พวกเราจัดอันดับผู้ให้บริการตามการทดสอบและการค้นคว้าอย่างเข้มงวด แต่ก็จะมีการคำนึงถึงความคิดเห็นของคุณและค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการด้วย ผู้ให้บริการบางรายนั้นจะมีบริษัทแม่แห่งเดียวกันกับพวกเรา
เรียนรู้เพิ่มเติม
vpnMentor ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2014 ในฐานะเว็บไซต์รีวิวบริการ VPN อย่างอิสระและเว็บไซต์ข่าวเกี่ยวกับเรื่องความเป็นส่วนตัว วันนี้ ทีมงานนักวิจัยความปลอดภัยทางไซเบอร์, นักเขียน และบรรณาธิการนับร้อยของพวกเราได้ช่วยผู้อ่านให้ต่อสู้เพื่ออิสรภาพทางออนไลน์ผ่านการจับมือกับ Kape Technologies PLC ซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ดังต่อไปนี้: ExpressVPN, CyberGhost และ Private Internet Access ซึ่งอาจจะได้รับการจัดอันดับและรีวิวบนเว็บไซต์ของเราด้วย รีวิวที่ได้รับการเผยแพร่บน vpnMentor นั้นมีความแม่นยำถึงวันที่ทำการเผยแพร่ และแต่ละรีวิวก็จะถูกเขียนขึ้นโดยอ้างอิงมาตรฐานที่เข้มงวดด้านการรีวิวซึ่งจะเน้นความเป็นอิสระและการค้นคว้าวิจัยอย่างซื่อสัตย์และเป็นมืออาชีพของนักรีวิว โดยจะเน้นไปถึงความสามารถและคุณภาพของผลิตภัณฑ์รวมถึงความคุ้มค่าที่มันมีต่อผู้ใช้งาน การจัดอันดับและรีวิวที่พวกเราเผยแพร่นั้นอาจจะคำนึงถึงการเป็นเจ้าของเดียวกันที่กล่าวถึงด้านบน และค่าคอมมิชชั่นที่พวกเราได้รับในกรณีที่มีการสั่งซื้อผ่านลิงก์บนเว็บไซต์ของเราด้วย พวกเราไม่ได้ทำการรีวิวผู้ให้บริการ VPN ทั้งหมด และข้อมูลที่เผยแพร่นั้นจะมีความแม่นยำถึงวันที่เผยแพร่แต่ละบทความ
การเปิดเผยข้อมูลการโฆษณา

vpnMentor ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2014 ในฐานะเว็บไซต์รีวิวบริการ VPN อย่างอิสระและเว็บไซต์ข่าวเกี่ยวกับเรื่องความเป็นส่วนตัว วันนี้ ทีมงานนักวิจัยความปลอดภัยทางไซเบอร์, นักเขียน และบรรณาธิการนับร้อยของพวกเราได้ช่วยผู้อ่านให้ต่อสู้เพื่ออิสรภาพทางออนไลน์ผ่านการจับมือกับ Kape Technologies PLC ซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ดังต่อไปนี้: ExpressVPN, CyberGhost และ Private Internet Access ซึ่งอาจจะได้รับการจัดอันดับและรีวิวบนเว็บไซต์ของเราด้วย รีวิวที่ได้รับการเผยแพร่บน vpnMentor นั้นมีความแม่นยำถึงวันที่ทำการเผยแพร่ และแต่ละรีวิวก็จะถูกเขียนขึ้นโดยอ้างอิงมาตรฐานที่เข้มงวดด้านการรีวิวซึ่งจะเน้นความเป็นอิสระและการค้นคว้าวิจัยอย่างซื่อสัตย์และเป็นมืออาชีพของนักรีวิว โดยจะเน้นไปถึงความสามารถและคุณภาพของผลิตภัณฑ์รวมถึงความคุ้มค่าที่มันมีต่อผู้ใช้งาน การจัดอันดับและรีวิวที่พวกเราเผยแพร่นั้นอาจจะคำนึงถึงการเป็นเจ้าของเดียวกันที่กล่าวถึงด้านบน และค่าคอมมิชชั่นที่พวกเราได้รับในกรณีที่มีการสั่งซื้อผ่านลิงก์บนเว็บไซต์ของเราด้วย พวกเราไม่ได้ทำการรีวิวผู้ให้บริการ VPN ทั้งหมด และข้อมูลที่เผยแพร่นั้นจะมีความแม่นยำถึงวันที่เผยแพร่แต่ละบทความ

วิธีปลดบล็อกและดู Disney Plus จากในปี 2024

เชฮารียาร์ ซาฮีร์ อัปเดตเมื่อ 28/02/2024 ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย เอ็มม่า ไอเรส นักวิจัยด้านความปลอดภัยทางอินเตอร์เน็ต
สารบัญ

Disney+ มีรายการที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ถึงแม้ว่าบริการจะได้รับความนิยมมากขนานไหน แต่บริการก็ยังนำเสนอรายการที่แตกต่างกันในทุกที่อยู่ดี ยกตัวอย่างเช่น เราไม่สามารถดู Disney+ จากในประเทศไทยได้ แถมบริการสตรีมมิ่งอย่าง Disney+ Hotstar ก็ไม่ได้มีบริการในทุกที่อีกด้วย

อย่างไรก็ตามคุณสามารถแก้ปัญหานี้ได้ด้วยการใช้ VPNบริการนี้จะช่วยซ่อนตำแหน่งที่แท้จริงของคุณและทำให้ดูเหมือนว่าคุณเข้าใช้งานจากตำแหน่งอื่น ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงบริการของ Disney+ ได้จากทุกที่ รวมถึงจากประเทศไทยด้วย

จากกว่า 50 บริการ VPN ที่ฉันและทีมได้ทดสอบ ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับรับชม Disney+ คือ ExpressVPN เนื่องจากบริการสามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์หลากหลาย ช่วยให้คุณสามารถรับชมรายการของ Disney Plus ได้ในทุกอุปกรณ์ที่คุณต้องการ นอกจากนี้ยังมีความเร็วสูงเหมาะสำหรับสตรีมในความคมชัดแบบ 4K  บริการมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงิน 30 วัน ดังนั้นคุณสามารถทดลองใช้งานได้ ExpressVPN ได้ไม่มีความเสี่ยง

ดู Disney+ ด้วย ExpressVPN

คำแนะนำฉบับย่อ: วิธีการรับชม Disney+ ได้จากทุกที่ใน 3 ขั้นตอนง่าย ๆ 

  1. ดาวน์โหลด VPN ฉันแนะนำให้เลือก ExpressVPN เพราะบริการมีเซิร์ฟเวอร์ความเร็วสูงสำหรับการสตรีม Disney+ ในความคมชัดแบบ UHD โดบไม่มีสะดุด นอกจากนี้ยังใช้งานกับทุกอุปกรณ์อีกด้วย 
  2. เชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ในประเทศที่ต้องการ ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการรับชม Disney+ ในอเมริกา ก็ให้เชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ในอเมริกา
  3. เริ่มรับชม Disney+ได้เลยเพลิดเพลินกับการสตรีมมิ่ง Disney+ ในประเทศไทย หรือจากที่ไหนก็ได้ที่มันถูกบล็อก

ทำไมคุณถึงต้องใช้ VPN เพื่อรับชม Disney+

เนื่องจากข้อตกลงในการนำเสนอทำให้ Disney Plus ใช้การปิดกั้นการเข้าถึงตามภูมิศาสตร์ สิ่งนี้จะระบุตำแหน่งของคุณตามหมายเลข IP ที่คุณใช้และแสดงเนื้อหาที่ได้รับอนุญาตในตำแหน่งนั้น นี่คือเหตุว่าทำไมบริการอย่าง Hotstar และ Star ถึงไม่สามารถเข้าถึงได้ในหลายตำแหน่ง

