พวกเราจัดอันดับผู้ให้บริการตามการทดสอบและการค้นคว้าอย่างเข้มงวด แต่ก็จะมีการคำนึงถึงความคิดเห็นของคุณและค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการด้วย ผู้ให้บริการบางรายนั้นจะมีบริษัทแม่แห่งเดียวกันกับพวกเรา
เรียนรู้เพิ่มเติม
vpnMentor ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 เพื่อจุดประสงค์ในการตรวจสอบบริการ VPN และวิจารณ์ด้านความเป็นส่วนตัว ในวันนี้ทีมนักวิจัย นักเขียนและบรรณาธิการด้านความปลอดภัยอินเตอร์เน็ตของเราหลายร้อยคนยังคงช่วยเหลือผู้อ่านต่อสู้เพื่ออิสรภาพทางออนไลน์โดยร่วมมือกับ Kape Technologies PLC ซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ต่อไปนี้: ExpressVPN, CyberGhost, ZenMate, Private Internet Access และ Intego ซึ่งอาจได้รับการวิจารณ์บนเว็บไซต์นี้ บทวิจารณ์ที่เผยแพร่บน vpnMentor เชื่อว่ามีความถูกต้อง ณ วันที่เผยแพร่แต่ละบทความและเขียนขึ้นตามมาตรฐานการตรวจสอบที่เข้มงวดของเรา ซึ่งจัดลำดับความสำคัญของการตรวจสอบผู้ตรวจสอบอย่างมืออาชีพและซื่อสัตย์ โดยคำนึงถึงความสามารถทางเทคนิคและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ร่วมกับมูลค่าทางการค้าสำหรับผู้ใช้ การจัดอันดับและบทวิจารณ์ที่เราเผยแพร่อาจคำนึงถึงความเป็นเจ้าของร่วมกันกับบริการที่กล่าวถึงข้างต้นและค่าคอมมิชชั่นพันธมิตรที่เราได้รับจากการซื้อผ่านลิงก์บนเว็บไซต์ของเรา เราไม่ได้ตรวจสอบผู้ให้บริการ VPN ทั้งหมดและเชื่อว่าข้อมูลที่จะมีความถูกต้อง ณ วันที่เผยแพร่แต่ละบทความ
การเปิดเผยข้อมูลการโฆษณา

vpnMentor ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 เพื่อจุดประสงค์ในการตรวจสอบบริการ VPN และวิจารณ์ด้านความเป็นส่วนตัว ในวันนี้ทีมนักวิจัย นักเขียนและบรรณาธิการด้านความปลอดภัยอินเตอร์เน็ตของเราหลายร้อยคนยังคงช่วยเหลือผู้อ่านต่อสู้เพื่ออิสรภาพทางออนไลน์โดยร่วมมือกับ Kape Technologies PLC ซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ต่อไปนี้: ExpressVPN, CyberGhost, ZenMate, Private Internet Access และ Intego ซึ่งอาจได้รับการวิจารณ์บนเว็บไซต์นี้ บทวิจารณ์ที่เผยแพร่บน vpnMentor เชื่อว่ามีความถูกต้อง ณ วันที่เผยแพร่แต่ละบทความและเขียนขึ้นตามมาตรฐานการตรวจสอบที่เข้มงวดของเรา ซึ่งจัดลำดับความสำคัญของการตรวจสอบผู้ตรวจสอบอย่างมืออาชีพและซื่อสัตย์ โดยคำนึงถึงความสามารถทางเทคนิคและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ร่วมกับมูลค่าทางการค้าสำหรับผู้ใช้ การจัดอันดับและบทวิจารณ์ที่เราเผยแพร่อาจคำนึงถึงความเป็นเจ้าของร่วมกันกับบริการที่กล่าวถึงข้างต้นและค่าคอมมิชชั่นพันธมิตรที่เราได้รับจากการซื้อผ่านลิงก์บนเว็บไซต์ของเรา เราไม่ได้ตรวจสอบผู้ให้บริการ VPN ทั้งหมดและเชื่อว่าข้อมูลที่จะมีความถูกต้อง ณ วันที่เผยแพร่แต่ละบทความ

วิธีเข้า Dark Web อย่างปลอดภัย (2024)

ธนพัฒน์ อัปเดตเมื่อ 29/05/2024 ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย คริสตีน โจแฮนสัน ผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยี

Dark Web นั้นเป็นสิ่งที่ถูกถกเถียงกันมากที่สุดบนอินเทอร์เน็ต มันมักจะถูกกล่าวถึงในฐานะสิ่งที่เลวร้าย หรือเป็นที่ซ่อนที่อาชญากรใช้ในการสื่อสารและทำเรื่องผิดกฎหมาย ถึงแม้ว่านั่นจะมีความจริงบางส่วน แต่ก็ยังมีเหตุผลดี ๆ อีกมากมายในการเข้าถึง dark web รวมถึงประโยชน์ของการไม่เปิดเผยตัวตน

คุณจะไม่สามารถเข้าถึง dark web ผ่านเบราว์เซอร์และเสิร์ชเอนจินทั่วไปได้ เนื่องจากมันจะเปิดให้เข้าถึงได้ด้วยเบราว์เซอร์พิเศษอย่าง Tor เท่านั้น เบราว์เซอร์กระจายศูนย์นี้จะมีการตั้งค่าที่ไม่เหมือนใครซึ่งจะปิดบังตัวตนของคุณ และจะทำให้ยากขึ้นที่จะมีใครมาดูกิจกรรมออนไลน์ของคุณได้

Quick Guide: วิธีเข้าถึง Dark Web อย่างปลอดภัยภายใน 3 ขั้นตอนง่าย ๆ

  1. ดาวน์โหลดเบราว์เซอร์ Tor เบราว์เซอร์พิเศษนั้นจะทำให้คุณสามารถเข้าถึงเว็บมืดได้ ในขณะที่เบราว์เซอร์ทั่วไปจะทำไม่ได้ ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ขอให้คุณดาวน์โหลดเบราว์เซอร์จากเว็บไซต์ทางการของ Tor เท่านั้น 
  2. ตั้งค่าการเชื่อมต่อ กำหนดค่า Tor ขึ้นกับความต้องการด้านความปลอดภัยของคุณ จากนั้นคลิกปุ่มเชื่อมต่อและรอให้ Tor เชื่อมต่อคุณไปยังเครือข่ายโหนด คุณสามารถดูคู่มือการตั้งค่าแบบสมบูรณ์ได้ที่นี่
  3. เข้าถึง dark web พิมพ์ที่อยู่ onion ของเว็บไซต์ที่คุณต้องการ หรือใช้เสิร์ชเอนจิน dark web เพื่อค้นหาเว็บไซต์ที่แตกต่างกันออกไปบน dark web

เคล็ดลับมือโปร: ใช้ VPN กับ Tor

ในขณะที่ Tor ถูกออกแบบมาเพื่อมอบความเป็นส่วนตัวให้คุณในขณะที่ท่อง dark web แต่มันก็ยังไม่ปลอดภัยอย่างเต็มรูปแบบ มันอาจจะมีโหนดที่อันตรายอยู่ในเครือข่าย Tor และก็มีความเสี่ยงอยู่เสมอว่าที่อยู่ IP ของคุณจะรั่วไหลออกไป บุคคลที่สามอย่าง ISP จะสามารถเห็นได้ด้วยว่าคุณเข้าถึง Tor และก็สามารถรายงานให้เจ้าหน้าที่รู้ได้ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้ทำเรื่องผิดกฎหมายก็ตาม เวลาใช้ Tor นั้นจะต้องมีมาตรการความปลอดภัยเสริมไปอีกชั้นหนึ่งด้วย

