนั้นมากพอสำหรับการสตรีมในความคมชัดระดับ HD โดยไม่มีสะดุด ยิ่งผลการทดสอบไม่เกินเปอร์เซ็นต์เหล่านี้ ก็จะทำให้ได้คะแนนด้านบวกในรีวิวมากขึ้น
น้อยที่สุด: การเข้ารหัสระดับทหาร, Kill switch, การป้องกันการรั่วไหลของ DNS/IP และโปรโตคอลความปลอดภัยที่หลากหลาย
ดีที่สุด: ฟีเจอร์ที่กล่าวขั้นต้นและ Split tunneling, เซิร์ฟเวอร์พรางการเชื่อมต่อและความสามารถในการหลีกเลี่ยงไฟร์วอลล์ได้อย่างสม่ำเสมอ
การรักษาความปลอดภัยให้คุณเมื่อใช้งานเครือข่าย WiFi สาธารณะและการเข้ารหัสข้อมูลของคุณเป็นหนึ่งในฟังก์ชันที่สำคัญที่สุดของ VPN
ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยอย่างแรกที่เราพิจารณาคือ ระดับการเข้ารหัสที่ใช้ อย่างน้อยที่สุด VPN ควรใช้การเข้ารหัส AES 128-bit แต่บริการส่วนใหญ่เราแนะนำใช้ AES 256-bit ซึ่งเป็นระดับที่มีความแข็งแกร่งที่สุด ระดับการเข้ารหัสนี้ใช้โดยหน่วยงานด้านความปลอดภัยชั้นนำในการปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนและใช้เวลาหลายชั่วอายุคนในการถอดรหัส มันเป็นปลอดภัยอย่างมาก
ฟีเจอร์ต่อไปที่เราพิจารณาคือ โปรโตคอลความปลอดภัยที่นำเสนอ โปรโตคอลเหล่านี้ช่วยให้คุณสามารถเลือกวิธีการเข้ารหัสการเชื่อมต่อและกำหนดความสมดุลของความเร็วและความปลอดภัยของการเชื่อมต่อของคุณ VPN ควรมี OpenVPN (UDP/TCP), IKEv2 และ WireGuard เพราะเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด
ฟีเจอร์ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่เราทดสอบคือ การป้องกันการรั่วไหลของ DNS/IP ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่า VPN ของคุณจะไม่ทำให้คำขอ DNS และหมายเลข IP จริงรั่วไหล เราใช้เครื่องมือทดสอบการรั่วไหลของบริการอิสระอย่าง ipleak.net เพื่อยืนยันว่า VPN ที่เราทดสอบนั้นปลอดภัยอย่างแท้จริงและไม่ทำให้หมายเลข IP หรือ DNS รั่วไหลออกไป นอกจากนี้เรายังทดสอบ Kill switch ของ VPN เพื่อดูว่ามันสามารถทำงานได้หรือไม่โดยพยายามเข้าถึงเว็บอื่น ๆ ในขณะเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ หากไม่สามารถเข้าถึงเว็บได้ แสดงว่า Kill switch กำลังทำงานอยู่ หาก VPN มีฟีเจอร์ทั้งหมดที่อธิบายไว้ข้างต้น เราจะให้คะแนนในส่วนนี้สูงเป็นพิเศษ
ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยอื่น ๆ ที่เราพิจารณาคือ Split tunneling และเซิร์ฟเวอร์พรางการเชื่อมต่อ เซิร์ฟเวอร์พรางการเชื่อมต่อช่วยหลีกเลี่ยงไฟร์วอลล์และการเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ต หากเราต้องการทดสอบความสามารถของ VPN ในการหลีกเลี่ยงไฟร์วอลล์ เราจะเข้าไปใช้งานอินเตอร์เน็ตในที่ที่มีการเซ็นเซอร์ (ส่วนใหญ่ก็คือ สถานที่ที่มีเครือข่าย WiFi สาธารณะ เช่น ห้องสมุด) และพยายามเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกเซ็นเซอร์โดยใช้ VPN
น้อยที่สุด: VPN ควรสามารถเข้าถึง Netflix อเมริกาและสตรีมในรูปแบบ HD ได้