ถ้าคุณพยายามเข้าดู Disney+ จากที่ ๆ มันไม่เปิดให้บริการ คุณก็จะถูกบล็อกและจะเจอกับข้อความ "Sorry, Disney+ is not available in your region (ขออภัยแต่ Disney+ ยังไม่ได้เปิดให้บริการในพื้นที่ของคุณ"

Disney Plus displaying an error message saying it's not available in your regionDisney Plus ได้ขยายฐานการให้บริการไปทั่วโลกแล้ว แต่ประเทศไทยและเวียดนามก็ยังอาจจะเจอกับข้อความแบบนี้อยู่

VPN สามารถหลีกเลี่ยงข้อจำกัดเหล่านี้ได้โดยการซ่อนหมายเลข IP เดิมและแสดงหมายเลขใหม่แทน เพียงเลือกตำแหน่งที่ต้องการในแอป VPN เท่านี้ก็จะดูเหมือนคุณเชื่อมต่อจากประเทศนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น คุณสามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN ในอเมริกาจากบัลเกเรียหรือเวียดนาม เพื่อให้สามารถเข้าถึงเนื้อหา Disney+ ในอเมริกาได้

VPN ที่ดีที่สุดสำหรับรับชม Disney+ จากทุกที่ในปี 2024

1. ExpressVPN — ความเร็วดี ดู Disney+ ได้ไม่มีแลค

  • ไม่มี VPN ไหนมีความเร็วเท่ากับ ExpressVPN อีกแล้ว บริการนี้เหมาะสำหรับใช้สตรีมความคมชัดแบบ 4K
  • บริการนำเสนอมากกว่า 3,000 เซิร์ฟเวอร์ใน 105 ประเทศเพื่อให้คุณสามารถเข้าถึง Disney+ ได้ในหลายประเทศ
  • เชื่อมต่อพร้อมกัน 8 อุปกรณ์
  • สามารถใช้งานได้กับ: Windows, Mac, iOS, Android, Linux, เราเตอร์, Apple TV, FireStick, Fire TV, Android TV, Kodi และอื่น ๆ อีกมากมาย

นอกจาก ExpressVPN จะสามารถเข้าถึงเนื้อหาของ Disney+ ในหลายประเทศได้อย่างน่าเชื่อถือ แถมความเร็วของบริการนี้ยังเร็วที่สุดที่ฉันเคยทดสอบมาอีกด้วย VPN อาจทำให้ความเร็วอินเตอร์เน็ตของคุณลดลง 10-20% แต่กับบริการนี้ ความเร็วของฉันลดลงเพียง 4% ซึ่งแทบไม่เห็นความแตกต่างใด ๆ ในขณะสตรีม  ในขณะที่ฉันทดสอบ ExpressVPN ฉันสามารถรับชมภาพยนต์ของ Disney ในความคมชัด 4K ได้โดยไม่มีสะดุดบนทั้งแล็ปท็อป Windows และ Mac

นอกจาก Windows และ macOS แล้ว บริการยังมีแอปสำหรับอุปกรณ์ยอดนิยมอย่าง FireStick, iPhone และ Android อีกด้วย แอปใช้งานเหมือนกันในทุกแพลตฟอร์มและยังใช้งานได้ในภาษาไทยอีกด้วย นอกจากนี้คุณยังสามารถเพิ่มทางลัดแอป ExpressVPN ไปยังหน้าหลักได้อีกด้วย ฉันคลิกแค่สองครั้งเพื่อเชื่อมต่อและเข้าถึงเนื้อหา Disney+ ที่ต้องการได้อย่างง่ายดาย

คุณสามารถตั้งค่า ExpressVPN บนอุปกรณ์ที่ไม่รองรับ VPN ได้อย่างง่ายดาย อย่างเช่น สมาร์ททีวีและคอนโซลเกม ฟีเจอร์ MediaStreamer จะให้รหัสสั้น ๆ เพื่อตั้งค่าเครือข่ายของอุปกรณ์สตรีมมิ่งและทำการเปลี่ยนตำแหน่งของคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าถึง Disney+ ในอเมริกาได้ ฉันตั้งค่าบริการบน PS5 และใช้เวลาเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น ฉันสามารถเข้าถึงรายการที่ไม่สามารถรับชมในเวลาปกติได้

นี่ยังเป็น VPN ที่ตั้งค่าและใช้งานได้ง่ายที่สุดบนเราเตอร์ การตั้งค่าบนเราเตอร์หมายความว่า ทุกอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อผ่านเราเตอร์นั้นจะเชื่อมต่อผ่าน VPN โดยอัตโนมัติ นี่เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมหากคุณรับชม Disney+ บน Chromecast บริการ VPN ส่วนใหญ่ให้ต้องการคุณเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ด้วยตัวเองบนเราเตอร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ยุ่งยากอย่างมาก แต่ ExpressVPN มีแอปสำหรับเราเตอร์ที่ใช้งานได้ง่ายมากเหมือนกับการใช้งานบนแล็ปท็อป

ข้อเสียอย่างเดียวของ ExpressVPN ก็คือ ราคาค่าบริการที่แพงกว่าบริการอื่น ๆ เล็กน้อย แผนบริการที่ถูกที่สุดมีราคา $6.67/เดือน ถึงแม้ราคาปกติจะแพงกว่า คุณก็สามารถประหยัดเงินได้เนื่องจากบริการนำเสนอส่วนลดอยู่เป็นประจำ ฉันยังได้รับบริการฟรีเพิ่มอีก 3 เดือนเมื่อสมัครใช้แผนรายปี

นอกจากนี้บริการยังมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงิน 30 วันซึ่งช่วยให้คุณสามารถทดลองใช้งาน ExpressVPN เพื่อเข้าถึง Disney+ ได้อย่างปลอดภัย. เพื่อทดสอบกระบวนคืนเงิน ฉันได้ติดต่อกับทีมช่วยเหลือลูกค้าผ่านไลฟ์แชท 24 ชั่วโมงและขอยกเลิกบริการหลังจากใช้ไปแล้ว 28 วัน หลังจากตอบคำตอบเกี่ยวกับประสบการณ์ใช้งานแล้ว (เราพูดคุยโต้ตอบกันเป็นภาษาไทยเพราะแชทมีเครื่องมือแปลภาษาในตัว) ตัวแทนก็อนุมัติคำขอของฉันในทันที ฉันได้รับเงินคืนภายใน 3 วัน

ส่วนลด ExpressVPNมีนาคม 2024: มีเวลาจำกัด คุณสามารถรับส่วนลด ExpressVPNได้มากถึง49% ! อย่าพลาดข้อเสนอสุดพิเศษ!

2. CyberGhost — เซิร์ฟเวอร์สำหรับสตรีมมิ่งทำให้คุณสามารถเข้าถึง Disney+ ได้อย่างมีความเสถียร

  • เซิร์ฟเวอร์สำหรับการสตรีมจะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึง Disney+ ในอเมริกา อิตาลีและบริการ Hotstar (อินเดีย) ได้สม่ำเสมอ
  • มีความเร็วที่ดีสำหรับสตรีมความคมชัด 4K ได้โดยไม่มีสะดุด
  • เชื่อมต่อพร้อมกัน 7 อุปกรณ์
  • สามารถใช้งานได้กับ: Windows, Mac, iOS, Android, Linux, เราเตอร์, Apple TV, FireStick, Fire TV, Android TV, Kodi และอื่น ๆ อีกมากมาย

เซิร์ฟเวอร์สำหรับสตรีมของ CyberGhost ช่วยให้เข้าถึง Disney+ ได้อย่างง่ายดาย ทั้ง 3 เซิร์ฟเวอร์ (อเมริกา อิตาลีและอินเดีย) สามารถเข้าถึง Disney+ ได้ในทันที แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีเซิร์ฟเวอร์ปกติอีกกว่า 100 เซิร์ฟเวอร์ แต่ตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้อาจเข้าถึง Disney+ ได้ไม่สม่ำเสมอเท่ากับเซิร์ฟเวอร์สำหรับสตรีมโดยเฉพาะ แต่ฉันก็สามารถเข้าถึงเนื้อหาในแคนาดาและเยอรมนีด้วยเซิร์ฟเวอร์ทั่วไปได้