วิธีการที่ดีที่สุดที่จะไม่เปิดเผยตัวตนบน dark web นั้นก็คือการใช้ VPN ร่วมกับ Tor แอปที่ใช้งานง่ายนี้จะทำการเข้ารหัสทราฟฟิคอินเทอร์เน็ตของคุณ เปลี่ยนเส้นทางมันไปเซิร์ฟเวอร์ส่วนตัว และปิดบังที่อยู่ IP ของคุณ นี่จะเป็นการซ่อนข้อมูลส่วนตัวของคุณจากบุคคลที่สาม แฮ็กเกอร์ ตัวติดตาม และภัยอันตรายทางไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับ dark web

Vendor Logo of ExpressVPN
ฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับทหาร
ข้อเสนอ: ประหยัด 82% + รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
ตัวเลือกทีมงานด้านความปลอดภัย
คะแนนของเรา: 10.0
การเข้ารหัสระดับสูงเพื่อช่วยให้คุณปลอดภัย
ผ่านการตรวจสอบแล้วว่าไม่มีการเก็บข้อมูล

หมายเหตุจากบรรณาธิการ: เนื่องจากความโปร่งใสนั้นเป็นหนึ่งในค่านิยมของ vpnMentor ดังนั้นเราต้องการแจ้งให้คุณทราบว่า เว็บของเราอยู่ในกลุ่มเจ้าของเดียวกันกับ ExpressVPN อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการตรวจสอบของเรา

Dark Web คืออะไร?

Dark web นั้นเป็นชั้นที่ 3 ของอินเทอร์เน็ตต่อจาก surface web และ deep web ต่อไปนี้จะเป็นคำอธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่คุณจะพบเจอในแต่ละชั้น:

Surface Web

Surface web หรือ clean web เป็นส่วนหนึ่งของอินเทอร์เน็ตที่คุณสามารถเข้าถึงได้ทุกเวลาผ่านการใช้เบราว์เซอร์ยอดนิยมทั่วไป (เช่น Chrome, Firefox, Safari, อื่น ๆ) นี่จะรวมถึงทุกหน้าที่คุณสามารถค้นหาได้ด้วย Google ทั่วไป อย่างไรก็ตาม การเข้าถึงของคุณนั้นจะถูกจำกัดไว้เฉพาะข้อมูลที่แอดมินของเว็บไซต์อนุญาตให้คุณเห็นเท่านั้น คุณจะไม่สามารถเข้าถึงไฟล์แบ็คเอนด์, หน้าบัญชี หรือ คลังเก็บข้อมูลได้

ยกตัวอย่างเช่นร้านค้าออนไลน์บน eBay คุณจะสามารถดูสินค้าได้อย่างเป็นอิสระบน surface web แต่ถ้าคุณจะดูรายละเอียดบัญชีส่วนตัว หรือต้องการจะสั่งซื้อ คุณก็จะต้องล็อกอิน หลังจากที่คุณล็อกอินแล้ว คุณก็จะขยับลึกจาก surface web เข้าไปยัง deep web

Deep Web

deep web นั้นจะเป็นชั้นที่มีความเป็นส่วนตัว และมักจะต้องใช้รหัสผ่านในการเข้า มันเป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุดของเว็บไซต์ทั้งหมด ถือเป็นจำนวน 96% ของทั้งอินเทอร์เน็ตเลยทีเดียว หน้า deep web นั้นจะไม่สามารถถูกเข้าถึงได้ผ่านการค้นหาทั่วไป เนื่องจากเสิร์ชเอนจินจะไม่ได้จัดทำดัชนีของมัน มันเป็นชั้นของอินเทอร์เน็ตที่จะเข้าถึงได้เฉพาะสำหรับคนที่มีลิงก์หรือมีข้อมูลล็อกอินโดยเฉพาะ

หมวดหมู่นี้ จะรวมถึง คลาวด์ไดรฟ์, หน้าบัญชีบนเว็บไซต์ต่าง ๆ, เวชระเบียน, ข้อมูลบัตรเครดิต, รายงาน และอื่น ๆ คุณมักจะต้องใช้ URL เฉพาะและรหัสผ่านในการเข้าถึงหน้าบน deep web ยกตัวอย่าง ฐานข้อมูลบริษัทของคุณนั้นจะอยู่บน deep web

dark web กับ deep web นั้นไม่เหมือนกัน แต่คนส่วนใหญ่มักจะใช้สองคำนี้แทนกัน

Dark Web

Dark web นั้นเป็นชั้นที่สามของอินเทอร์เน็ต และเป็นชั้นที่ค้นหาได้ยากที่สุด มันจะประกอบไปด้วยเว็บไซต์ที่ใช้ ".onion” เป็นโดเมนระดับสูงสุดแทน ".com”, ".net”, อื่น ๆ คุณจะไม่สามารถเข้าถึงเว็บไซต์ ".onion” ผ่านเบราว์เซอร์ทั่วไปอย่าง Chrome และ Firefox ได้

ในขณะที่ surface และ deep web จะสามารถเข้าถึงด้วยวิธีนี้ได้ แต่ dark web จะต้องใช้ซอฟต์แวร์พิเศษ Tor (The Onion Router) นั้นเป็นเบราว์เซอร์ที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดสำหรับ dark web อย่างไรก็ตาม มันก็สามารถเข้าถึงผ่านเครือข่ายอย่าง Freenet, Riffle และ I2P ได้ด้วย คุณจะสามารถพบเจอได้ทั้งเว็บไซต์/กิจกรรมที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมายบน dark web เนื่องจากมันไม่มีการกำกับดูแลใด ๆ ทั้งสิ้น

The Onion Router (Tor) และเบราว์เซอร์ dark web อื่น ๆ นั้นจะมีการป้องกันในระดับหนึ่ง แต่มันก็ถือว่ามีจำกัด Tor นั้นจะส่งทราฟฟิคผ่านไปยังรีเลย์หลายชั้นที่เรียกว่า "โหนด" เป็นการทำให้มันถูกติดตามได้ยากยิ่งขึ้น ดังนั้น ถึงแม้ว่า ISP ของคุณจะมองไม่เห็นกิจกรรมเฉพาะที่คุณกำลังทำ แต่พวกเขาก็จะมองเห็นได้ว่าคุณกำลังใช้ dark web อยู่ นี่อาจจะทำให้คุณดูน่าสงสัย ถึงแม้ว่าคุณจะใช้งานอย่างถูกกฎหมายก็ตาม นอกจากนี้ยังมีอันตรายทางไซเบอร์มากมายที่มีความเกี่ยวข้องกับ dark web เช่นแฮ็กเกอร์ ไวรัส และความเป็นไปได้ที่จะมีผู้ประสงค์ร้ายซึ่งเป็นผู้จัดการโหนดบางแห่งอยู่

วิธีการเข้าถึง Dark Web อย่างปลอดภัย

การเข้าถึง dark web นั้นเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยง แต่ด้วยเครื่องมือและการเฝ้าระวังที่เหมาะสม คุณก็จะสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตส่วนนี้อย่างปลอดภัยได้ ด้านล่างนี้ พวกเราได้รวบรวม 4 วิธีที่จะช่วยปกป้องตัวคุณเองเวลาที่ทำการเข้าถึง dark web เอาไว้:

เว็บเบราว์เซอร์ที่ปลอดภัย

คุณจะไม่สามารถเข้าถึง dark web ด้วยการใช้เบราว์เซอร์ปกติอย่าง Chrome, Edge หรือ Safari ได้ คุณจะต้องใช้เว็บเบราว์เซอร์ที่เน้นทั้งเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยซึ่งสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ onion ได้