ดีที่สุด: ควรสามารถเข้าถึงเว็บสตรีมมิ่งยอดนิยมได้ทั้งหมดโดยไม่มีปัญหาและสตรีมในความคมชัด Ultra HD ได้โดยไม่กระตุก
ความสามารถของ VPN ในการหลีกเลี่ยงข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ เพื่อเข้าถึงเว็บสตรีมมิ่งเป็นปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่เราพิจารณา ผู้เขียนของเราไม่เพียงแต่ทดสอบบริการเหล่านี้เองเมื่อเขียนรีวิวทุกครั้ง แต่เรามีทีมผู้ทดสอบเฉพาะที่ทำการทดสอบ VPN ต่าง ๆ สองครั้งต่อสัปดาห์กับบริการสตรีมมิ่งหลายสิบรายการ ตัวอย่างเช่น เราจะพยายามเข้าถึง Netflix อเมริกา, Hulu และ HBO Max โดยเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของอเมริกาหลายตำแหน่งและบันทึกผลลัพธ์ของเรา นอกจากเซิร์ฟเวอร์ใในตำแหน่งต่าง ๆ แล้ว เรายังทดสอบโปรโตคอลต่าง ๆ ด้วย เนื่องจากบางโปรโตคอลทำงานได้ดีกว่าในการเลี่ยงการปิดกั้นทางภูมิศาสตร์
นอกจาก Netflix, Hulu และ HBO Max แล้ว เรายังทดสอบบริการกับ Amazon Prime Video, Disney+, BBC iPlayer, ESPN+, ITV, Peacock และบริการสตรีมอื่น ๆ อีกด้วย เรามีการสมัครบริการกับแพลตฟอร์มเหล่านี้ทั้งหมด เพื่อให้เราสามารถทดสอบได้บ่อย ๆ เมื่อเราเข้าถึงแพลตฟอร์มได้แล้ว เราจะทดสอบคุณภาพการสตรีมกับที่ VPN ที่สามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มได้ หากเราสามารถสตรีมได้อย่างต่อเนื่องในแบบ HD โดยไม่มีสะดุด บริการได้คะแนนมากขึ้นไปด้วย
น้อยที่สุด: VPN ควรมีแอปสำหรับแต่ละอุปกรณ์ที่ง่ายต่อการติดตั้งและตั้งค่า
ดีที่สุด: ความสามารถที่กล่าวมาขั้นต้นและอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย
ไม่มีใครที่ชอบใช้แอป VPN ที่เกะกะและเทอะทะ ดังนั้นเราจึงทดสอบแอปของแต่ละบริการเพื่อดูว่ามันใช้งานง่ายเพียงใด
สิ่งแรกที่เราทดสอบคือ การดาวน์โหลดและติดตั้ง VPN เพื่อดูว่ามันทำได้ง่ายแค่ไหน VPN ที่ดีควรมีแอปสำหรับระบบปฏิบัติการที่ได้รับความนิยมทั้งหมดและไม่ควรใช้เวลามากกว่า 2-3 นาทีในการดาวน์โหลดหรือติดตั้ง เราทดสอบบริการในระบบปฏิบัติการหลักทั้งหมด รวมถึง Windows, macOS, Android และ iOS ในบางครั้งเรายังทดสอบการตั้งค่าที่ซับซ้อนบนเราเตอร์ในบ้าน, Linux, อุปกรณ์สตรีมเช่น Amazon FireStick และ Roku, เกมคอนโซลและสมาร์ททีวีอีกด้วย
หากเราพบปัญหาระหว่างการติดตั้งตามคำแนะนำที่มีให้ของแต่ละ VPN เราจะใช้โอกาสนี้ในการทดสอบว่าทีมช่วยเหลือลูกค้า ว่าสามารถให้บริการได้อย่างไรบ้างและพวกเขามีความรู้มากพอในการแก้ปัญหาทางเทคนิคหรือไม่ เราติดตั้ง (หรือติดตั้งใหม่) แอป VPN แต่ละรายการที่เรารีวิวพร้อมกับบทความใหม่ทุกบทความที่เราเขียน ดังนั้นเราจึงสามารถอัปเดตซอฟต์แวร์ล่าสุดและการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เกิดขึ้นกับกระบวนการติดตั้งได้อยู่เสมอ
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความเข้ากันได้และประสิทธิภาพของ VPN กับระบบปฏิบัติการที่คุณใช้ ไม่ว่า VPN นั้นจะสามารถใช้งานได้กับระบบปฏิบัติการหรืออุปกรณ์ใด เราก็ทดสอบมันได้หมด!