CyberGhost สามารถตั้งค่าบนสมาร์ททีวีและคอนโซลได้อย่างง่ายดาย คล้ายกันบนฟีเจอร์ MediaStreamer ของ ExpressVPN แต่มันต่างกับ ExpressVPN ตรงที่ ฟีเจอร์นำเสนอรหัสสำหรับ 5 ตำแหน่ง รวมถึง อเมริกา ญี่ปุ่นและอังกฤษ ดังนั้นคุณสามารถเข้าถึงเนื้อหาของ Disney+ ในหลายตำแหน่งได้ คุณสามารถตั้งค่าแอปบนเราเตอร์ได้เช่นกัน แต่คุณจะต้องตั้งค่าด้วยตัวเอง

นอกจากนี้ยังมีความเร็วมากพอสำหรับสตรีมในความคมชัด 4K อีกด้วย ความเร็วของฉันลดลงเพียง 11% เมื่อเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ Disney+ ในอเมริกาของ CyberGhost  และฉันสามารถรับชม WandaVision ในความคมชัดแบบ Ultra HD ได้ ฉันไม่พบภาพคุณภาพต่ำหรือการสะดุดเลยแม้แต่ครั้งเดียว แม้ว่าฉันจะเชื่อมต่อ VPN เพื่อรับชม Disney+ บน 3 อุปกรณ์พร้อมกันก็ตาม

แต่น่าเสียดายที่แผนบริการระยะสั้นของ CyberGhost นั้นมีราคาค่อนข้างแพงและมีระยะการรับประกันคืนเงินที่ค่อนข้างสั้น (14 วัน) อย่างไรก็ตามแผนบริการระยะยาวนั้นมีราคาไม่แพง และมีราคาเริ่มต้นที่ $2.19/เดือน และมาพร้อมกับระยะการรับประกันคืนเงินที่ยาวนานกว่า

การรับประกันคืนเงินช่วยให้คุณสามารถทดลองใช้งาน CyberGhost ได้อย่างปลอดภัยเป็นเวลา 45 วัน หากคุณไม่พอใจกับบริการ คุณสามารถขอรับเงินคืนได้ในระยะเวลานี้ เพื่อตรวจสอบว่าบริการสามารถเชื่อถือได้จริง ฉันยกเลิกบริการผ่านไลฟ์แชท 24 ชั่วโมง ตัวแทนอนุมัติคำขอหลังจากถามคำถามเกี่ยวกับประสบการณ์ใช้งาน และฉันได้รับเงินคืนหลังจากนั้น 3 วัน

3. Private Internet Access — เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่สำหรับปลดบล็อก Disney+ ได้อย่างง่ายดาย

  • บริการมีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 29,650 เซิร์ฟเวอร์ใน 91 ประเทศเพื่อให้คุณสามารถเข้าถึงเนื้อหา Disney+ มากมายได้อย่างง่ายดาย
  • เซิร์ฟเวอร์สำหรับสตรีมใน 8 ตำแหน่ง
  • เชื่อมต่อพร้อมกัน ไม่จำกัด อุปกรณ์
  • สามารถใช้งานได้กับ: Windows, Mac, iOS, Android, Linux, เราเตอร์, Apple TV, FireStick, Fire TV, Android TV, Kodi และอื่น ๆ อีกมากมาย

ด้วยกว่า 29,650 เซิร์ฟเวอร์ Private Internet Access นำเสนอตัวเลือกมากมายเพื่อการเชื่อมต่อที่ดีที่สุดกับ Disney+ หากคุณพบปัญหากับเซิร์ฟเวอร์ใด คุณก็สามารถเปลี่ยนไปใช้เซิร์ฟเวอร์อื่น ๆ แทนได้ และหากคุณไม่อยากเสียเวลาหาเซิร์ฟเวอร์ใหม่ คุณก็สามารถใช้เซิร์ฟเวอร์สำหรับสตรีมทั้ง 8 เซิร์ฟเวอร์ได้เลย

ฉันทดลองใช้งานเซิร์ฟเวอร์สตรีมมิ่งของ PIA ในอเมริกา อังกฤษ ญี่ปุ่นและอิตาลี และพบกว่าเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดสามารถเข้าถึง Disney+ ได้อย่างง่ายดาย แต่น่าเสียดายที่บริการไม่มีเซิร์ฟเวอร์สำหรับสตรีมในอินเดียสำหรับบริการ Hotstar แต่ฉันก็สามารถเข้าถึงบริการในอินเดียด้วยเซิร์ฟเวอร์ธรรมดาได้

ปัญหาเดียวที่ฉันมีกับ PIA ก็คือแอปนั้นใช้งานได้ค่อนข้างยาก เพราะมันมีตัวเลือกในการปรับแต่งที่เยอะมาก แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องปรับการตั้งค่าใด ๆ เพราะบริการสามารถเข้าถึง Disney+ ได้ด้วยการตั้งค่าเริ่มต้นอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามหากคุณมีประสบการณ์ใช้งาน VPN มาก่อน คุณก็สามารถปรับแต่งบริการตามความต้องการของคุณได้เลย แถมยังทำได้ง่ายเพราะบริการมีอินเตอร์เฟสในภาษาไทยอีกด้วย

บริการนำเสนอทั้งแผนระยะสั้นและระยะยาวเพื่อให้เหมาะแก่ความต้องการของทุกคน แผนทั้งหมดมีฟีเจอร์เหมือนกันทุกอย่าง แต่แผนบริการรายปีนั้นมีราคาถูกกว่ามาก คุณสามารถรับบริการของ PIA ได้ในราคา $2.19/เดือน นี่เป็นแผนบริการที่ถูกที่สุด

นอกจากนี้คุณยังสามารถ ทดลองใช้บริการของ PIA ได้อย่างปลอดภัย โดยใช้การรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน ฉันทดสอบความน่าเชื่อถือของบริการโดยติดต่อตัวแทนผ่านไลฟ์แชท 24 ชั่วโมงเพื่อขอยกเลิกบริการ ตัวแทนอนุมัติคำขอของฉันหลังจากถามคำถามเกี่ยวประสบการณ์ในการใช้งาน และฉันก็ได้เงินคืนภายใน 4 วัน

4. NordVPN — แอปเป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน ทำให้คุณสามารถสตรีมมิ่ง Disney+ ได้อย่างไม่ยุ่งยาก

  • บริการนำเสนอมากกว่า 6,139 เซิร์ฟเวอร์ใน 67 ประเทศเพื่อช่วยให้คุณสามารถเข้าถึง Disney+ ได้จากทุกที่
  • มีความเร็วที่ดีสำหรับสตรีม Disney+ ได้โดยไม่สะดุด
  • เชื่อมต่อพร้อมกัน 6 อุปกรณ์
  • สามารถใช้งานได้กับ: Windows, Mac, iOS, Android, Linux, เราเตอร์, Apple TV, FireStick, Fire TV, Android TV, Kodi และอื่น ๆ อีกมากมาย

NordVPN มีแอปพลิเคชั่นสำหรับอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการยอดนิยมทั้งหมด สิ่งที่ฉันชอบมากที่สุดก็คือ แอปพลิเคชั่นนั้นมีหน้าตาและฟีเจอร์เหมือนกันเกือบทุกอย่างในทุกแพลตฟอร์ม ช่วยให้การรับชม Disney+ นั้นทำได้ง่ายในทุกอุปกรณ์ คุณไม่ต้องเรียนการใช้งาน NordVPN ในทุกครั้งที่ติดตั้งบนอุปกรณ์ใหม่