เบราว์เซอร์ที่ดีที่สุดสำหรับใช้เข้าถึง dark web อย่างปลอดภัยนั้นก็คือเบราว์เซอร์ Tor Tor นั้นถูกออกแบบมาเพื่อเน้นการไม่เปิดเผยตัวตนสำหรับกิจกรรมออนไลน์ของคุณด้วยวิธีการเข้ารหัสข้อมูลของคุณและส่งมันไปยังเครือข่ายของโหนดอาสาทั่วโลก นี่จะทำให้เป็นเรื่องยากที่ใครคนใดคนหนึ่งจะติดตามการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณหรือระบุตำแหน่งของคุณได้ เบราว์เซอร์ Tor นั้นจะสามารถบล็อกปลั๊กอิน, JavaScript และองค์ประกอบที่อาจจะมีความอันตรายอื่น ๆ เป็นค่าเริ่มต้นได้ด้วย นี่จะเป็นการช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้คุณในขณะที่ท่อง dark web ยิ่งขึ้นไปอีก

Screenshot showing the Tor interface as it establishes a connection to the networkเพื่อการเข้าถึง dark web อย่างรวดเร็ว คุณสามารถกำหนดค่า Tor ให้ทำการเชื่อมต่อโดยอัตโนมัติหลังจากที่เปิดใช้งานได้

นอกจาก Tor แล้วก็ยังมีเบราว์เซอร์อื่น ๆ สำหรับใช้เข้าถึง dark web ได้อีก แต่มันจะมีระดับการเข้าถึงและความปลอดภัยที่แตกต่างกันออกไป และก็มีเครือข่ายโหนดที่เล็กกว่าด้วย

IP2 นั้นจะเร็วกว่า Tor และจะมีความปลอดภัยแบบ peer-to-peer ที่แข็งแกร่งกว่า เนื่องจากมันใช้อุโมงค์แบบทางเดียวในการเข้ารหัสทราฟฟิค ซึ่งหมายความว่าจะมีเฉพาะทราฟฟิคที่เข้ามาหรือที่ออกไปเท่านั้นที่จะถูกดักจับได้ แต่จะไม่ใช่ทั้งสองอย่าง นอกจากนี้ มันจะใช้ฐานข้อมูลเครือข่ายแบบกระจาย ซึ่งจะถูกจู่โจมได้ยากกว่าแบบ Directory เซิร์ฟเวอร์คงที่ที่น่าเชื่อถือของ Tor

อย่างไรก็ตาม คุณจะสามารถใช้ I2P เข้าถึงเว็บไซต์ได้ไม่มากเท่ากับ Tor คุณจะสามารถเข้าถึงได้แค่เฉพาะบางเว็บไซต์ (ที่ถูกเรียกว่า "eepsites”) นอกจากนี้ มันก็ยังกำหนดค่าได้ยากกว่า หลังจากที่คุณดาวน์โหลดและติดตั้งแล้ว คุณก็จะต้องกำหนดค่ามันผ่านเราเตอร์, แอปแยก และ/หรือการตั้งค่าพร็อกซี่ของเบราว์เซอร์

Freenet นั้นเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับใช้แทน Tor แต่มันจะมีไว้ใช้งานสำหรับการแชร์เนื้อหา peer-to-peer อย่างไม่เปิดเผยตัวตนมากกว่า ผู้ใช้งานสามารถสร้างกลุ่มส่วนตัวสำหรับแชร์เนื้อหาได้ เรียกว่าโหมด darknet หรือพวกเขาสามารถใช้โหมด opennet เพื่อให้ถูกจับกลุ่มกับ peer อื่น ๆ บนเครือข่ายแบบสุ่มได้ เช่นเดียวกันกับ I2P มันจะใช้ฐานข้อมูลเครือข่ายแบบแจกแจงเพื่อช่วยป้องกันการจู่โจมทางไซเบอร์

Freenet นั้นเรียบง่ายมาก: คุณเพียงแค่ดาวน์โหลดและติดตั้งมัน มันจะทำงานโดยอัตโนมัติในเว็บเบราว์เซอร์ของคุณตอนที่คุณเปิดมัน ดังนั้นเราแนะนำให้คุณใช้เบราว์เซอร์อื่นแทนเบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะมีความเป็นส่วนตัวจริง ๆ คุณไม่ต้องใช้เซิร์ฟเวอร์ในการอัปโหลดเนื้อหาไปยัง Freenet ตราบใดก็ตามที่เนื้อหานั้นเป็นที่นิยม มันก็จะอยู่ต่อไปได้เรื่อย ๆ แต่มันจะเหมือนกันกับ I2P ตรงที่ Freenet จะไม่สามารถเข้าถึงลิงก์ .onion ได้ จะได้เฉพาะเนื้อหาที่อัปโหลดไปยัง Freenet

ใช้ VPN

แม้ว่าจะใช้ Tor แล้ว แต่บุคคลที่สามก็ยังสามารถติดตามกิจกรรมของคุณ และสามารถดูตัวตนและตำแหน่งของคุณได้ การใช้ VPN ควบคู่ไปกับเบราว์เซอร์ Tor นั้นจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยและการไม่เปิดเผยตัวตนขึ้นไปอีกชั้นหนึ่งได้

VPN จะเข้ารหัสทราฟฟิคอินเทอร์เน็ตของคุณและปิดบังที่อยู่ IP ของคุณ ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะมีใครมาติดตามกิจกรรมออนไลน์ของคุณได้ ถึงแม้ว่าจะมีคนใช้โหนดที่มุ่งร้ายบนเครือข่าย Tor เพื่อค้นหาที่อยู่ IP ของคุณ พวกเขาก็จะมองเห็นแค่ที่อยู่ IP ของ VPN แทนที่อยู่จริง

VPN นั้นยังช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณด้วยการป้องกันไม่ให้ ISP ของคุณมากติดตามการเชื่อมต่อของคุณด้วย เราแนะนำให้เลือก VPN พรีเมียมที่มีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบแล้วซึ่งตั้งอยู่ในประเทศที่เป็นมิตรต่อความเป็นส่วนตัว และก็มีการเข้ารหัสขั้นสูง, การป้องกันการรั่วไหลของ IP/DNS และ kill switch อย่าลืมทำการเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ VPN ก่อนที่จะเปิดเบราว์เซอร์ Tor เพื่อความปลอดภัยอย่างเต็มรูปแบบ

Vendor Logo of ExpressVPN
ฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับทหาร
ข้อเสนอ: ประหยัด 82% + รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
ตัวเลือกทีมงานด้านความปลอดภัย
คะแนนของเรา: 10.0
การเข้ารหัสระดับสูงเพื่อช่วยให้คุณปลอดภัย
ผ่านการตรวจสอบแล้วว่าไม่มีการเก็บข้อมูล

เสิร์ชเอนจิน Dark Web

คุณจะไม่สามารถค้นหา dark web ได้ด้วยการค้นหามันบน Google หรือเสิร์ชเอนจินที่พบเห็นได้ทั่วไปตัวอื่น ๆ คุณจะต้องใช้เสิร์ชเอนจินพิเศษที่จะจัดทำดัชนีเนื้อหาของ dark web เสิร์ชเอนจินยอดนิยมสำหรับ dark web ก็คือ "onion service (บริการ onion)" ของ DuckDuckGo มันจะทำให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหา dark web ได้โดยที่ไม่ต้องมีการเปิดเผยตัวตน อย่างไรก็ตาม มันจะเข้าถึงได้ทาง Tor เท่านั้น

Screenshot of the Tor browser homepage showing DuckDuckGo as the default search engineคุณสามารถเปลี่ยนเสิร์ชเอนจินที่เป็นค่าเริ่มต้นได้ในการตั้งค่าเบราว์เซอร์ Tor

เอนจิน dark web ยอดนิยมอื่น ๆ ประกอบไปด้วย Ahmia, Torch และ Not Evil เวลาที่ใช้เสิร์ชเอนจิน dark web นั้น เป็นเรื่องสำคัญมากที่คุณจะต้องระมัดระวังตัวและไม่คลิกลิงก์ที่ดูน่าสงสัยหรือพยายามเข้าถึงเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย

Dark websites

Dark websites หรือที่รู้จักกันในชื่อว่าเว็บไซต์ .onion นั้นจะเป็นเว็บไซต์ที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านเครือข่าย Tor เท่านั้น เว็บไซต์เหล่านี้จะใช้ระบบที่อยู่ที่แตกต่างออกไป เพื่อรักษาความเป็นส่วนตัวให้ทั้งสำหรับเจ้าของเว็บและผู้เข้าชม Dark websites นั้นมีเนื้อหาที่หลากหลายมาก ซึ่งก็รวมถึงทั้งสิ่งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย, ข้อมูล, เว็บบอร์ด, ตลาดซื้อขาย และอีกมากมาย

อันตรายของ Dark Web

เนื่องจากไม่มีการกำกับดูแล dark web นั่นแปลว่าคุณเองก็อาจจะตกเป็นเป้าของภัยอันตรายทางไซเบอร์ได้ในทุก ๆ ครั้งที่คุณเข้าชม คุณสามารถหลีกเลี่ยงภัยอันตรายเหล่านี้ได้ถ้าคุณมีความเข้าใจและรู้วิธีปกป้องตัวเองจากมัน

ด้านล่างนี้เป็นความเสี่ยงที่จะพบเจอได้บ่อยที่สุด และมาตรการที่คุณสามารถทำเพื่อปกป้องตัวเองได้

อาจติดมัลแวร์

การท่อง dark web นั้นทำให้คุณมีความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์ เช่นการโจมตีแบบ DDoS, botnets และมัลแวร์หรือไวรัสอื่น ๆ เพียงแค่กรอก URL ผิดหรือดาวน์โหลดไฟล์อันตรายโดยไม่ได้ตั้งใจ มันก็อาจทำให้เครื่องของคุณติดไวรัสหรือมัลแวร์ได้ มันจะส่งผลเสียต่อเครื่องของคุณ หรือถ้าเลวร้ายกว่านั้น ข้อมูลส่วนตัวของคุณก็อาจจะรั่วไหลออกไปด้วย

เพื่อที่จะป้องกันอันตรายเหล่านี้ เราแนะนำให้คุณท่อง dark web โดยมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนอยู่ในใจ สืบค้นเกี่ยวกับเว็บไซต์ล่วงหน้า และจดบันทึกลิงก์ที่คุณสามารถเชื่อถือได้เอาไว้

กิจกรรมอันตราย

Dark web นั้นเป็นเหมือนที่อาศัยของอาชญากรรมต่าง ๆ — ไม่ว่าจะเป็นการใช้เอกสารปลอมหรือเอกสารที่ถูกขโมย ไปจนกระทั่งการค้ายาและอาวุธ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นเครือข่ายสำหรับจ้างมือสังหาร, สื่อลามกเด็ก และไลฟ์สตรีมการฆาตกรรมอีกด้วย หากคุณบังเอิญเข้าไปยังเพจพวกนั้นโดยไม่ได้ตั้งใจ คุณอาจจะเจอผลที่ตามมาทางกฎหมายในประเทศไทยได้ หากมีคนรู้

เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์อันยุ่งเหยิงและผิดกฎหมาย เราแนะนำไม่ให้คุณเข้าเว็บ darknet ก่อนที่จะทำการสืบค้นเกี่ยวกับมันให้ชัดเจนเสียก่อน นอกจากนี้เราก็ยังขอแนะนำให้คุณท่อง dark web อย่างไม่เปิดเผยตัวตนด้วยการใช้ VPN เพื่อให้ปลอดภัยไว้ก่อน

เว็บไซต์หลอกลวง

แฮ็กเกอร์บน dark web นั้นสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของคุณได้อย่างง่ายดาย ผ่านการใช้โทรจัน, ฟิชชิง และเว็บไซต์หรือโปรแกรมหลอกลวงประเภทอื่น ๆ บางครั้งแค่คลิกผิดนิดเดียว ข้อมูลของคุณทั้งหมดที่คุณเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ก็สามารถรั่วไหลออกไปได้แล้ว ที่แย่ไปกว่านั้น อาชญากรไซเบอร์ก็ชอบที่จะเปิดใช้งานกล้องและไมโครโฟนบนคอมพิวเตอร์เพื่อไลฟ์สตรีมจากเหยื่อที่ไม่ทันระวังตัวอีกด้วย

URL ส่วนใหญ่บน dark web นั้นจะมีชื่อที่จดจำได้ยาก ดังนั้นคุณจึงสามารถติดกับดักแบบนี้ได้อย่างง่ายดาย และก็จะทำให้ไฟล์ส่วนตัว, ข้อมูลทางการเงิน, คีย์การพิมพ์ และข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ ต้องตกอยู่ในอันตราย เราแนะนำให้ใช้ VPN ตลอดตอนที่ทำการท่องเว็บ เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลจริงของคุณรั่วไหล

การเฝ้าระวัง

เพื่อเป็นการหยุดกลุ่มอาชญากรที่ดำเนินการบน dark web เจ้าหน้าที่ก็จะสร้างเว็บปลอมเพื่อติดตามอาชญากรรมเหล่านั้น ด้วยวิธีนี้ พวกเขาจึงสามารถดูได้ว่าใครมาเข้าเว็บของพวกเขาบ้าง และนี่ก็รวมถึงตัวคุณด้วย ถ้าคุณบังเอิญเข้าไปในเว็บไซต์นั้น ในบางประเทศนั้น เพียงแค่คุณใช้ Tor ก็อาจจะทำให้คุณถูกปักธงโดยองค์กรเหล่านี้ได้แล้ว ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้ทำกิจกรรมผิดกฎหมายก็ตาม

ในขณะที่ Tor นั้นเป็นโปรเจกต์โอเพนซอร์ซ แต่กิจกรรมของคุณก็อาจจะสามารถถูกติดตามกลับมาถึงที่อยู่ IP ของคุณได้ วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ทราบถึงกิจกรรมการท่องเว็บของคุณก็คือ การหลีกเลี่ยงเว็บไซต์ที่มีเรื่องผิดกฎหมาย นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมคุณจึงควรเข้าเฉพาะเว็บไซต์ที่คุณสืบค้นแล้วและมีความเชื่อใจเท่านั้น

Vendor Logo of ExpressVPN
ฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับทหาร
ข้อเสนอ: ประหยัด 82% + รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
ตัวเลือกทีมงานด้านความปลอดภัย
คะแนนของเรา: 10.0
การเข้ารหัสระดับสูงเพื่อช่วยให้คุณปลอดภัย
ผ่านการตรวจสอบแล้วว่าไม่มีการเก็บข้อมูล

หมายเหตุจากบรรณาธิการ: เนื่องจากความโปร่งใสนั้นเป็นหนึ่งในค่านิยมของ vpnMentor ดังนั้นเราต้องการแจ้งให้คุณทราบว่า เว็บของเราอยู่ในกลุ่มเจ้าของเดียวกันกับ ExpressVPN อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการตรวจสอบของเรา

เคล็ดลับเพิ่มเติมในการใช้งาน Dark Web อย่างปลอดภัย

เพื่อที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยโดยรวมในขณะที่เข้า dark web เป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องทำตามมาตรการป้องกันต่าง ๆ ต่อไปนี้เป็นมาตรการแนะนำที่คุณควรจะปฏิบัติ:

  • ใช้ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัส นี่จะช่วยเพิ่มการป้องกันขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง และจะช่วยปกป้องคุณและอุปกรณ์ของคุณจากการโจมตีทางไซเบอร์ คอยอัปเดตเวอร์ชันซอฟต์แวร์ให้เป็นล่าสุด เพราะถ้ามีเวอร์ชันใหม่ออกมาและคุณยังใช้งานเวอร์ชันเก่าอยู่ มันก็อาจจะไม่สามารถปกป้องคุณจากอันตรายทางไซเบอร์ใหม่ ๆ ได้
  • ใช้อีเมลอื่น แทนที่จะใช้ที่อยู่อีเมลจริงของคุณ คุณควรจะไปสมัครอีเมลใหม่สำหรับใช้งานกับกิจกรรม dark web ของคุณโดยเฉพาะ คุณสามารถเลือกใช้อีเมลแบบที่มีการเข้ารหัสได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่นของ ProtonMail
  • เก็บรักษาตัวตนให้เป็นเรื่องส่วนตัว อย่าใช้รูปถ่ายจริง, เบอร์โทรจริง หรือชื่อจริงของคุณ อย่าแบ่งปันข้อมูลใด ๆ ที่สามารถใช้เพื่อบ่งชี้ถึงตัวคุณ หรือข้อมูลละเอียดอ่อนใด ๆ ในขณะที่ใช้ dark web
  • ใช้ Bitcoin แทนที่จะใช้บัตรเครดิต ให้เปลี่ยนมาใช้ Bitcoin แทน นี่จะช่วยเพิ่มชั้นของการไม่เปิดเผยตัวตนในเวลาที่คุณทำการสั่งซื้อบน dark web และจะช่วยปกป้องคุณไม่ให้ถูกขโมยข้อมูลทางการเงินด้วย นอกจากนี้ก็ให้ระมัดระวังเกี่ยวกับบริการที่ต้องจ่ายเงินก่อนด้วย
  • ซื้อของจากเว็บไซต์ที่เชื่อถือได้เท่านั้น สืบค้นเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่คุณต้องการจะทำการสั่งซื้อล่วงหน้าก่อน สืบค้นเกี่ยวกับผู้ขายให้ละเอียด อ่านรีวิวจากผู้ใช้งาน และอย่ารีบเชื่อใจข้อเสนอที่ดูดีเกินไป ใช้บริการแบบ escrow (รับฝากและจ่ายเงิน) เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงที่จะถูกโกง
  • หลีกเลี่ยงส่วนเสริม Tor นั้นจะทำการบล็อกปลั๊กอินบางตัวโดยอัตโนมัติ (อย่างเช่น Flash, RealPlayer และ Quicktime) แฮ็กเกอร์เคยใช้มันเพื่อให้ได้ที่อยู่ IP จริงของผู้ใช้งานมาแล้วในอดีต เนื่องจากผู้พัฒนา Tor ไม่สามารถควบคุมสิ่งเหล่านี้ได้ ส่วนเสริมและส่วนขยายเบราว์เซอร์นั้นสามารถทำให้เกิดการติดตามผ่านลายนิ้วมือของเบราว์เซอร์ได้ด้วย
  • ปิดกล้องและลำโพงของคุณ คุณสามารถใช้เทปแบบทึบแสงได้ นี่จะช่วยปกป้องคุณจากอาชญากรไซเบอร์ที่พยายามแอบใช้อุปกรณ์ของคุณบันทึกเนื้อหาของคุณอย่างไม่พึงประสงค์
  • สืบค้นเกี่ยวกับเว็บไซต์ก่อนที่จะทำการเข้าถึง ตรวจสอบชื่อเสียงของเว็บไซต์หรือเว็บบอร์ดก่อนที่จะทำการเข้าถึงมัน และให้เข้าถึงเฉพาะลิงก์และเว็บไซต์ที่คุณเชื่อใจเท่านั้น เว็บ Subreddit อย่าง r/darkweb, r/tor นั้นจะมีประโยชน์สำหรับเรื่องนี้ หลีกเลี่ยงลิงก์ที่น่าสงสัยและไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งอาจจะพาคุณไปยังเว็บฟิชชิงหรือทำให้คุณดาวน์โหลดมัลแวร์มา นอกจากนี้ก็อย่าคลิกป๊อปอัพ, โฆษณา หรือคำร้องที่ดูน่าสงสัยใด ๆ
  • เปิดไฟล์ที่คุณดาวน์โหลดแบบออฟไลน์ ถ้าคุณดาวน์โหลดไฟล์มาจาก dark web ก็ให้คุณปิดอินเทอร์เน็ตก่อนที่จะเปิดไฟล์นั้น ถ้าคุณเปิดมันในขณะที่คุณเชื่อมต่ออยู่ มันอาจจะทำให้ที่อยู่ IP จริงของคุณรั่วไหลออกไปได้
  • ใช้ระบบปฏิบัติการที่เน้นด้านความปลอดภัย ยกตัวอย่างเช่น TAILS เราแนะนำให้เปิดใช้งานมันจากไดรฟ์แบบที่ถอดออกได้ ด้วยวิธีนี้ แฮ็กเกอร์ก็จะค้นหาคอมพิวเตอร์ของคุณบนเครือข่าย Tor ได้ยาก
  • ปิด JavaScript บนเบราว์เซอร์ Tor ในปี 2013 เคยมีแฮ็กเกอร์ที่เจอวิธีการติดตามผู้ใช้งานด้วยการเข้าถึงรายละเอียดเซสชั่นของพวกเขา ซึ่ง JavaScript มีให้
  • อย่าเปลี่ยนขนาดหน้าต่าง Tor ของคุณ นี่อาจจะทำให้มีคนติดตามคุณได้ผ่านลายนิ้วมือเบราว์เซอร์

Dark Web นั้นผิดกฎหมายหรือไม่?

Dark web นั้นเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายในประเทศส่วนใหญ่ ตราบใดก็ตามที่คุณไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องผิดกฎหมาย คุณก็จะไม่ต้องเจอกับปัญหาใด ๆ อย่างไรก็ตาม ในประเทศที่มีการเซ็นเซอร์อย่างเข้มงวด (เช่นจีน, รัสเซีย, ไทย หรือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) การเข้าถึง dark web นั้นเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย และเราแนะนำอย่างยิ่งให้คุณทำตามกฎหมายในประเทศของคุณ เพื่อหลีกเลี่ยงถึงผลทางกฎหมายที่จะตามมาในภายหลัง

ถึงแม้ว่า dark web จะเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายในประเทศของคุณ คุณก็อาจจะถูกจัดหมวดหมู่ไปอยู่ในกลุ่มของผู้ที่ต้องเฝ้าระวังอยู่ดี เพียงแค่เพราะการใช้เบราว์เซอร์ dark web อย่าง Tor เจ้าหน้าที่นั้นจะใช้ dark web เป็นเครื่องมือในการจับตัวอาชญากรที่กระทำเรื่องผิดกฎหมาย อย่างเช่นการค้ามนุษย์, ยา หรืออาวุธ และอีกมากมาย นี่เป็นคดีชื่อดังที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ dark web:

  • คดี Silk Road เว็บไซต์นี้เป็นเหมือน Amazon แห่ง dark web เลย ตอนเริ่มก่อตั้งนั้นมันก็มีเจตนาที่ดี แต่สุดท้ายมันก็กลายเป็นสถานที่ขายสินค้าผิดกฎหมายมากมาย อย่างเช่นยา, อาวุธ และเอกสารที่ถูกปลอมแปลง คนที่อยู่เบื้องหลังเว็บไซต์นี้ถูกจับได้เพราะว่าเขาโปรโมทเว็บไซต์ของเขาบน surface web ด้วยการใช้ที่อยู่อีเมลจริง
  • คดี AlphaBay เว็บไซต์นี้เป็นเหมือนผู้รับช่วงต่อของ Silk Road มันเป็นที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนยา, อาวุธ และสินค้าผิดกฎหมายอื่น ๆ สุดท้ายแล้วเจ้าของก็ถูกจับได้ เพราะว่าเขาใช้รหัสผ่านที่ไม่แน่นหนา, ใช้ที่อยู่อีเมลจริง, ไม่มีการเข้ารหัส และอีกหลายเหตุผล
  • คดี Ashley Madison คดีนี้เป็นไวรัลเลย Ashley Madison เป็นเว็บไซต์สำหรับการคบชู้ แฮ็กเกอร์เคยเปิดเผยข้อมูลของผู้ที่ใช้งานเว็บไซต์นี้ ทำให้ชีวิตของใครหลายคนพังไปตาม ๆ กัน แต่ก็ไม่มีใครจับตัวแฮ็กเกอร์ได้

ถึงแม้ว่าเรื่องเหล่านี้จะทำให้ dark web ดูเป็นสิ่งที่แย่ไปเลยนั้น แต่มันก็มีกิจกรรมที่ถูกต้องตามกฎหมายและมีประโยชน์มากมายในการเข้าถึงมันเช่นกัน เราแนะนำให้คุณใช้งานเฉพาะเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงและเชื่อใจได้ รวมถึงใช้มาตรการป้องกันต่าง ๆ เพื่อปกป้องความปลอดภัยของตัวคุณเอง

ฉันสามารถทำอะไรบน Dark Web ได้บ้าง?