เราตรวจสอบเลย์เอาต์ของแต่ละแอปอย่างละเอียด และดูว่าการค้นหาเซิร์ฟเวอร์ เชื่อมต่อและปรับการตั้งค่านั้นทำได้ง่ายแค่ไหน แอปที่ดีไม่ควรให้ผู้ใช้กำหนดค่าด้วยตนเอง และการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าหรือเซิร์ฟเวอร์ไม่ควรเกินใช้ขั้นตอนมากกว่า 2-3 คลิก
น้อยที่สุด: VPN ควรมีที่รวบรวมข้อมูลออนไลน์และการช่วยเหลือทางอีเมลที่รวดเร็ว
ดีที่สุด: ฟีเจอร์ที่กล่าวมาข้างต้น รวมถึงไลฟ์แชทตลอด 24 ชั่วโมงกับพนักงานที่มีความรู้
อาจมีบางครั้งที่คุณต้องการความช่วยเหลือในการใช้งาน VPN ดังนั้นการช่วยเหลือควรพร้อมใช้งานและทีมงานควรมีความรู้ที่จำเป็นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ บ่อยครั้งที่ทีมช่วยเหลือของบริการเป็นเพียงบุคคลภายนอกที่อ่านบทจากสคริปต์ (หรือบอท) เท่านั้น VPN ที่ดีที่สุดจะช่วยให้คุณติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีหรือ (ในบางครั้ง) นักพัฒนาผลิตภัณฑ์
เราทดสอบระบบอีเมล/ตั๋วของ VPN และระยะเวลาในการตอบกลับ หากเราได้รับคำตอบภายใน 24 ชั่วโมง ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ เมื่อเราได้รับคำตอบแล้ว เราจะดูว่าคำตอบนั้นดีแค่ไหน เป็นมิตรและให้ข้อมูลดีหรือไม่
แต่สิ่งที่ดีที่สุดก็คือ VPN ที่มีไลฟ์แชท โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากให้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน โดยปกติเราจะทดสอบสิ่งนี้โดยถามคำถามหลายข้อและประเมินเวลาในการตอบกลับและคุณภาพของคำตอบ
ปัจจัยอื่น ๆ ที่เราพิจารณาได้แก่ หน้าคำถามที่พบบ่อยพร้อมคำตอบโดยละเอียดสำหรับคำถามทั่วไป วิดีโอแนะนำ คู่มือการตั้งค่าและแหล่งข้อมูลออนไลน์อื่น ๆ ยิ่งมีทรัพยากรครอบคลุมมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีเท่านั้น เพราะหมายความว่าเราสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างอิสระและรวดเร็วโดยไม่ต้องพึ่งพาทีมช่วยเหลือลูกค้า
น้อยที่สุด: มีบางเซิร์ฟเวอร์รองรับการรับส่งข้อมูลแบบ P2P
ดีที่สุด: เซิร์ฟเวอร์สำหรับ P2P หรือรับรองการทอร์เรนต์ในทุกเซิร์ฟเวอร์ พร้อมความเร็วที่รวดเร็วและฟีเจอร์พิเศษ เช่น Port forwarding และ Split tunneling
การทดสอบความสามารถในการทอร์เรนต์ของ VPN นั้นมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา ข้อกำหนดขั้นต่ำของเราคือ VPN ต้องอนุญาตให้ทำการแชร์ P2P บนเซิร์ฟเวอร์ เพื่อให้คุณสามารถทอร์เรนต์ได้มากเท่าที่คุณต้องการเป็นระยะเวลาเท่าใดก็ได้ เราเปรียบเทียบความเร็วและระยะเวลาในการดาวน์โหลดทอร์เรนต์เมื่อเชื่อมต่อ VPN และระยะเวลาที่ไม่ได้เชื่อมต่อ VPN เราทดสอบทั้งบนเซิร์ฟเวอร์ในพื้นที่และระยะไกล
ปัจจัยอื่น ๆ ที่เราตรวจสอบคือ ฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย เนื่องจากการทอร์เรนต์อาจทำให้ข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนของคุณถูกเปิดเผย อย่างเช่น การเข้ารหัสที่รัดกุม การป้องกันการรั่วไหลของ IP และ Kill switch หาก VPN มีทุกฟีเจอร์ที่กล่าวมา VPN จะได้คะแนนในด้านการทอร์เรนต์ที่สูงมาก
นอกจากนี้เรายังพิจารณาถึงฟีเจอร์พิเศษที่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทอร์เรนต์อีกด้วย เช่น Port forwarding และ Split tunneling ยิ่งมี VPN พิเศษที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพการดาวน์โหลดทอร์เรนต์มากเท่าไร ก็ยิ่งได้คะแนนสูงตามไปด้วย
BullVPN เป็น VPN ราคาประหยัดและใช้งานง่าย ฉันเข้าใจว่านี่เป็นสิ่งที่ทำให้บริการได้รับความสนใจ บริการ...
อ่านรีวิวVpnMentor Research Lab ทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านความเป็นส่วนตัวของข้อมูลและทีมรับมือเหตุฉุกเฉินทางคอมพิวเตอร์ (CERT) เพื่อระบุภัยคุกคามทางไซเบอร์และช่วยปกป้องข้อมูลผู้ใช้ของธุรกิจและองค์กร เราก่อตั้งทีมวิเคราะห์ความปลอดภัยทางไซเบอร์มืออาชีพในปี 2019 โดยมี Noah Rotem และ Ran Locar นักวิเคราะห์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกรับหน้าที่เป็นผู้นำทีม ตั้งแต่นั้นมา เราได้ค้นพบและรายงานภัยคุกคามด้านความปลอดภัยที่ร้ายแรงทั่วโลก ด้วยงานนี้เราได้รักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูลของผู้คนกว่า 100 ล้านคนแล้ว
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานที่ห้องปฏิบัติการวิจัยของเราโปรดไปที่หน้าข่าวของเรา
95+
รายงานความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เผยแพร่
70+
การละเมิดของบริษัที่พบ
พันล้าน
ของการละเมิดที่พบ