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ smart DNS ให้คุณสามารถสตรีมบนสมาร์ทีวีหรือคอนโซลเพื่อให้สตรีม Disney+ บนอุปกรณ์เหล่านั้นได้อย่างง่ายดายอีกด้วย แต่ตอนนี้บริการไม่มีแอปพลิเคชั่นสำหรับเราเตอร์ การตั้งค่าเครือข่ายของคุณอาจยุ่งยากนิดหน่อย

บริการไม่มีเซิร์ฟเวอร์สำหรับการสตรีมโดยเฉพาะเหมือนกับ CyberGhost หรือ PIA แต่เซิร์ฟเวอร์ปกติของ NordVPN ก็สามารถเข้าถึง Disney+ ได้ในหลายตำแหน่ง ไม่ต้องกังวลว่าคุณจะต้องเปลี่ยนไปมาหลายเซิร์ฟเวอร์เพื่อการเข้าถึงที่ต่อเนื่อง เซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดของบริการได้รับการบำรุงดูแลอย่างดีด้วยฟีเจอร์ SmartPlay บริการมีมากกว่า 6,139 เซิร์ฟเวอร์ใน 67 ประเทศ ดังนั้นคุณมีตัวเลือกมากมายเพื่อการเข้าถึงที่สม่ำเสมอ

A screenshot of Disney+ unblocked with an NordVPN's server in the USฉันสามารถรับชม Free Guy ในความคมชัดแบบ HD ได้โดยไม่มีการสะดุดและต้องรอวิดีโอเริ่มโหลดเพียงแค่ 7 วินาทีเท่านั้น

แผนบริการของ NordVPN จะแยกเป็นแผน Standard, Plus และ Complete อย่างไรก็ตามแผน Standard นั้นมีฟีเจอร์ทั้งหมดที่คุณต้องการเพื่อเข้าถึง Disney+ ได้จากทุกที่แล้วและยังเป็นแผนบริการที่ถูกที่สุดอีกด้วย

แผนบริการทั้งหมดมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินดังนั้นหากคุณทดลองใช้แล้วไม่พึงพอใจกับบริการ คุณก็สามารถขอรับเงินคืนเต็มจำนวนได้ภายในระยะเวลา 30 วัน

5. Surfshark — ใช้งานได้ไม่จำกัดอุปกรณ์เพื่อรองรับครอบครัวที่ชื่นชอบ Disney กันทั้งบ้าน

  • ไม่จำกัด เชื่อมต่อพร้อมกันได้ทุกอุปกรณ์
  • บริการนำเสนอมากกว่า 3,200 เซิร์ฟเวอร์ใน100 ประเทศ เพื่อให้คุณเข้าถึง Disney+ ได้สม่ำเสมอ
  • ความเร็วสูงสำหรับการรับชมรายการ Disney ได้โดยไม่มีสะดุด
  • สามารถใช้งานได้กับ: Windows, Mac, iOS, Android, Linux, เราเตอร์, Apple TV, FireStick, Fire TV, Android TV, Kodi และอื่น ๆ อีกมากมาย

Surfshark เป็นหนึ่งใน VPN ที่มีราคาถูกที่สุดในรายการนี้และบริการยังให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้ไม่จำกัดจำนวนอีกด้วย VPN ส่วนใหญ่จำกัดการเชื่อมต่อแค่ 5-10 อุปกรณ์เท่านั้น หากคุณมีครอบครัวขนาดใหญ่ ทุกคนในครอบครัวสามารถใช้ Surfshark เพื่อเข้าถึง Disney+ ได้ (ด้วยแพลตฟอร์มที่ต้องการ) ในทุกอุปกรณ์โดยไม่มีข้อจำกัดใด ๆ

เซิร์ฟเวอร์มีความเร็วสูงและฉันยังไม่เจอเจอปัญหาการโหลดเมื่อรับชม Disney+ ด้วย Surfshark เลย บริการนี้คล้ายกับ NordVPN ตรงที่ไม่ได้นำเสนอเซิร์ฟเวอร์สำหรับการสตรีมโดยเฉพาะ แต่เมื่อฉันทดสอบ 6 เซิร์ฟเวอร์เพื่อเข้าถึง Disney+ ในอังกฤษ อเมริกา ญี่ปุ่นและเยอรมนี ฉันก็สามารถเข้าถึงได้โดยไม่มีปัญหาใด ๆ

Image showing Surfshark unblocking Disney+ with its Edinburgh server in the UK.ฉันทดสอบเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ Surfshark เดียวกันในอังกฤษพร้อมกันบน 4 อุปกรณ์และฉันก็ไม่พบปัญหาความเร็วในการโหลดแต่อย่างใด

แต่ปัญหาของ Surfshark ก็คือบาางครั้งการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์นั้นใช้เวลานานพอสมควรเมื่อเทียบกับ ExpressVPN (ซึ่งไม่เคยใช้เวลานานเกิน 1 วินาที) การรอ 30 วินาทีอาจเป็นเรื่องที่น่ารำคาญของใครหลายคนเลย

บริการมีแผนบริการรายเดือนและรายปี แต่ตัวเลือกรายปีนั้นมีความคุ้มค่ามากกว่า ซึ่งเป็นเรื่องปกติของบริการ VPN  บริการระยะยาวนั้นมีราคาเพียง $2.89/เดือน บริการของ Surfshark ถือว่ามีความคุ้มค่ามากเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับสิ่งที่บริการนำเสนอ 

วิธีการรับชม Disney+ บนทุกอุปกรณ์ด้วย VPN

ที่ด้านล่างคือคำแนะนำอย่างละเอียดในการติดตั้งแอปพลิเคชั่น VPN บนทุกอุปกรณ์เพื่อให้คุณสามารถสตรีม Disney+ ได้ สำหรับอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมส่วนใหญ่นั้นไม่มีอะไรยุ่งยากอยู่แล้ว แค่ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปบนอุปกรณ์ที่เลือก แต่สำหรับอุปกรณ์ที่ไม่รองรับ VPN อย่างสมาร์ททีวี, Chromecast, Roku หรือ Apple TV คุณจะต้องใช้ฟีเจอร์ Smart DNS แบ่งปันการเชื่อมต่อ VPN ผ่านคอมพิวเตอร์หรือติดตั้ง VPN บนเราเตอร์แทน

สำหรับคำแนะนำในด้านล่าง ฉันใช้ ExpressVPN เป็นตัวอย่าง เพราะนี่คือ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับการรับชม Disney+ ที่ฉันได้ทดสอบ ไม่เพียงแต่สตรีมในความคมชัดสูงสุดได้โดยไม่มีสะดุด แต่ยังสามารถใช้งานได้กับอุปกณ์และระบบปฏิบัติการที่หลากหลายอีกด้วย คุณสามารถติดตั้งบริการได้กับทุกอุปกรณ์

Windows และ Mac

VPN เกือบทุกบริการนำเสนอแอปสำหรับ Windows และ Mac จึงทำให้การติดตั้งทำได้มากง่าย กระบวนการทั้งหมดเป็นแบบอัตโนมัติ ช่วยให้คุณสามารถรับชม Disney+ ได้ในไม่กี่นาที

  1. ดาวน์โหลด VPN สมัครบริการ VPN และดาวน์โหลดตัวติดตั้งสำหรับ Windows หรือ Mac  โดยปกติแล้วในเว็บไซต์บริการ VPN มักจะมีตัวเลือกดาวน์โหลดให้เลือก

    Image showing how to download ExpressVPN on different devices through its official website.ExpressVPN มีตัวเลือกการตั้งค่าทุกอุปกรณ์รวมเอาไว้ในหน้าเดียว รวมทั้ง Windows และ MacOS