มีกิจกรรมและทรัพยากรที่มีประโยชน์มากมายบน dark web แต่ยังไงก็ตาม การรักษาสถานะการไม่เปิดเผยตัวตนก็ยังคงเป็นเรื่องสำคัญ การใช้ Tor อย่างไม่มีการป้องกันนั้นจะทำให้คุณต้องเผชิญกับภัยอันตรายไซเบอร์มากมาย อย่างเช่นแฮ็กเกอร์, ตัวติดตาม และมัลแวร์ อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณเข้าใช้งาน dark web อย่างปลอดภัย มันก็จะมีข้อดีต่าง ๆ มากมาย เช่น:

  • เสรีภาพในการพูด dark web จะช่วยให้คนที่อาศัยอยู่ในประเทศที่มีการเซ็นเซอร์อย่างเข้มงวดนั้น มีโอกาสได้สื่อสารกันอย่างเปิดกว้างโดยไม่ต้องเปิดเผย
  • การเปิดโปงอาชญากรหรือบุคคลสาธารณะที่ทุจริต นักข่าวและผู้แจ้งเบาะแสจะหันไปใช้ dark web เป็นสถานที่ปลอดภัยในการแบ่งปัน/รับข้อมูลที่ไม่เปิดเผยตัวตนทางออนไลน์ หรืออาจจะใช้สืบสวนสถานการณ์ที่เป็นที่ถกเถียงกันได้ด้วย
  • ซื้อผลิตภัณฑ์ได้ในราคาถูกกว่า บางผลิตภัณฑ์นั้นจะมีขายบน dark web ในราคาที่ถูกกว่ามาก อย่างเช่นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือซอฟต์แวร์ความปลอดภัย การซื้อของบน dark web นั้นเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยง ดังนั้นคุณควรจะใช้ Bitcoin และทำการสั่งซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น
  • เนื้อหาเกี่ยวกับการวิจัย คุณสามารถค้นหาเนื้อหาฟรีอย่างเช่นหนังสือดิจิทัล และบทความวิจัยได้บน dark web
  • สื่อสารได้อย่างไม่เปิดเผยตัวตน บน dark web นั้นมีชุมชนออนไลน์และเว็บไซต์ให้บริการที่สามารถให้เคล็ดลับและคำแนะนำกับคุณได้โดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตนของคุณ
  • รับคำแนะนำทางการแพทย์ หากคุณกำลังมีอาการหรือมีปัญหาสุขภาพใด ๆ บน dark web นั้นก็มีหมอที่สามารถให้ความช่วยเหลือคุณได้ นี่จะมีประโยชน์เป็นพิเศษสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับโรคที่กำลังเป็น หรืออาจจะไม่มีเงินสำหรับไปเข้าคลินิก

ก่อนที่ทำกิจกรรมใด ๆ บน dark web เราแนะนำให้สืบค้นเกี่ยวกับเว็บไซต์ล่วงหน้าก่อน ใช้เบราว์เซอร์ปกติของคุณในการสืบค้นว่าเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือบ้าง มีข้อมูลอยู่บนโลกออนไลน์มากมายซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยได้แนะนำเกี่ยวกับลิงก์ .onion ที่มีความน่าเชื่อถือ

นี่เป็นลิงก์สำหรับ dark web บางส่วนที่มีความปลอดภัยและมีประโยชน์

  • Daniel: เว็บไซต์แบบครบวงจรที่จะช่วยให้คุณสามารถค้นหาหน้า dark web อื่น ๆ ได้ตามหมวดหมู่หรือคีย์เวิร์ด และก็ตรวจสอบได้ด้วยว่ามันเข้าได้หรือไม่
  • ProPublica: คุณจะสามารถค้นหาข่าวการสืบสวนที่มีคุณภาพยอดเยี่ยมได้ที่นี่
  • Hidden Answers: นี่เป็นเหมือน Quora ของ dark web ที่ซึ่งคุณจะสามารถถามได้ทุกคำถามโดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตน
  • Imperial Library: ถ้าคุณรักการอ่าน dark website นี้ก็จะเหมาะมากสำหรับคุณ คุณสามารถค้นหาหนังสือฟรีได้ทุกประเภทเป็นพัน ๆ เล่ม
  • Hidden Wiki: นี่เป็นลิงก์รายการ dark web อีกแห่งหนึ่ง แต่มันยังไม่ดีเท่ากับ Daniel เนื่องจากจะมีลิงก์ที่เปิดไม่ได้ในบางครั้ง
  • SecureDrop: ถ้าคุณมีข้อมูลที่คุณต้องการจะแบ่งปันกับนักข่าว นี่เป็นเว็บไซต์สำหรับคุณเลย

VPN ที่ดีที่สุดสำหรับใช้เข้า Dark Web อย่างปลอดภัยในปี 2024

  1. ExpressVPN: มีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลอย่างเข้มงวด และใช้เซิร์ฟเวอร์แบบ RAM ที่จะลบข้อมูลทั้งหมดของคุณในทุกครั้งที่มีการรีบูท แถมมันจะช่วยเปลี่ยนเส้นทางทราฟฟิค dark web ทั้งหมดของคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์ DNS ที่มีความปลอดภัย ดังนั้นจะไม่มีใครสามารถมาแทรกแซงหรือดูกิจกรรมบน dark web ของคุณได้ แอปของมันรองรับภาษาไทยและก็มีไลฟ์แชทเป็นภาษาไทยด้วย คุณยังสามารถทดลองใช้งานได้อย่างไม่มีความเสี่ยงด้วยเนื่องจากมันมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
  2. CyberGhost: ฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ทันสมัยอย่างการเข้ารหัส 256-bit AES, การป้องกันการรั่วไหลของ DNS/IP และ kill switch เพื่อช่วยไม่ให้กิจกรรมบน dark web ของคุณรั่วไหล
  3. Private Internet Access: ฟีเจอร์ MACE ที่ติดมาในตัวจะช่วยทำการบล็อกโฆษณา, ตัวติดตาม และมัลแวร์ในขณะที่คุณท่อง dark web นอกจากนี้ อินเทอร์เฟซของมันแสดงค่าเป็นภาษาไทยได้และไลฟ์แชทฝ่ายบริการลูกค้าก็รองรับภาษาไทยด้วย

หมายเหตุจากบรรณาธิการ: เราให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ของเรากับผู้อ่าน และเรามุ่งมั่นที่จะได้รับความไว้วางใจจากคุณด้วยการทำงานด้วยความโปร่งใสและความซื่อสัตย์ เว็บของเราอยู่ในกลุ่มเจ้าของเดียวกันกับผลิตภัณฑ์ชั้นนำในอุตสาหกรรมบางส่วนที่ได้รับการตรวจสอบบนเว็บไซต์นี้: Intego, Cyberghost, ExpressVPN และ Private Internet Access อย่างไรก็ตามสิ่งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการตรวจสอบของเรา เนื่องจากเราปฏิบัติตามวิธีการทดสอบที่เข้มงวด

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการเข้า Dark Web อย่างปลอดภัย

Dark Web ใหญ่ขนาดไหน?