  2. ติดตั้งแอปพลิเคชั่น เปิดไฟล์ที่ดาวน์โหลดและคลิก "ตกลง" เมื่อมีป๊อปอัพขออนุญาตทำการเปลี่ยนแปลงบนอุปกรณ์ของคุณ (อนุญาตให้ VPN ติดตั้งบนอุปกรณ์) จากนั้นเครื่องมือติดตั้ง VPN จะเริ่มทำงาน ให้คุณทำตามขั้นตอนเพื่อทำการติดตั้งให้แล้วเสร็จ
  3. ลงชื่อเข้าใช้และติดตั้งแอปพลิเคชั่น เปิดแอปและคลิกไปที่ "ลงชื่อเข้าใช้" ถ้าคุณยังไม่มีบัญชีผู้ใช้ คุณก็สามารถสมัครในแอปหรือที่เว็บไซต์โดยตรงได้ จากนั้นแอปพลิเคชั่นจะเริ่มทำการติดตั้ง ขึ้นอยู่กับ VPN ที่คุณเลือกใช้ บริการอาจจะขออนุญาตในการเริ่มติดตั้ง, ตั้งค่าความต้องการ, ตั้งค่าข้อมูลที่ต้องการแบ่งปันและอื่น ๆ  บริการอาจขอรหัสเพื่อเริ่มต้นติดตั้งหรือให้คุณใช้ลิงค์เพื่อเริ่มต้นติดตั้งแทน โดยปกติลิงค์นี้จะอยู่ในบัญชี VPN ของคุณหรือถูกส่งมาให้ในอีเมล์

    Image showing how to sign in and activate ExpressVPN with different screenshots of the VPN app.สำหรับ ExpressVPN รหัสเปิดใช้งานจะแสดงอยู่ในบัญชีผู้ใช้ในเว็บ ExpressVPN หลังจากที่ผู้ใช้สมัครบริการ

  4. เลือกเซิร์ฟเวอร์และเชื่อมต่อ คุณจะต้องเลือกเซิร์ฟเวอร์ในตำแหน่งที่ต้องการเข้าถึง Disney+ (หรือตำแหน่งของบริการสำหรับภูมิภาคอย่าง Hotstar)
    แอปพลิเคชั่น VPN ส่วนใหญ่นั้นสามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย ยกตัวอย่าง ExpressVPN ฉันให้บริการเลือกตำแหน่งโดยอัตโนมัติ จากนั้นก็เลือกอเมริกาในรายการเซิร์ฟเวอร์และเลือกตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ในอเมริกา จากนั้นก็คลิกไปที่ไอคอนปิด/เปิดเพื่อเชื่อมต่อ

    Image showing how to select and connect to a server on the ExpressVPN app interface.ExpressVPN มีเซิร์ฟเวอร์จำนวนมากในอเมริกา บริการนี้จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับเข้าถึง Disney+ ในอเมริกา

  5. เริ่มสตรีม Disney+ ได้เลย หลังจากเชื่อมต่อแล้วคุณจะสามารถเข้าถึงบัญชี Disney+ ของคุณได้จากทุกที่ เข้าไปที่เว็บไซต์ของ Disney+ และลงชื่อเข้าใช้เพื่อเข้าถึงเนื้อหา

    Image showing ExpressVPN successfully unblocking Disney+ US with its New jersey 3 serverฉันสามารถเข้าถึง Disney+ ด้วยเซิร์ฟเวอร์ New Jersey ทั้ง 3 เซิร์ฟเวอร์ได้

รับชม Disney+ บน Android, iOS หรือ Amazon Fire Stick ด้วย VPN

การตั้งค่า VPN บนมือถือ Android และ iOS นั้นทำได้ง่ายมากเช่นเดียวกับ Windows และ Mac บริการ VPN ที่ดีนั้นจะมีแอปสำหรับอุปกรณ์เพื่อช่วยให้การตั้งค่าและใช้งานนั้นทำได้ง่าย บริการอย่าง ExpressVPN ก็มีแอปสำหรับ Amazon Fire Sticks ที่มีขั้นตอนการตั้งค่าดังนี้

  1. ติดตั้ง VPN ดาวน์โหลด VPN ที่คุณเลือกลงในอุปกรณ์ของคุณ แอปสำหรับ Android จะอยู่ใน Google Play Store และแอปของ iOS จะอยู่ใน Apple App Store และแอปสำหรับ Amazon Fire Stick จะอยู่ใน the Amazon Appstore
  2. สมัครบริการ หลังจากติดตั้งแล้ว ให้เปิดแอปและลงชื่อเข้าใช้ บริการอาจขอให้คุณเปิดใช้บริการผ่านลิงก์ที่ส่งผ่านอีเมล์หรือใส่รหัสเริ่มต้นใช้งาน คุณอาจจะต้องเพิ่มตัวเลือกการชำระเงินด้วยหากคุณซื้อบริการ บัญชีทดลองใช้ของบางบริการให้คุณสามารถสมัครบริการได้โดยไม่ต้องกรอกข้อมูลการชำระเงิน แต่หลายบริการก็ขอข้อมูลนี้ถึงแม้ว่าจะไม่มีการเรียกเก็บเงินก็ตาม
  3. ติดตั้งแอปพลิเคชั่น เมื่อคุณเปิดใช้บัญชีแล้ว คุณสามารถเริ่มการติดตั้งได้ บริการอาจขออนุญาตในการติดตั้ง เก็บข้อมูลความต้องการและอื่น ๆ
    คุณอาจะได้รับข้อความแจ้งว่าแอปต้องการกำหนดการตั้งค่า VPN  นี่เป็นเพียงการกำหนดการตั้งค่าเครือข่ายของอุปกรณ์ให้ทำงานร่วมกับ VPN และคุณจะต้องอนุญาตสิ่งนี้เพื่อให้ VPN ทำงานได้ คุณอาจจะต้องใส่รหัสผ่านอุปกรณ์หรือ Touch ID เพื่อให้ขั้นตอนนี้แล้วเสร็จ
  4. เลือกเซิร์ฟเวอร์ หลังจากติดตั้งแอปพลิเคชั่นแล้ว ให้เลือกเซิร์ฟเวอร์ในตำแหน่งที่ Disney+ (หรือ Hotstar) ให้บริการ อย่างเช่น อเมริกา คุณสามารถเลือกตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ได้จากการค้นหาประเทศในรายการเซิร์ฟเวอร์ในแอป
  5. เริ่มสตรีม Disney+ ได้เลย เมื่อคุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในประเทศที่ต้องการแล้ว คุณก็จะสามารถเข้าถึงบริการของ Disney+ ได้ จากนั้นใช้ลงชื่อเข้าใช้และเริ่มรับชมรายการที่นำเสนอได้เลย

รับชม Disney+ บนสมาร์ททีวี Apple TV และคอนโซลเกมด้วย VPN

อุปกรณ์เหล่านี้มักไม่รองรับแอป VPN ซึ่งทำให้การตั้งค่าสำหรับ Disney+ ยุ่งยากขึ้นเล็กน้อย มีหลายวิธีที่คุณสามารถดำเนินการได้ ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสีย

วิธีที่ง่ายที่สุดคือการใช้ฟีเจอร์ Smart DNS ของ VPN ฟีเจอร์นี้ทำให้คุณสามารถทำให้ Disney+ คิดว่าคุณอยู่ในประเทศที่มีเปิดบริการ เหมือนกับที่ VPN ทั่วไปทำ อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างที่สำคัญคือหมายเลข IP ของคุณจะไม่ถูกซ่อนและการเชื่อมต่อของคุณไม่ได้เข้ารหัส Smart DNS จะปิดบังคำขอ DNS เท่านั้น ซึ่งเพียงพอที่จะหลีกเลี่ยงการปิดกั้นทางจำกัดทางภูมิศาสตร์ของ Disney+

อย่างไรก็ตามฟีเจอร์ Smart DNS นั้นไม่ได้นำเสนอในทุกบริการและมักจะมีข้อกำจัดในการเข้าถึงบริการด้วย ฟีเจอร์ Smart DNS อาจเข้าถึงแพลตฟอร์มสตรีมไม่กี่บริการได้ในประเทศนั้น ๆ เพราะฟีเจอร์นี้เชื่อมต่อกับบริการอื่น ๆ โดยไม่ใช้การเข้ารหัสและจะแสดงหมายเลข IP จริงของคุณ ทำให้คุณถูกติดตามได้

นี่คือคำแนะนำอย่างละเอียดในการตั้งค่า Smart DNS เพื่อเข้าถึง Disney+:

  1. ติดตั้ง VPN ที่นำเสนอบริการ Smart DNS ฉันเลือกใช้ ExpressVPN เพราะมีฟีเจอร์ MediaStreamer ที่ตั้งค่าได้ง่ายและสามารถเข้าถึง Disney+ ในอเมริกาได้
  2. กรอกหมายเลข IP ของคุณ VPN บางบริการต้องการให้คุณลงทะเบียนหมายเลข IP ของคุณกับบริการ โดยปกติสามารถทำได้ภายในการตั้งค่า DNS ซึ่งจะอยู่ในแอปหรือบัญชีของคุณบนเว็บไซต์ของ VPN โดยปกติแล้วมักไม่มีขั้นตอนอะไรมากและไม่จำเป็นต้องป้อนหมายเลข IP ของคุณเองด้วยซ้ำ
  3. รับหมายเลข Smart DNS  VPN จำนวนมากมักจะแสดงรายการหมายเลข Smart DNS บนหน้าจอการตั้งค่าอุปกรณ์ ในขณะที่บางบริการอาจกำหนด Smart DNS เฉพาะในบัญชีของคุณ เมื่อคุณหมายเลขนี้แล้ว ให้จดบันทึกหมายเลขนี้ไว้ คุณจะต้องใช้ข้อมูลนี้สำหรับขั้นตอนต่อไป
  4. แก้ไขการตั้งค่าเครือข่ายอุปกรณ์ของคุณ ขั้นตอนต่อมาคุณจะต้องเข้าไปที่การตั้งค่าเครือข่ายบนอุปกรณ์ที่คุณต้องการรับชม Disney+ ไปที่การตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์/หมายเลข DNS และป้อนหมายเลข Smart DNS ที่คุณบันทึกไว้ก่อนหน้านี้ การตั้งค่านี้มักจะป้อนโดยอัตโนมัติ ดังนั้นคุณอาจต้องสลับการตั้งค่าเพิ่มเติมเพื่อให้คุณสามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง
  5. รับชม Disney+ ได้เลย ตอนนี้จะสามารถเข้าถึง Disney+ บนอุปกรณ์ของคุณได้แล้ว หากการเชื่อมต่อล้มเหลวให้ดูที่การตั้งค่า DNS อีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าคุณคัดลอกหมายเลข Smart DNS อย่างถูกต้อง หาก Disney+ ยังคงปิดกั้น ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณใช้หมายเลข Smart DNS ที่ VPN ของคุณมอบให้

รับชม Disney+ บนทุกอุปกรณ์ด้วยการตั้งค่า VPN บนเราเตอร์

เมื่อติดตั้ง VPN บนเราเตอร์แล้ว คุณจะสามารถเข้าถึง Disney+ บนอุปกรณ์ทุกเครื่องในบ้านของคุณ โดยไม่จำเป็นต้องใช้แอป VPN ต่าง ๆ หรือฟีเจอร์ Smart DNS อีกนอกจากนี้ VPN ที่ติดตั้งบนเราเตอร์ของคุณยังช่วยให้อุปกรณ์ที่โดยทั่วไปไม่รองรับแอป VPN สามารถใช้งานได้ด้วย ซึ่งไม่เหมือนกับบริการ Smart DNS ตรงที่คุณจะสามารถเข้าถึงเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์เต็มรูปแบบของ VPN ได้ในทุกอุปกรณ์

อย่างไรก็ตามการติดตั้ง VPN บนเราเตอร์อาจมีขั้นตอนที่ยุ่งยากได้ และคุณอาจต้องทำการตั้งค่าเราเตอร์ นอกจากนี้การเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์อาจทำได้ยากขึ้น เนื่องจาก VPN หลายบริการไม่มีแอปสำหรับเราเตอร์ นั่นหมายความว่าคุณจะต้องป้อนรายละเอียดเซิร์ฟเวอร์ใหม่ในการตั้งค่าเราเตอร์ด้วยตนเองทุกครั้งที่คุณต้องการเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์

หากนี่เป็นตัวเลือกที่คุณต้องการจริง ๆ เราแนะนำให้ใช้ ExpressVPN เพราะนี่เป็นบริการที่นำเสนอการตั้งค่าเราเตอร์ที่ง่ายที่สุดและมีแอป VPN สำหรับเราเตอร์ ช่วยให้คุณควบคุม VPN บนเราเตอร์ได้โดยไม่ต้องตั้งค่าด้วยตัวเอง

คำแนะนำต่อไปนี้เป็นวิธีการการตั้งค่า ExpressVPN บนเราเตอร์ หากคุณต้องการใช้ VPN ทางเลือก เราขอแนะนำให้ทำตามคำแนะนำการตั้งค่าเราเตอร์ที่บริการแนะนำ เพราะขั้นตอนการติดตั้งเราเตอร์อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับ VPN และเราเตอร์ที่คุณเลือก

  1. รับบริการ ExpressVPN สมัครสมาชิก ExpressVPN บนเว็บไซต์และตรวจสอบให้แน่ใจว่า ExpressVPN รองรับเราเตอร์ที่คุณใช้ การตั้งค่าเราเตอร์อัตโนมัติส่วนใหญ่รองรับเราเตอร์ Asus, Linksys และ Netgear
  2. ดาวน์โหลดเฟิร์มแวร์ ExpressVPN ลิงก์ดาวน์โหลดจะอยู่ในเว็บไซตื ExpressVPN ในส่วนบัญชีของคุณ ในหน้า "ตั้งค่า”  คลิก "เราเตอร์” จากรายการอุปกรณ์ทางด้านซ้าย จากนั้นเลือก "ติดตั้งบนเราเตอร์ที่ฉันใช้” เลือกเราเตอร์ที่คุณใช้จากรายการดรอปดาวน์ที่ด้านข้างแล้วคลิก "ดาวน์โหลดเฟิร์มแวร์”
  3. ทำการอัพเดทเฟิร์มแวร์บนเราเตอร์ของคุณ เมื่อดาวน์โหลดเฟิร์มแวร์แล้วให้คลิก "ดำเนินการต่อ” ในหน้าเดียวกัน คุณจะได้รับคำแนะนำอย่างละเอียดสำหรับเราเตอร์แต่ละรุ่นที่คุณใช้ ทำตามคำแนะนำเพื่อติดตั้งเฟิร์มแวร์ของ ExpressVPN บนเราเตอร์ของคุณ คุณจะต้องรีบูทเราเตอร์ในขั้นตอนนี้
  4. กำหนดตั้งค่า ExpressVPN บนเราเตอร์ของคุณ เมื่อเราเตอร์ของคุณรีบูทเสร็จแล้วและเฟิร์มแวร์อัพเดทเสร็จแล้ว ให้คลิก "ดำเนินการต่อ” อีกครั้งในเว็บ ExpressVPN  คัดลอกรหัสเปิดใช้งาน จากนั้นคลิกไปที่ลิงก์ ตามด้วย "เริ่มต้น” เพื่อกำหนดการตั้งค่า ความต้องการและกลุ่มอุปกรณ์ ใส่รหัสเปิดใช้งานเมื่อบริการขอ
  5. เชื่อมต่อกับประเทศที่ Disney+ ให้บริการ ใช้แอปเราเตอร์ เลือกเซิร์ฟเวอร์ในประเทศที่ Disney+ ให้บริการ (อย่างเช่นอเมริกา) หากคุณสร้างกลุ่มอุปกรณ์ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้เปลี่ยนตำแหน่งที่ตั้งของกลุ่มที่มีอุปกรณ์ที่คุณต้องการสตรีมด้วย
  6. รับชม Disney+ ได้เลย คุณจะสามารถสตรีมเนื้อหาจาก Disney+ บนอุปกรณ์ของคุณได้ หากยังใช้ไม่ได้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้เปลี่ยนตำแหน่ง VPN ให้กับกลุ่มอุปกรณ์ที่ถูกต้องและติดต่อทีมงานของ ExpressVPN หากคุณมีปัญหา
คำแนะนำจากมือโปร: หาก VPN ของคุณไม่ได้นำเสนอ Smart DNS และเราเตอร์ของคุณไม่รองรับ VPN จากบุคคลที่สาม คุณยังสามารถรับชม Disney+ บนสมาร์ททีวีหรือคนโซลได้! สร้างฮอตสปอตบน PC ในขณะที่เชื่อมต่อกับ VPN จากนั้นก็ใช้อุปกรณ์ที่คุณต้องการรับชมเชื่อมต่อกับฮอตสปอตนี้ 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการรับชม Disney+ ด้วย VPN

Disney Plus ดูได้ในประเทศไหนบ้าง?