Dark Web นั้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็ก ๆ ของอินเทอร์เน็ตเท่านั้น อย่างไรก็ตาม มันยากที่จะบอกได้อย่างชัดเจนว่ามันมีขนาดเท่าไร เนื่องจากมันถูกซ่อน, มีการกระจายศูนย์ และก็มีการวิวัฒนาการตลอดเวลา การที่มันถูกซ่อน ทำให้การเข้าถึง dark web นั้นเป็นเรื่องที่ยากขึ้น แต่ก็มีวิธีที่น่าเชื่อถือให้เลือกใช้ได้อยู่

Dark Web ถูกสร้างขึ้นมาเพราะอะไร?

กองทัพสหรัฐอเมริกาสร้าง dark web ขึ้นมาเพื่อป้องกันการสื่อสารข่าวกรองของสหรัฐอเมริกาทางออนไลน์ และหลังจากนั้นมันก็ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ ที่ซึ่งความสามารถในการไม่เปิดเผยตัวตนขั้นสูงของมันทำให้มันถูกนำไปใช้งานในหลากหลายรูปแบบ ในขณะที่มันมีการนำไปใช้งานอย่างถูกกฎหมาย แต่การไม่เปิดเผยตัวตนของ dark web ก็ทำให้มันกลายเป็นแหล่งรวมกิจกรรมที่ผิดกฎหมายด้วยเช่นกัน และนี่ก็เป็นที่มาว่าทำไมมันจึงมีชื่อเสียงในแง่ลบ

ฉันสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ของ dark web บนโทรศัพท์, iPad หรือ Chromebook ได้หรือไม่?

คุณสามารถเข้าถึง Tor บนมือถือหรือ iPad ได้ (ซึ่งเราไม่แนะนำ) แต่ Chromebook จะทำไม่ได้ Tor นั้นมีแอปสำหรับทั้ง Android และ iOS อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์เหล่านี้มันไม่สามารถดูแลข้อมูลของคุณให้ปลอดภัยได้ ถ้าคุณคิดจะเข้าถึง dark web จากโทรศัพท์มือถือของคุณ เราแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้คุณปกป้องตนเองด้วยการใช้ VPN

ผู้ใช้งาน Android จะต้องดาวน์โหลด Orbot หรือ Orfox เพื่อทำการเข้าถึง dark web บนมือถือของพวกเขา Orbot นั้นจะเชื่อมต่อคุณเข้าหาเครือข่าย Tor และ Orfox เป็นเบราว์เซอร์จริง ๆ ที่คุณจะต้องใช้

สำหรับผู้ใช้งาน iOS คุณจะต้องใช้แอป Onion Browser อย่าลืมปิดกล้องและปิดลำโพงตอนที่คุณดาวน์โหลดแอปเหล่านี้ด้วย

สำหรับผู้ใช้งาน Chromebook น่าเสียดายแต่มันไม่มีแอป Tor อย่างเป็นทางการสำหรับ ChromeOS ในปัจจุบัน

มีตัวเลือกอื่นนอกจาก Tor อีกหรือไม่?

มีอีกหลายวิธีในการเข้าถึง dark web โดยไม่ผ่าน Tor แต่มันก็จะมีระดับความสามารถในการเข้าถึงและความปลอดภัยที่ต่างกันออกไป อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้เบราว์เซอร์ไหน มันต่างก็มีความเสี่ยงในการเข้าถึง dark web ทั้งนั้น เราจึงแนะนำให้คุณท่องเว็บอย่างปลอดภัยขึ้นด้วยการใช้ VPN

เครือข่ายหนึ่งที่แยกจาก Tor คือ I2P ซึ่งจะเปิดให้คุณเข้าถึงได้แค่บางเว็บไซต์ (เรียกว่า "eepsites”) I2P จะเข้าถึงเว็บไซต์ได้ไม่มากเท่ากับ Tor นอกจากนี้มันก็ยังกำหนดค่าได้ยากกว่าด้วย แต่ในอีกมุมหนึ่ง I2P นั้นจะเร็วกว่าและมีความปลอดภัยแบบ peer-to-peer ที่ดีกว่า Tor

อีกทางหนึ่งก็คือ Freenet; เช่นเดียวกันกับ I2P คือมันจะไม่เปิดให้คุณเข้าถึงลิงก์ .onion แต่จะเข้าถึงได้เฉพาะเนื้อหาที่ถูกอัปโหลดขึ้น Freenet เท่านั้น มันเป็นพื้นที่สำหรับการแชร์เนื้อหาแบบ peer-to-peer อย่างไม่เปิดเผยตัวตน เช่นเดียวกันกับ I2P มันจะใช้ฐานข้อมูลเครือข่ายแบบแจกแจงเพื่อช่วยป้องกันการจู่โจมทางไซเบอร์ การกำหนดค่า Freenet นั้นไม่ยาก คุณแค่ดาวน์โหลดและก็ติดตั้งมัน มันจะทำงานโดยอัตโนมัติบนเว็บเบราว์เซอร์ของคุณ ดังนั้นเราแนะนำให้คุณใช้เบราว์เซอร์อื่นแทนเบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่ามันจะมีความเป็นส่วนตัวจริง ๆ

มีเสิร์ชเอนจินสำหรับ dark web หรือไม่?

มีให้เลือกอยู่ อย่างไรก็ตาม การเข้าชมเว็บไซต์ที่คุณค้นหาเจอจากเสิร์ชเอนจินนั้นอาจเป็นเรื่องที่มีความอันตราย; บางเว็บไซต์นั้นถูกตั้งขึ้นมาโดยแฮ็กเกอร์เพื่อใช้เก็บข้อมูลของคุณ และบางเว็บไซต์นั้นก็อาจมีไฟล์ที่เป็นอันตรายต่อเครื่องของคุณด้วย คำแนะนำของเราก็คือ คุณควรจะสืบค้นเกี่ยวกับเว็บไซต์ก่อนที่จะกดเข้าผ่านทางเสิร์ชเอนจินและคุณควรจะปกป้องข้อมูลส่วนตัวด้วย VPN ที่มีความปลอดภัยสูง

เสิร์ชเอนจิน Dark web นั้นจะหน้าตาไม่เหมือน เสิร์ชเอนจินที่คุณพบเห็นได้ทั่วไปอย่าง Google และมันก็ยังมีประสิทธิภาพไม่ค่อยดีในการใช้ค้นหาสิี่งที่คุณต้องการจะเข้าดูด้วย นี่ก็เป็นเพราะว่า dark web นั้นมีวิวัฒนาการอยู่ตลอด เสิร์ชเอนจินนั้นตามการเปลี่ยนแปลงไม่ทัน และมักจะให้ผลลัพธ์ที่ไม่เกี่ยวข้องหรือซ้ำอยู่บ่อยครั้ง

อย่างไรก็ตาม มี search engine ที่มีความน่าเชื่อถือบางรายที่อาจจะช่วยคุณได้เล็กน้อย อย่างเช่น:

  • DuckDuckGo
  • SearX
  • Daniel

Tor ทับ VPN กับ VPN ทับ Tor นั้นต่างกันอย่างไร?