Disney+ เปิดให้บริการในหลายประเทศและภูมิภาค รวมถึงอเมริกา อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น ยุโรปละตินอเมริกาและบางส่วนของเอเชีย เนื้อหาในทุกประเทศจะให้บริการที่แตกต่างกันไป ซึ่งหมายความว่าไลบารีในประเทศของคุณจะไม่มีบางเนื้อหาที่คุณสามารถดูได้ในที่อื่น

Disney+ Star มีให้บริการในบางประเทศในยุโรป เช่น เยอรมนี เนเธอร์แลนด์และสเปน แต่ไม่มีให้บริการในอเมริกา Disney+ ยังมีให้บริการในอินเดียและอินโดนีเซียภายใต้ชื่อ Disney+ Hotstar หรือที่รู้จักกันในชื่อ Hotstar บริการ Disney+ แต่ละแบบมีไลบรารี่เนื้อหาที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยจะนำเสนอเนื้อหาที่ผสมผสานระหว่างในแต่ละท้องถิ่นและต่างประเทศ

หากคุณต้องการเข้าถึงบัญชี Disney+ (หรือ Disney+ Star) VPN สามารถช่วยหลีกเลี่ยงการปิดกั้นทางภูมิศาสตร์และช่วยให้คุณเข้าถึงบริการได้เมื่อคุณอยู่ในต่างประเทศได้ ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการเข้าถึงไลบารี Disney+ ของอเมริกาจากบัลแกเรีย ก็ให้เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในอเมริกา

ฉันจะเปลี่ยนตำแหน่ง Disney+ ของฉันได้อย่างไร

การเปลี่ยนตำแหน่ง Disney+ นั้นสามารถทำได้อย่างง่ายดายด้วย VPN ที่สามารถหลีกเลี่ยงการปิดกั้นตามภูมิศาสตร์ได้อย่างน่าเชื่อถือ คุณจะต้องดาวน์โหลดและติดตั้งแอป VPN ลงในอุปกรณ์ของคุณและเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่คุณเลือก ตรวจสอบให้แน่ใจว่า Disney+ มีให้บริการในสถานที่นั้น จากนั้นลงชื่อเข้าถึงและเริ่มสตรีมรายการที่คุณต้องการรับชมได้เลย

ฉันสามารถสมัครใช้งาน Disney+ โดยไม่ใช้บัตรเครดิตได้หรือไม่ 

คุณสามารถจ่ายค่าบริการ Disney+ ด้วย PayPal ได้ แต่คุณจะต้องใช้บัญชี PayPal ที่สมัครจากประเทศเดียวกับที่คุณต้องการรับชม Disney+

หรือจะสามารถใช้บัตรของขวัญแทนก็ได้ อย่างไรก็ตาม หากคุณกำลังรับชม Disney+ จากต่างประเทศ คุณจะต้องใช้ VPN ที่มีเซิร์ฟเวอร์ภายในประเทศที่มี Disney+ ให้บริการเพื่อเข้าถึงเนื้อหาใน Disney+ และเพื่อให้คุณสามารถซื้อบัตรของขวัญที่ใช้งานได้จากภูมิภาคเดียวกัน นี่คือขั้นตอนที่คุณสามารถทำได้ดังต่อไปนี้:

  • สร้างบัญชี iTunes ใหม่ (สำหรับผู้ใช้ iOS) หรือ Google Play (สำหรับผู้ใช้ Android) และเลือกตำแหน่งที่คุณต้องการ เช่น อเมริกา
  • เติมเงินในบัญชีและเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN ในอเมริกา
  • ซื้อบัตรของขวัญ iTunes หรือ Google Play ด้วยจำนวนเงินที่มากพอสำหรับซื้อบริการ Disney+
  • เปิดแอป Disney+ และสมัครใช้งานโดยใช้บัตรของขวัญและเริ่มรับชมเนื้อหาที่คุณชอบได้เลย

ฉันสามารถรับชม Disney+ ฟรีได้ไหม

แม้ว่า Disney+ จะไม่มีการทดลองใช้ฟรี แต่บางครั้งบริการก็นำเสนอโปรโมชั่นให้ใช้งานฟรี โดยปกติแล้วมันจะมาพร้อมกับบริการอื่นหรือแพ็คเกจเคเบิล ตัวอย่างเช่น หากคุณสมัครใช้บริการ Verizon Wireless หรือ Amazon Music บางครั้งบริการเหล่านี้ก็นำเสนอการใช้งาน Disney+ ฟรีเป็นเวลา 2-3 เดือน โปรดทราบว่าบริการเหล่านี้ใช้ได้เฉพาะกับลูกค้าที่อยู่ในอเมริกา ดังนั้นคุณจะต้องใช้วิธีการเรียกเก็บเงินในอเมริกา คุณสามารถใช้ VPN ที่มีการรับประกันเงินคืนคุณก็สามารถใช้ VPN เพื่อ Disney+ ได้จากทุกที่และใช้การรับประกันคืนเงินเพื่อขอคืนเงินก่อนครบเวลาทดลองใช้ได้

การใช้ VPN เพื่อรับชม Disney+ ผิดกฎหมายหรือไม่

ไม่ การรับชม Disney+ ด้วย VPN นั้นไม่ใช่สิ่งที่ผิดกฎหมาย ไม่มีกฎหมายข้อใดระบุว่าการเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกปิดกั้นด้วย VPN นั้นเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย

อย่างไรก็ตามคุณควรทำความเข้าใจมุมมองของประเทศของคุณเกี่ยวกับ VPN ในประเทศที่มีการเซ็นเซอร์เนื้อหาต่าง ๆ อย่างเข้มงวดอย่างจีนและรัสเซียนั้นจำกัดหรือแบนการใช้ VPN เราไม่สนับสนุนการละเมิดกฎหมาย ดังนั้นโปรดตรวจสอบกฎหมายท้องถิ่นของคุณก่อนใช้ VPN

ฉันควรทำอย่างไรเมื่อพบข้อความแสดงข้อผิดพลาดใน Disney+

หากคุณพบข้อความแสดงข้อผิดพลาดของ Disney+ หรือจอดำเมื่อเชื่อมต่อกับ VPN ให้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้:

  • เลือก VPN ที่มีคุณภาพ — บางบริการไม่สามารถเข้าถึง Disney+ ได้อย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากถูกขึ้นบัญดำหมายเลข IP หรือไม่สามารถซ่อนหมายเลขของคุณได้จริง เมื่อเลือก VPN ชั้นนำ คุณจะสามารถเข้าถึง Disney+ ได้อย่างสม่ำเสมอและไม่พบปัญหาการใช้งานใด ๆ
  • อัปเดตแอป VPN — แอป VPN ที่ไม่ได้รับการอัปเดตอาจไม่สามารถทำงานได้ครบถ้วนและไม่สามารถเข้าถึง Disney+ ได้ การอัปเดตแอป VPN เป็นเวอร์ชั่นล่าสุดและเชื่อมต่อใหม่จะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงบริการได้
  • เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ใหม่ — Disney+ อาจจะขึ้นบัญชีดำหมายเลข IP ของ VPN อยู่ บริการ VPN ที่มีคุณภาพจะนำเสนอตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์ทดแทนจำนวนมาก เพียงแค่ยุติการเชื่อมต่อและเชื่อมต่อใหม่อีกครั้งเพื่อรับหมายเลข IP ใหม่ เท่านี้คุณจะสามารถใช้งานได้อีกครั้ง
  • ลบคุกกี้และแคช — เชื่อมต่อกับ VPN ใหม่อีกครั้งหลังจากลบคุกกี้และแคช เพราะมันอาจมีข้อมูลเกี่ยวกับตำแหน่งที่แท้จริงของคุณ
  • ปิดใช้งาน GPS — อาจเป็นไปได้ว่า Disney+ สามารถเห็นตำแหน่งที่แท้จริงของคุณผ่าน GPS บนอุปกรณ์ของคุณ ปิดใช้งานฟีเจอร์นี้บนอุปกรณ์ของคุณและลองเชื่อมต่อใหม่อีกครั้ง
  • ทดลองใช้บนเบราเซอร์ใหม่ — บาง VPN ไม่สามารถป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลตำแหน่งในบางเบราเซอร์ได้ หากคุณใช้เบราเซอร์บน PC เพื่อเข้าถึง Disney+ เราขอแนะนำให้ลองใช้เบราเซอร์ใหม่ หากยังใช้งานไม่ได้ ให้ลองใช้งาน Disney+ ผ่านแอปแทน
  • เปิดใช้งานโปรโตคอล SSL/TLS และพอร์ต 2080 — หากเป็นไปได้ ให้ตั้งค่า VPN ให้ใช้โปรโตคอล SSL/TLS และพอร์ต 2080  หากไม่รู้วิธี ให้ติดต่อตัวแทนเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ไม่ใช่ทุกบริการที่ให้คุณสามารถปรับแต่งพอร์ตหรือโปรโตคอล SSL/TLS ได้
  • ติดต่อตัวแทน — หากคุณยังมีปัญหาให้ติดต่อตัวแทนของ VPN พวกเขาสามารถช่วยแก้ปัญหาที่คุณมีได้

วิธีการรับชม Disney+ บนทุกอุปกรณ์ด้วย VPN

Disney+ ไม่มีให้บริการในทุกตำแหน่ง และเนื้อหาในแต่ละที่ยังไม่เหมือนกันอีกด้วย วิธีที่ง่ายที่สุดในการเข้าถึง Disney+ ในจากทุกที่คือการใช้ VPN เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดกั้นทางภูมิศาสตร์

VPN ที่ฉันแนะนำให้ใช้กับ Disney+ คือ ExpressVPN บริการสามารถช่วยให้คุณเข้าถึงแพลตฟอร์มได้จากทุกที่และและมีความเร็วมากพอให้คุณสตรีม Disney+ ได้แบบ UHD นอกจากนี้คุณยังสามารถทดลองใช้ฟีเจอร์ต่าง ๆ ของ ExpressVPN ได้อย่างปลอดภัย เพราะบริการมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน ดังนั้นหากคุณไม่ประทับใจกับบริการ คุณสามารถขอคืนเงินเต็มจำนวนได้

เพื่อสรุป VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ Disney+ คือ…

อันดับ
ผู้ให้บริการ
คะแนนของเรา
ส่วนลด
ไปที่เว็บไซต์
1
medal
9.9 /10
9.9 คะแนนของเรา
ประหยัดถึง 49%!
2
9.7 /10
9.7 คะแนนของเรา
ประหยัดถึง 83%!
3
9.5 /10
9.5 คะแนนของเรา
ประหยัดถึง 82%!
4
9.4 /10
9.4 คะแนนของเรา
ประหยัดถึง 67%!
5
9.3 /10
9.3 คะแนนของเรา
ประหยัดถึง 81%!
การแจ้งเตือนความเป็นส่วนตัว!

ข้อมูลของคุณจะถูกเปิดเผยต่อเว็บไซต์ที่คุณเข้าชม!

หมายเลข IP ของคุณ:

ตำแหน่งของคุณ:

ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณ:

ข้อมูลข้างต้นสามารถใช้เพื่อติดตาม กำหนดเป้าหมายโฆษณาและติดตามกิจกรรมที่คุณทำบนอินเตอร์เน็ตได้

VPN สามารถช่วยคุณซ่อนข้อมูลเหล่านี้จากเว็บไซต์ เพื่อให้คุณได้รับการปกป้องตลอดเวลา เราขอแนะนำ ExpressVPN - VPN อันดับ #1 จากผู้ให้บริการกว่า 350 รายที่เราได้ทดสอบ มีการเข้ารหัสระดับทหารและฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวมากมายที่จะช่วยให้คุณมั่นใจในความปลอดภัยเมื่อใช้งานอินเตอร์เน็ต - นอกจากนี้ยังมีส่วนลดจาก 49% อีกด้วย

เข้าชมเว็บ ExpressVPN

พวกเราจัดอันดับผู้ให้บริการตามการทดสอบและการค้นคว้าอย่างเข้มงวด แต่ก็จะมีการคำนึงถึงความคิดเห็นของคุณและค่าคอมมิชชั่นจากผู้ให้บริการด้วย ผู้ให้บริการบางรายนั้นจะมีบริษัทแม่แห่งเดียวกันกับพวกเรา
เรียนรู้เพิ่มเติม
vpnMentor ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2014 ในฐานะเว็บไซต์รีวิวบริการ VPN อย่างอิสระและเว็บไซต์ข่าวเกี่ยวกับเรื่องความเป็นส่วนตัว วันนี้ ทีมงานนักวิจัยความปลอดภัยทางไซเบอร์, นักเขียน และบรรณาธิการนับร้อยของพวกเราได้ช่วยผู้อ่านให้ต่อสู้เพื่ออิสรภาพทางออนไลน์ผ่านการจับมือกับ Kape Technologies PLC ซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ดังต่อไปนี้: ExpressVPN, CyberGhost และ Private Internet Access ซึ่งอาจจะได้รับการจัดอันดับและรีวิวบนเว็บไซต์ของเราด้วย รีวิวที่ได้รับการเผยแพร่บน vpnMentor นั้นมีความแม่นยำถึงวันที่ทำการเผยแพร่ และแต่ละรีวิวก็จะถูกเขียนขึ้นโดยอ้างอิงมาตรฐานที่เข้มงวดด้านการรีวิวซึ่งจะเน้นความเป็นอิสระและการค้นคว้าวิจัยอย่างซื่อสัตย์และเป็นมืออาชีพของนักรีวิว โดยจะเน้นไปถึงความสามารถและคุณภาพของผลิตภัณฑ์รวมถึงความคุ้มค่าที่มันมีต่อผู้ใช้งาน การจัดอันดับและรีวิวที่พวกเราเผยแพร่นั้นอาจจะคำนึงถึงการเป็นเจ้าของเดียวกันที่กล่าวถึงด้านบน และค่าคอมมิชชั่นที่พวกเราได้รับในกรณีที่มีการสั่งซื้อผ่านลิงก์บนเว็บไซต์ของเราด้วย พวกเราไม่ได้ทำการรีวิวผู้ให้บริการ VPN ทั้งหมด และข้อมูลที่เผยแพร่นั้นจะมีความแม่นยำถึงวันที่เผยแพร่แต่ละบทความ

เกี่ยวกับผู้เขียน

เชฮารียาร์เป็นนักเขียนอิสระที่เชี่ยวชาญในด้านการรักษาความปลอดภัยทางอินเตอร์เน็ตและเทคโนโลยีต่าง ๆ เขาสนับสนุนเสรีภาพทางดิจิทัลและเชื่อว่าทุกคนมีสิทธิ์ในการปกป้องความเป็นส่วนตัวเมื่อใช้งาน