ข้อแตกต่างก็คือลำดับการผ่านของทราฟฟิคอินเทอร์เน็ต Tor ทับ VPN จะส่งทราฟฟิคของคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์ VPN ก่อนที่จะส่งไปเครือข่าย Tor ในขณะที่ VPN ทับ Tor นั้นจะส่งทราฟฟิคของคุณไปยังเบราว์เซอร์ Tor ก่อน

ทั้งสองวิธีนี้ต่างก็ดีกว่าการไม่ใช้ VPN เลย ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน เราก็แนะนำให้คุณใช้ Tor กับ VPN ที่ไม่บันทึกข้อมูลของคุณ วิธีนี้จะทำให้บุคคลที่สามไม่สามารถรู้ได้ว่าคุณกำลังใช้ Tor; พวกเขาจะรู้แค่ว่าคุณกำลังใช้ VPN

ขอให้ทราบไว้ว่า เราไม่แนะนำให้ใช้ VPN ทับ Tor แม้แต่ตัวเบราว์เซอร์ Tor เองเขาก็ไม่แนะนำ เพราะทราฟฟิคของคุณจะถูกส่งไปที่เครือข่าย Tor ก่อนที่จะถูกส่งไปยัง VPN ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณจะไม่เห็นที่อยู่ IP ของคุณ แต่พวกเขาจะรู้ว่าคุณใช้ Tor

ฉันสามารถเข้า dark web โดยใช้ VPN ฟรีได้หรือไม่?

สามารถทำได้ แต่เราไม่แนะนำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้แน่ใจกิจกรรมบน dark web ของคุณจะได้รับการป้องกัน การใช้ VPN ที่น่าเชื่อถือซึ่งไม่มีการบันทึกข้อมูลนั้นเป็นเรื่องที่เราแนะนำให้ทำ

VPN ฟรีนั้นมีความปลอดภัยและความเสถียรไม่เท่ากับ VPN ระดับพรีเมียม พวกมันผ่านการพิสูจน์ในอดีตมาแล้วว่าเคยทำให้ที่อยู่ IP จริงของผู้ใช้งานรั่วไหล ซึ่งจะทำให้แฮ็กเกอร์และเจ้าหน้าที่สามารถดักจับข้อมูลของคุณได้ นอกจากนี้่พวกเขายังจำกัดแบนด์วิดท์และความเร็วของคุณ รวมถึงยังนำเสนอโฆษณาและป๊อปอัพอันน่ารำคาญใส่คุณด้วย การใช้บริการฟรีนั้นไม่คุ้มกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น ในเมื่อคุณสามารถเลือกใช้ VPN คุณภาพสูงที่มีการรับประกันคืนเงินอย่างไม่มีความเสี่ยงได้

ข้อสรุป

Dark web นั้นเป็นสถานที่ที่มีอันตรายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่มันก็สามารถสร้างประโยชน์ได้มากมายด้วยเช่นกัน มันมีประโยชน์ด้านการสืบค้น, ช่วยนักข่าวให้เปิดเผยเรื่องของความอยุติธรรม, การสื่อสารอย่างไม่เปิดเผยตัวตน, และสืบสวนเรื่องเกี่ยวกับอาชญากรรม

ถึงแม้ว่ามันจะมีประโยชน์มากมาย แต่มันก็เป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องปกป้องตัวเองตอนที่เข้าชม dark web คุณควรจะทำการสืบค้นเกี่ยวกับเว็บไซต์ก่อนที่คุณจะเข้าไปดู เพื่อให้มั่นใจว่าคุณไม่ได้เข้าเว็บไซต์ที่ผิดกฎหมายหรือมีอันตราย นอกจากนี้ การใช้ VPN ที่น่าเชื่อถือนั้นจะช่วยรักษาสถานะการไม่เปิดเผยตัวตนของคุณ และช่วยปกป้องข้อมูลส่วนตัวของคุณด้วย

การแจ้งเตือนความเป็นส่วนตัว!

ข้อมูลของคุณจะถูกเปิดเผยต่อเว็บไซต์ที่คุณเข้าชม!

หมายเลข IP ของคุณ:

ตำแหน่งของคุณ:

ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณ:

ข้อมูลข้างต้นสามารถใช้เพื่อติดตาม กำหนดเป้าหมายโฆษณาและติดตามกิจกรรมที่คุณทำบนอินเตอร์เน็ตได้

VPN สามารถช่วยคุณซ่อนข้อมูลเหล่านี้จากเว็บไซต์ เพื่อให้คุณได้รับการปกป้องตลอดเวลา เราขอแนะนำ ExpressVPN - VPN อันดับ #1 จากผู้ให้บริการกว่า 350 รายที่เราได้ทดสอบ มีการเข้ารหัสระดับทหารและฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวมากมายที่จะช่วยให้คุณมั่นใจในความปลอดภัยเมื่อใช้งานอินเตอร์เน็ต - นอกจากนี้ยังมีส่วนลดจาก 82% อีกด้วย

เข้าชมเว็บ ExpressVPN

พวกเราจัดอันดับผู้ให้บริการตามการทดสอบและการค้นคว้าอย่างเข้มงวด แต่ก็จะมีการคำนึงถึงความคิดเห็นของคุณและค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการด้วย ผู้ให้บริการบางรายนั้นจะมีบริษัทแม่แห่งเดียวกันกับพวกเรา
เรียนรู้เพิ่มเติม
vpnMentor ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 เพื่อจุดประสงค์ในการตรวจสอบบริการ VPN และวิจารณ์ด้านความเป็นส่วนตัว ในวันนี้ทีมนักวิจัย นักเขียนและบรรณาธิการด้านความปลอดภัยอินเตอร์เน็ตของเราหลายร้อยคนยังคงช่วยเหลือผู้อ่านต่อสู้เพื่ออิสรภาพทางออนไลน์โดยร่วมมือกับ Kape Technologies PLC ซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ต่อไปนี้: ExpressVPN, CyberGhost, ZenMate, Private Internet Access และ Intego ซึ่งอาจได้รับการวิจารณ์บนเว็บไซต์นี้ บทวิจารณ์ที่เผยแพร่บน vpnMentor เชื่อว่ามีความถูกต้อง ณ วันที่เผยแพร่แต่ละบทความและเขียนขึ้นตามมาตรฐานการตรวจสอบที่เข้มงวดของเรา ซึ่งจัดลำดับความสำคัญของการตรวจสอบผู้ตรวจสอบอย่างมืออาชีพและซื่อสัตย์ โดยคำนึงถึงความสามารถทางเทคนิคและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ร่วมกับมูลค่าทางการค้าสำหรับผู้ใช้ การจัดอันดับและบทวิจารณ์ที่เราเผยแพร่อาจคำนึงถึงความเป็นเจ้าของร่วมกันกับบริการที่กล่าวถึงข้างต้นและค่าคอมมิชชั่นพันธมิตรที่เราได้รับจากการซื้อผ่านลิงก์บนเว็บไซต์ของเรา เราไม่ได้ตรวจสอบผู้ให้บริการ VPN ทั้งหมดและเชื่อว่าข้อมูลที่จะมีความถูกต้อง ณ วันที่เผยแพร่แต่ละบทความ

เกี่ยวกับผู้เขียน

ธนพัฒน์เป็นนักเขียนฟรีแลนซ์และเป็นผู้ที่มีความชื่นชอบด้านเทคโนโลยี เขามีความตั้งใจที่จะแบ่งปันข้อมูลเรื่องความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ให้กับทุกคนผ่านในแต่ละบทความ

คุณชอบบทความนี้ไหม? โหวตให้คะแนนเลยสิ!
ฉันเกลียดมัน ฉันไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ พอใช้ได้ ค่อนข้างดี รักเลย!
เต็ม 10 - โหวตโดย ผู้ใช้งาน
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ

กรุณาแสดงความคิดเห็นว่าพวกเราสามารถพัฒนาบทความนี้ได้อย่างไร ความคิดเห็นของคุณมีค่าสำหรับเรา!

แสดงความคิดเห็น

ขออภัย แต่ช่องนี้ไม่รองรับลิงก์!

ชื่อจะต้องมีอย่างน้อย 3 ตัวอักษร

ช่องเนื้อหาจะต้องยาวไม่เกิน 80 ตัวอักษร

ขออภัย แต่ช่องนี้ไม่รองรับลิงก์!

กรุณากรอกที่อยู่อีเมลที่ถูกต้อง